cw // มีการกล่าวถึงการฆ่าตัวตาย

บทที่ 68 ให้ฉันทำลายสิ

ฝูงชนที่รอการแจกจ่ายอาหารไม่สนใจเรื่องนั้นอีกแล้ว ต่างมุงล้อมเพื่อช่วยเหลือผู้คน บางคนก็ไปหาหมอหลี่ บางคนก็ไปเรียกหัวหน้าชุมชน แล้วก็มีบางคนไล่ถามข่าวว่าจริงหรือเปล่า

ไม่ต้องพูดถึงคนบ้านซูเลย แม้แต่คนในหมู่บ้านก็ไม่เชื่อว่าซูหม่านซิ่วจะทำเช่นนี้

หล่อนเป็นผู้หญิงนิสัยดีที่หายากในหมู่บ้าน พอแต่งงานเข้าตระกูลของไอ้หมาหวัง หลายคนยังบอกว่าเสียดายจริง ๆ

คนขยันทำมาหากิน จะคิดโดดน้ำได้อย่างไร?

หลังจากที่ยายฉางกดจมูกคุณย่าซูเอาไว้ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้ฟูมฟาย ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเลยสักนิด

ซูฉางจิ่วที่รู้ข่าวจึงรีบมาในทันที ขมวดคิ้วถาม “หลี่จู้จื่อ คุณได้ข่าวนี้มาจากไหน”

ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ซูหม่านซิ่วก็เป็นสมาชิกของชุมชนการผลิตหงซิน มีคนหายไปอย่างลึกลับ ในฐานะหัวหน้าของชุมชนแล้ว เขาไม่สามารถเพิกเฉยได้

“ผมไปที่ชุมชนใหญ่วันนี้ ได้ยินคนพูดกันที่สหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคว่าซูหม่านซิ่วฆ่าตัวตายด้วยการโดดแม่น้ำ ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวเลย…” หลี่จู้จื่อพูดด้วยน้ำเสียงเบาลง

เมื่อครู่นี้คุณย่าซูเป็นลมไปแล้ว ตอนนี้กลัวว่าคำพูดของเขาจะไปกระตุ้นสองสามีภรรยาซูอีกครั้ง

“หลี่จู้จื่อ ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม” ซูเหล่าเอ้อร์เอ่ยถามพลางมองไปยังหลี่จู้จื่ออย่างไม่เชื่อสายตา

ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมา น้องสาวของตนกลับมาที่บ้านยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมถึงคิดฆ่าตัวตายเช่นนี้เล่า?

“ผมว่าผมคงได้ยินผิด จะไปถามมาให้นะครับ” หลี่จู้จื่อเอ่ยอย่างเร่งรีบ

เพื่อสอบถามเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่หลี่จู้จื่อยอมมอบน้ำตาลครึ่งจินให้ผู้อื่น

ก่อนจะแน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงที่ซูหม่านซิ่วฆ่าตัวตายด้วยการโดดน้ำ

“คนคนนั้นยังบอกด้วยว่าไอ้หมาหวังกำลังเตรียมจะแต่งงานกับแม่ม่ายในสองวันนี้!”

“ฉันจะไปสับไอ้หมาหวังนั่นเป็นชิ้น ๆ” ซูเหล่าเอ้อร์ตะโกนอย่างเดือดดาล ขณะที่กำลังจะวิ่งไปก็ถูกคนอื่น ๆ รั้งไว้

“เหล่าเอ้อร์ ช้าก่อน พวกเราต้องวางแผนเผื่อไว้!” ซูฉางจิ่วกล่าวอย่างเร่งรีบ

“วางแผนเผื่ออะไร? ต้องเป็นความคิดไอ้หมาหวังที่บังคับให้น้องสาวฉันตายแน่ ๆ!” แม้ซูเหล่าเอ้อร์เป็นชายร่างใหญ่ แต่ตอนที่ตะโกนออกมา ใบหน้าก็มีน้ำตาไหลอาบแก้ม

ซูเหล่าซานที่พาซูเสี่ยวเถียนกลับมาที่ลานกว้างก็ตกใจกับข่าวนี้ด้วย

เด็กหญิงไม่อยากจะเชื่อ

เธอมันโง่เขลา

เป็นความผิดของเธอเอง หากใคร่ครวญสักหน่อยว่าจะมีวันนี้ ทำไมถึงไม่เริ่มลงมือไปก่อนล่ะ?

“มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน!” เด็กหญิงพึมพำกับตัวเอง หากแต่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

ตอนนี้ทุกคนที่ลานกว้างกำลังจดจ่ออยู่กับข่าวที่ว่าซูหม่านซิ่วฆ่าตัวตาย จึงไม่มีใครสนใจเด็กหญิงเลย

แต่ฉืออี้หยวนกลับสังเกตเห็น

วันนี้เขาก็มารอการแจกจ่ายอาหารเช่นกัน พอเห็นซูเสี่ยวเถียนที่กำลังร้องไห้อยู่ จึงแค่คิดว่าเธอเสียใจเมื่อได้ยินข่าวการตายของญาติ

ผลคือ หลังจากเดินไปตรงหน้ากลับได้ยินเธอพูดซ้ำ ๆ ว่ามันเป็นความผิดของเธอเอง

“อย่าโทษตัวเองนะ อย่าโทษตัวเองเลย!” เขารีบลูบหลังผู้เป็นน้อง “เธอเป็นแค่เด็กนะ เรื่องนี้โทษเธอไม่ได้เลย!”

“พี่อี้หยวน มันเป็นความผิดของหนูจริง ๆ!” ซูเสี่ยวเถียนร้องไห้เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ

ฉืออี้หย่วนทำได้เพียงอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนเพื่อปลอบโยน

“พี่รู้ว่าเธอกำลังโทษตัวเอง แต่เรื่องเกิดขึ้นแล้ว โทษตัวเองไปก็ไม่มีประโยชน์ เสี่ยวเถียน เธอต้องเข้มแข็งนะ!”

ฉืออี้หยวนพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปลอบโยนผู้เป็นน้อง

ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รักเป็นเรื่องบีบคั้นหัวใจ หลายปีก่อนเขาก็เคยรู้สึกแบบนั้น

ไม่คิดเลยว่า วันหนึ่งเด็กสาวผู้มีรอยยิ้มที่สดใสจะเผชิญกับความรู้สึกนี้

อีกด้านหนึ่ง ซูฉางจิ่วตัดสินใจนำคนหนุ่มสาวและผู้คนวัยกลางคนจากชุมชนการผลิตหงซิน โดยเฉพาะผู้ชายจากตระกูลซูเพื่อแสวงหาความยุติธรรมให้กับซูหม่านซิ่ว

ซูหม่านซิ่วฆ่าตัวตายด้วยการโดดน้ำเป็นเรื่องที่ยังไม่มีความชัดเจน แต่ตระกูลหวังทำไม่ดีมามาก แล้วก็ไม่มีใครมาแจ้งสักคนเลยรอดตัวไป แต่นี่กลับกล้าที่จะแต่งงานกับหญิงม่ายตรง ๆ

ส่วนเรื่องการแจกจ่ายอาหารทำได้แค่เลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้เท่านั้น

นักบัญชีหลี่ไม่พอใจ เขาตั้งใจมาเปิดลานกว้าง ทั้งยังไม่ได้แจกจ่ายอาหารอีก เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?

ก็แค่ผู้หญิงที่มีลูกตายไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?

ผู้หญิงคนนั้นจะตายก็ตายไปสิ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์!

แต่เขากล้าพูดออกมาหรือเปล่า? ไม่กล้าน่ะสิ!

เพราะภรรยาของเขาเป็นเครือญาติกับซูหม่านซิ่ว ไม่ใช่แค่ไม่สามารถพูดค้านออกความเห็นได้ แต่ยังต้องคอยตามไปด้วย

แต่เขาไม่อยากไป จึงรีบหาเหตุผลโดยการบอกว่าต้องอยู่ที่ลานกว้างเพื่อคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ

ซูฉางจิ่วเหลือบมองนักบัญชีหลี่ที่โบกมือให้คนอื่นตอนออกเดินทาง

คุณปู่คุณย่าซูถูกแนะนำให้อยู่บ้าน

หากแต่ทั้งสองไม่เห็นด้วย

คนตายคือลูกสาวของพวกเขา ไม่ไปดูให้เห็นกับตาจะยอมได้อย่างไร? แล้วจะเต็มใจได้อย่างไรถ้าไม่เห็นคนพวกนั้นต้องทนทุกข์?

“ฉันต้องไปให้ได้ ยายแก่เจ้าเล่ห์บ้านนั้นใช้อายุข่มผู้คน!” คุณย่าซูพูดอย่างหนักแน่น

ยายหวังเป็นคนอย่างไร คุณย่าซูรู้ชัดมานานหลายปี รู้ดีกว่ายายแก่เจ้าเล่ห์เป็นคนรับมือยาก ถ้าไปแค่คนหนุ่มสาวจะเสียเปรียบเอาได้

หากทวงความยุติธรรมคืนให้ลูกสาวไม่ได้ เธอจะกลั้นใจตาย!

คุณปู่ซูยังบอกอีกด้วยว่าจะไปดูหนังหน้าพวกตระกูลหวัง

ไม่มีใครสามารถโน้มนาวคนทั้งสองได้

สมาชิกบ้านซูทั้งหมดสิบกว่าคนมุ่งหน้าไปที่แห่งนั้น รวมทั้งซูเสี่ยวเถียนวัยเจ็ดขวบที่เนื้อในเธอเป็นคนไม่ยอมล่าถอย

เด็กหญิงรู้สึกว่าอาใหญ่ยังไม่ตาย แต่เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ จึงต้องตามคุณปู่คุณย่าไป

นักบัญชีหลี่ไม่ยอมไป แต่ซูเถาฮวาผู้เป็นภรรยาของอีกฝ่าย และเป็นคนแรกที่บอกว่าจะไป

ซูเถาฮวาเป็นหญิงแกร่ง มีพละกำลังมาก และถือว่ามีชื่อเสียงพอตัวในชุมชนการผลิตหงซิน

“แล้วคุณจะไปทำไม? เรื่องที่บ้านไม่สนใจหรือไง?” นักบัญชีหลี่ค้านแล้วตะโกนใส่ภรรยาตนเอง

“คุณยังเป็นคนอยู่ไหม? ซูหม่านซิ่วเป็นน้องสาวฉัน ฉันเฝ้ามองเธอเติบโตตั้งแต่ยังเด็ก! ลูกหลานตระกูลหลักซูของพวกเราจะมาโดนคนอื่นรังแกแบบนี้ไม่ได้ ถ้าครั้งนี้เราขี้ขลาด จากนี้ไปลูกสาวฉันจะทำอย่างไร?” ซูเถาฮวาพูดอย่างหนักแน่น

เธอมีลูกสาวคนหนึ่งด้วย เรื่องแบบนี้ยอมรับไม่ได้จริง ๆ!

ถ้าลูกสาวถูกรังแกแบบนี้ เธอจะฉีกสัตว์เดรัจฉานพวกนั้นเป็นชิ้น ๆ แน่!

นักบัญชีหลี่ถูกคนรังเกียจเข้าเสียแล้ว สีหน้าที่มองก็เต็มไปด้วยความดูถูก

พวกเราชาวชนบทมีบรรพบุรุษที่ชินชากับสิ่งแบบนี้มานานแล้ว คนขี้ขลาดที่ไม่แสดงตัวแบบนี้ พวกเขาไม่ชอบเลย

แต่นักบัญชีหลี่กลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนมีอารยธรรม ไม่สามารถไปสู้กับใครได้

พอทุกคนจากไป นักบัญชีหลี่ก็ยังพึมพำถึงเรื่องราวต่าง ๆ และน้ำเสียงก็น่ารังเกียจอย่างสุดจะพรรณนา

พอยายฉางได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “นักบัญชีหลี่ คุณพูดว่าอะไรนะ? คนของชุมชนเราถูกข่มเหงเป็นเรื่องที่ดีหรือ?”

ว่าจบก็ถมน้ำลายแรง ๆ หนึ่งที

แม้ยายฉางไม่ได้ไปกับคนบ้านซู แต่เรื่องนี้เธอยืนข้างเดียวกับพวกเขา ส่วนคนในหมู่บ้านไปล้างแค้นให้ซูหม่านซิ่ว แม้เธอจะไม่ได้ตามไป แต่ก็ส่งลูกชายให้ไปด้วย

นักบัญชีหลี่เป็นญาติของตระกูลผู้เฒ่าซู นึกไม่ถึงว่าจะอยู่ที่นี่เพื่อดูความสนุกสนาน!

คนจากชุมชนการผลิตหงซินหกสิบถึงเจ็ดสิบคนเดินตรงไปยังบ้านของไอ้หมาหวังพร้อมทั้งถือไม้ถือเสียมไปด้วย

เป็นแรงขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่!

ระหว่างทางยังเดินผ่านอีกหลายชุมชนการผลิต บางคนก็สงสัยว่าทำไมคนจากชุมชนการผลิตหงซินถึงดูเหมือนว่าพวกเขาจะไปรบอย่างไรอย่างนั้น

คนที่รู้เรื่องวงในก็พูดว่าตระกูลหวังไร้ศีลธรรม ต่อให้มีการเจรจาต่อรองกับลูกสะใภ้ดี ๆ แต่ก็ต้องหย่าอยู่ดี ทั้งยังถูกบังคับให้ตายอีกด้วย คงจะแปลกถ้าบ้านฝ่ายสะใภ้ไม่มุ่งมั่นไปหา

ตอนนี้มีคนแจ้งข่าวว่าคนไร้ศีลธรรมของตระกูลผู้เฒ่าหวังทำรองเท้าขาด*[1] มีลูกกับแม่ม่าย จึงร้อนใจที่จะหย่ากับซูหม่านซิ่ว

มีคนไม่น้อยที่ตามมาด่าทอ แล้วก็มีบางคนที่ตามมาดูความสนุกสนาน

ตอนที่ไอ้หมาหวังและยายหวังได้ยินข่าวก็ตกใจมาก

ตระกูลผู้เฒ่าซูรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? ทั้งยังรวบรวมคนตั้งเยอะมาหาอีก

“แม่ พวกเราทำอย่างไรดี?” ไอ้หมาหวังที่ใช้ดอกชบาเตรียมงานแต่งถามอย่างกังวลใจ

“กลัวอะไร แกก็ยืนยันไปว่ายัยโสเภณีไร้ยางอายหนีตามคนอื่นไปแล้วสิ” ยายหวังกลับสงบมาก กลอกตาคิดหาทาง

“พอถึงตอนนั้นก็ให้ตระกูลซูชดใช้ค่าเสียหายให้เรา!”

ยิ่งยายหวังคิดมากเท่าไรก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ แม้คราวนี้จะไม่มีเงินพอแต่งงานกับหญิงม่าย แต่หลอกได้ก็ถือว่าดีแล้ว

“แม่ เราทำได้ใช่ไหม”

“มีอะไรที่ทำไม่ได้?” ยายหวังพูดอย่างไม่พอใจ

ตอนที่สองแม่ลูกคุยกันก็ได้ยินเสียงโห่ร้องที่ลานด้านนอก บ้านซูมาถึงที่ประตูแล้ว

“เฮ้ย ไอ้หมาหวัง แกนี่มันเหมือนหมาจริง ๆ ใส่ดอกชบาแสร้งเป็นราชา*[2] อยู่หรือ?” พอซูเถาฮวาเห็นไอ้หมาหวังมีดอกชบาอยู่บนอกก็อ้าปากด่าทันที

ระหว่างทาง เธอถามมาไม่น้อยเลยเกี่ยวกับเรื่องที่ซูหม่านซิ่วถูกตระกูลหวังทารุณ เธอกำลังรอระบายความโกรธ แล้วไอ้หมาหวังก็ดันติดดอกชบา คงไม่บังเอิญหรอกใช่ไหม?

“แกนี่อ้าปากก็ด่าเลยหรือ? ยัยปากร้าย!” ไอ้หมาหวังโต้กลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ให้ฉันทำลายสิ!”

*[1] มั่วผู้หญิง

*[2] นอกใจ