บทที่99มีดบิน
อะไรนะ?
ซือซ่าวผู้พิการก็ทำเรื่องคนได้ด้วยเหรอ?
ทำไมมันไม่เหมือนที่เขาเล่ากันเลยนะ?
จั๋วหรันสีหน้าไม่พึงพอใจ ที่เห็นมู่อี้เจ๋อสองผัวเมียทำหน้าไม่ค่อยเชื่อแบบนี้ จึงเอ่ย:”ซือซ่าวบ้านเราก็แค่ประสาทไขสันหลังถูกกระเทือนจึงทำให้ยืนไม่ได้ชั่วคราว ตั้งแต่เกิดเรื่องรถชนปีก่อน พวกเราก็ไม่เคยหยุดรักษาเขาเลย เชื่อว่าอีกไม่นาน ซือซ่าวต้องลุกขึ้นยืนได้แน่”
คำพูดนี้เหมือนมีฟ้าร้องระเบิดบนพื้นราบเลย!
มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียเริ่มลังเล หากหลิงเล่สามารถรักมู่เทียนซิงเพียงคนเดียว และยังสามารถมีลูกได้ทำให้เธอได้เป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัว ก็ใช่ว่าจะพิจารณาไม่ได้
อย่างอื่นไม่ว่า แต่สินทรัพย์พวกนี้ พองานแต่งก็เป็นของมู่เทียนซิง ยังไงๆผู้หญิงทุกคนต้องแต่งงานอยู่ดี ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายแบบไหน เขาอยู่ในสังคมที่วุ่นวายและล่อใจแบบนี้ เปอร์เซ็นต์การหย่าร้างก็มีค่าพอๆกัน ให้ค่าเลี้ยงดูและค่าเสียหายแก่อดีตภรรยาเท่าไหร่ เป็นเรื่องของใจคนที่ต่างกัน!
มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียล้วนเป็นนักธุรกิจ จึงชอบคิดเรื่องการได้ประโยชน์
อยู่ในสังคมแบบนี้ผ่านอะไรๆมาหลายปีแล้ว เห็นมาเยอะ รู้ว่าเศรษฐกิจการเงินมันสำคัญขนาดไหน
อีกอย่าง มู่เทียนซิงเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขา ไม่ว่าจะคำนึงถึงด้วยด้านอะไร ก็ต้องให้ทู่เทียนซิงได้รับประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
มู่เทียนซิงตื่นเต้นลุ้นในใจ
สิ่งแรกที่ตื่นเต้นคือเธอไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะตกลงเรื่องงานแต่งของพวกเขามั้ย และอันดับสองคือดวงตาเธอมองที่ขาของหลิงเล่ อยากให้เขาลุกขึ้นได้จริงๆ!
เจี่ยงซินเพิ่งจะเห็น ว่าลูกสาวตนไปยืนอยู่หลังหลิงเล่แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และพวกเขายังจูงมือกันด้วย
เจี่ยงซินตะลึงจนอ้าปากกว้าง ทำท่าทีเข้าใจอะไรบางอย่าง และเผลอพูดออกมาอย่างประหลาดใจ :”เธอ! เธอชอบซือซ่าวงั้นเหรอ?”
มู่เทียนซิงยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีเสียงพูดที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนดังขึ้น:”ก็เพราะเธอชอบเงินของซือซ่าวไงล่ะ ถึงได้ทิ้งพี่ชายฉันไป! ทรยศพี่ชายฉัน! จะว่าไป ซือซ่าวก็เป็นกิ๊กที่ทำลายความรักของผู้อื่นสิ ไม่อายบ้างหรือไง? ถ้าคุณยังสำนึกได้ ก็ช่วยคืนเทียนซิงให้พี่ชายฉันซะ”
“พอได้แล้ว อยากให้พี่ชายเธอตายเร็วขึ้นหรือไง? มีสมองบ้างไหม?”
เมิ่งอี้หลั่งเครียดจนอยากบ้าตาย!
เขาดึงตัวลูกสาวไว้อย่างแรง ไม่ให้เธอพุ่งไปข้างหน้าอีก!
ผมยังถูกมีดปลิวขาดแล้ว ยังไม่รู้จักกลัวอีก เธออยากทำอะไรกันแน่?
“ผู้หญิงที่โง่แบบนี้ เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกนะเนี่ย!” หนีหย่าจูนขมวดคิ้วและส่งสายตากับจั๋วหรัน
จั๋วหรันยื่นมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า ท่าทีกำลังจะเอาอะไรบางอย่างออกมา เมิ่งเสี่ยวหวีตกใจกลัวจนหลบอยู่หลังเมิ่งอี้หลั่งและกล่าว:”คุณพ่อๆ! เขาจะใช้มีดบินฆ่าหนู! คุณพ่อบังให้หนูด้วย! คุณพ่อ รีบบังหนูไว้สิคะ!”
ทุกคน:”………”
ไม่เคยเห็นลูกสาวแบบนี้มาก่อน เวลาสถานการณ์อันตราย เป็นห่วงแค่ความเป็นความตายของตัวเอง ขนาดพ่อแท้ของตนยังเธอยังให้ขอช่วยบังมีดบินให้เธอเลย!
มู่เทียนซิงเห็นภาพนี้แล้ว ทำให้เธอไม่เสียใจขนาดนั้นแล้ว
เมื่อก่อนไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเมิ่งเสี่ยวหวีนิสัยแย่แบบนี้ ก็เพราะแต่ก่อนไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้สิ ก็เลยไม่มีเรื่องผลประโยชน์ได้เสียที่ขัดแย้งกัน
เมิ่งเสี่ยวหวียังไม่รู้ว่าพี่ชายเป็นตายร้ายดียังไง เธอยังมีอารมณ์แต่งตัวอ่อยหาเขยเต่าทองคำแบบนี้ และยังใช้พ่อช่วยบังมีดให้เธอ กับคนนอกอย่างเธอ ที่ไม่ใช่พี่น้องจริงๆแต่เรียกพี่เรียกน้องกันมาหลายปีแล้ว เธอทำกันถึงเพียงนี้ ก็ไม่แปลกเลย
มู่เทียนซิงถอนหายใจยาวๆ นิ้วโป้งเธอเขี่ยหลังมือและจับมือแน่น
ความสุขของเธอ คือหลิงเล่ ชีวิตนี้ไม่ว่าหลิงเล่จะลุกขึ้นยืนได้หรือไม่ เธอก็จะจับมือเขาแน่นไปมือปล่อยเขา
หนีหย่าจูนไม่สนใจสองพ่อลูกตระกูลเมิ่งอีก เขามองไปที่มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียและกล่าว:”ตอนแรกเราตกลงกันไว้ว่าหมั้นหมายกันเดือนหน้า หลังหนึ่งเดือนค่อยแต่งงานกันไม่ใช่หรือ? นายมู่ คุณหญิงมู่ อย่างอื่นผมไม่กล้าพูด แต่เรื่องที่คุณหนูหมู่แต่งกับซือซ่าว เธอจะมีความสุขยิ่งกว่าการแต่งงานกันชายใดบนโลกทั้งสิ้น อีกอย่าง ครอบครัวผมรักดูแลปกป้องซือซ่าวขนาดนี้ หากอนาคตตระกูลหมู่เกิดเรื่องมีปัญหาขึ้นมา ที่ต้องการให้ช่วย ขอแค่บอก ถ้าอยู่ในขอบเขตที่เราสามารถช่วยได้ ยังไงเราก็ต้องช่วยออกแรงช่วยอยู่แล้วอย่าได้ห่วง”
พูดจบ หนีหย่าจูนแกล้งส่งสายตาเมิ่งอี้หลั่งแล้วพูด:”อย่างเช่น เรื่องของเมิ่งเสี่ยวหลงนี้ก็เช่นกัน”
เมิ่งอี้หลั่งปล่อยเมิ่งเสี่ยวหวี และก้าวไปใกล้ มองหนีหย่าจูนแล้วกล่าว:”คุณชายหนี! เสี่ยวหลงบ้านเรายังเป็นเด็กไม่รู้ความ เขาได้ไปทำผิด และก่อเรื่องขึ้นผมรู้ เสี่ยวหวีบ้านผมก็ถูกเลี้ยงจนเอาแต่ใจตัวเอง หลายปีมานี้ผมมัวแต่ทำธุรกิจหาเงิน ละเลยหน้าที่การสั่งสอนพวกเขา ลูกไม่ดีเป็นเพราะพ่อไม่สั่งสอน ทุกอย่างล้วนผมเป็นคนผิดเอง คุณชายหนี ผมขอร้องแล้วล่ะครับ คุณ…. ”
“เหล่าเมิ่ง!”ทันใดนั้น มู่อี้เจ๋อพูดแทรกเขา:”คุณชายหนีหมายถึง ถ้าเทียนซิงกับซือซ่าวหมั้นกันแต่งงาน เรื่องนี้ ตกลงกันได้”
ตอนพูดคำนี้ มู่อี้เจ๋ก็รู้สึกจนปัญญาเหมือนกัน
ฟังดูแล้วการแต่งกับหลิงเล่ ตระกูลหมู่ได้แต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย แต่เมื่อเอาเรื่องของเมิ่งเสี่ยวหลงมาพูดเวลานี้ เหมือนกำลังถูกฝ่ายตรงข้ามคุกคามชัดๆ
เหมือนกับว่าถ้ามู่เทียนซิงไม่ยอมแต่ง เมิ่งเสี่ยวหลงก็ต้องตาย
แต่ในแง่มุมที่รู้สึกที่ไม่แฮปปี้นี้ มู่อี้เจ๋อก็จะไม่พูดมันออกมา เขาได้แต่โทษตัวเองที่ไม่มีฝีมือในเรื่องนี้ บุกเดี่ยวพันลี้มาทั้งชีวิตก็ได้แค่นี้ ถ้าไม่งั้น น่าจะออกมาเมืองMเช้ากว่านี้ จะได้มีเส้นสายทางสังคมเยอะๆ และเรื่องช่วยเมิ่งเสี่ยวหลงก็อาจเป็นแค่เรื่องจิ๊บจ้อยก็เป็นได้
หลายครั้ง การช่วยเพียงเล็กน้อยของผู้อื่น มันอาจเป็นถึงความฝันอันใหญ่โตของคนทั่วไป
เจี่ยงซินมองตาลูกสาว และถามอย่างตั้งใจ:”เทียนซิง ลูกคิดดีแล้วใช่มั้ย?”
หลิงเล่เป็นใบ้ไม่ใช่เรื่องจริง เรื่องนี้มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียรู้ดี ขาของเขายังโอกาสที่จะลุกขึ้นยืนได้ ถึงแม้จะลุกไม่ได้ ก็ไม่มีผลต่อการมีลูก ที่สำคัญที่สุดคือหลิงเล่นเขารวยมาก และการมีเงินสามารถจ้างคนใช้ หลายเรื่องก็ไม่ต้องลำบากมู่เทียนซิง จริงๆเธอก็สามารถใช้ชีวิตมีความสุขได้สบายๆ
มู่เทียนซิงก้มมองที่ผมดกดำของหลิงเล่
จิตใจอบอุ่นและแน่วแน่ เธอเงยหน้ามองคุณแม่แล้วกล่าว:”คุณแม่คะ หนูอยากอยู่กับเขาค่ะ!”
คำเดียวนี้ เหมือนดาวตกที่วิ่งผ่านความมืดมนในดวงตาของหลิงเล่ มันสว่างไสว เบิกบานงดงามมาก!
เจี่ยงซินไม่พูดอะไร เธอมองมู่อี้เจ๋อและกล่าวว่า:”คุณตัดสินใจเลย
เมิ่งอี้หลั่งนึกคำนึงอยู่สักพัก แลมองหลิงเล่ แลมองมู่อี้เจ๋อ และกล่าวขึ้นว่า:”ถึงผมจะร้อนใจเรื่องลูกชายผม แต่นี่ก็เป็นเรื่องความสุขทั้งชีวิตของเทียนซิง ผมคิดว่า ถ้าจะแต่ง ใช่ว่าคนอื่นว่าไงเราก็ว่าตาม ถ้างั้น เราเจรจากันก่อนดีกว่ามั้ย?”
ได้ยินแบบนี้ หนีหย่าจูนแอบยิ้มในใจ:”ดีๆ ไม่มีปัญหา คนทั่วไปเวลาจะคุยเรื่องแต่งงานกัน ก็ต้องค่อยๆนั่งเจรจา เอาข้อตกลงเงื่อนไขต่างๆออกมาคุยกัน อีกอย่างคุณหนูหมู่เป็นถึงลูกสาวคนเดียวในตระกูลมู่ พวกเราเข้าใจดีครับ งั้นก็เริ่มเจรจากันเลย!”