บทที่98 เซ็นสัญญา

มือใหญ่จูงมือเล็ก มู่เทียนซิงมองดูถึงพบว่า ผิวของหลิงเล่ขาวสว่างเนียนนุ่มมากราวๆกับผิวของเธอเลย!

เขาเป็นผู้ชายนะเนี่ย!

แต่คิดไปแล้ว เขามีคนดูแลตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะพิการทางร่างกาย จิตใจอาจเจ็บปวดบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยต้องลำบากการใช้ชีวิต สิ่งของทรัพย์สินเงินทองไม่เคยขาด คงเป็นเหตุผลที่เขาถูกเลี้ยงมาจนตัวขาวผิวนุ่มแบบนี้เอง

มู่เทียนซิงเริ่มขยับนิ้วมือของเธอ เขี่ยฝ่ามือของเขาเล่นเบาๆ

ในใจเธอกำลังเขินเล็กน้อยและคิดว่า แค่สัมผัสเขาแบบนี้ คงไม่เรียกว่าแต๊ะอั๋งสินะ!

คันเบาๆดุจขนนกถูกผิว มันลึกซึ้งถึงกระดูกภายใน มันจู่โจมเข้าไปถึงใจของหลิงเล่

ทางสีหน้าเขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา แต่ลูกกระเดือกที่เซ็กซี่ของเขาขยับขึ้นลงอยู่หลายหน เหมือนสิ่งมีชีวิตที่กำลังหิวโหยต้องการอาหาร

มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียที่นั่งตรงข้ามพวกเขา ล้วนใจจดใจจ่อฟังจั๋วซีพูดอย่างตั้งใจ แววตามองจ้องตั๋วซี ไม่มีเวลามาสนใจปฏิสัมพันธ์เล็กๆของหลิงเล่พวกเธอสองคนหรอก

คำที่บอกว่า:วันนี้ซือซ่าวจึงมาส่งของกำนัลด้วยตนเอง ทำให้มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียยังตกใจมึนงงอยู่ไม่หาย!

จั๋วหรันจัดเก็บถ้วยแก้วจานบนโต๊ะกาแฟไว้ข้างๆด้วยกัน

ตั๋วซีประคองกล่องมาข้างหน้าและวางลงบนโต๊ะกาแฟ เขาโน้มตัวเปิดกล่อง และเอาของออกมาทีละชิ้น อธิบายให้มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียฟังอย่างละเอียด— —

“นี่เป็นหนังสือรับรองของเจ้าของกรรมสิทธิ์ของวิลล่าที่มีความงดงามไม่เหมือนใคร และนี่ก็เป็นหนังสือรับรองการเป็นเจ้าของร้านทั้งสิบร้านในถนนคนเดินเหอซี ซึ่งชื่อที่เขียนในหนังสือรับรองความเป็นเจ้าของจะเป็นชื่อมู่เทียนซิงเพียงผู้เดียว เชิญนายมู่กับคุณหญิงมู่ชมดูครับ”

จั๋วซีเปิดสมุดเล่มสีแดงแต่ละเล่มยื่นให้ มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียตกใจจนทำไรไม่ถูกเลย จะดูก็ใช่ ไม่ดูก็ไม่ใช่

สองผัวเมียกวาดตาดูแบบไม่อยากจะเชื่อ มีตราประทับตราของรัฐบาลด้วย มีชื่อมู่เทียนซิงด้วย วิลล่าทุกหลังล้วนใหญ่โตมโหฬารสุดๆเลย!

แม้แต่สิบร้านขายของในถนนคนเดิน ยังเป็นร้านใหญ่โตพื้นที่กว้างมากๆ!

สมัยนี้ อะไรมีค่าที่สุด?

ที่ดิน และบ้านมีราคาที่สูงสุด!

เป็นถึงวิลล่าที่แพงที่สุดของเมืองนี้ และร้านขายของกลางตลาดที่มีคนเยอะแบบนั้นนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย มันมีค่ามหาศาลเพียงไหน กลายเป็นของมู่เทียนซิงในพริบตา!

โชว์ไว้ วางอยู่ตรงนั้น แค่เก็บค่าเช่าก็พอให้คนทั้งครอบครัวใช้กินอยู่สบายทุกปีแล้ว!

กะว่าจะแค่ดูผ่านๆ แต่พอได้ดูปุ๊บ สายตาของมู่อี้เจ๋อสองผัวเมียก็ไม่มองที่อื่นอีกเลยนอกจากหนังสือรับรองกรรมสิทธิ์!

พวกเขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ซือซ่าวต้องรวยถึงขนาดไหนกันแน่?

จั๋วซีเหมือนจะเดาออกว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงอธิบายต่อว่า:”นายมู่ คุณหญิงมู่ พวกท่านก็รู้ ว่าซือซ่าวออกจากบ้านตั้งแต่ยังอายุน้อย หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ทั้งหมดนี่ก็เป็นทรัพย์สินทั้งหมดของซือซ่าวแล้ว ซึ่งเขาได้มอบให้กับคุณหนูมู่เพื่อเป็นของหมั้น”

คำพูดนี้ต้องบอกว่า จ้างให้ก็ไม่เชื่อ!

ขนาดมู่เทียนซิงที่ยืนหลังหลิงเล่ยังไม่เชื่อเลย!

อย่างอื่นไม่ว่า อย่างโฉนดบ้านของคฤหาสน์จื่อเวย และสินทรัพย์ในลานหลังคฤหาสน์จื่อเวย และสินทรัพย์ใช้ทำประโยชน์ยังไงหรือทำเกี่ยวกับธุรกิจอะไร หลิงเล่ยังไม่ได้บอกกล่าวเลยสักคำ

สิ่งที่หลิงเล่เหนือกว่าคนอื่นก็คือ ถึงแม้เขาจะเป็นผู้พิการ แต่เขาก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้กดดันจนหายใจไม่ออก เขาไม่พูด ก็ไม่มีใครกล้าถาม ยิ่งไม่มีใครกล้าเปิดเผย!

เจี่ยงซินกัดฟันตัวเอง มือหยิกตรงเอวของสามีของเธอหนึ่งที!

พวกเขาเคยเอาเรื่องแต่งงานของลูกสาวมาทำเป็นเครื่องมือการทำประโยชน์ไปครั้งนึงแล้ว ลูกสาวมีแค่คนเดียว การแต่งงานเป็นเรื่องทั้งชีวิต ความผิดแบบนี้ ครั้งเดียวก็พอแล้ว จะไม่ยอมทำผิดครั้งที่สองอีกแล้ว

และอีกอย่าง ถึงแต่งกับซือซ่าว แล้วจะมีเงินที่ใช้ก็ใช้ไม่หมดแล้วยังไง ?

ขนาดลูกยังไม่รู้จะมีได้เปล่าเลย ลูกสาวยังอายุแค่18 เพราะอะไรจึงต้องเป็นหม้ายทั้งเป็นกับคนพิการแบบนี้ ทั้งชีวิตนี้ต้องจบลงแบบนี้เหรอ?

มู่อี้เจ๋อจ้องตามารยา พยักหน้า

เขาก็คิดแบบนี้เช่นกัน สีหน้าของเขาจึงเหมือนมีคำพูดที่พูดไม่ออก:”ซือซ่าวครับ เรื่องที่คุณกับเทียนซิงหมั้นกัน…”

“เรื่องที่วันนี้ซือซ่าวมาขอหมั้นกับตระกูลมู่ ทางครอบครัวและผู้ใหญ่ ทราบทุกคนครับ”

หนีหย่าจูนดันพูดตัดหน้ามู่อี้เจ๋อซะก่อน และใช้สายตาเตือนมู่อี้เจ๋อกับเจี่ยงซินให้ระวังพูด และก็เปลี่ยนจากสีหน้าเข้มดุของเขาเป็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นกันเองออกมา

เขาลุกขึ้น ไปยืนข้างๆจั๋วซี

จั๋วซีถอย หนีหย่าจูนโน้มตัวลง และหยิบของออกมาจากกล่องไม้สีน้ำเงินต่อ

มู่อี้เจ๋อสองผัวเมียเงิบ มู่เทียนซิงก็เริ่มตื่นเต้น มือใหญ่ของใครบางคนจับมือเล็กโยกส่ายไปมาสองที ปลอบใจเธอแบบไม่ใช้เสียง

หนีหย่าจูนกล่าว:”นี่เป็นลายเซ็นสัญญาของคุณปู่ เอกสารข้อตกลงที่จะให้50%ของบริษัทเพชรพลอยหนีซือเป็นของมู่เทียนซิง ขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ จะมีผลก็ต่อเมื่อมู่เทียนซิงกับซือซ่าวแต่งแต่งงานกัน จะมีผลในวันนั้นเลย! คุณปู่บอกนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของของหมั้น

หนี่หย่าจูนกล่าวต่อ:”นี่เป็นลายเซ็นสัญญาของคุณป้าผม เอกสารการเป็นเจ้าของเกาะ ซึ่งเกาะนี้อยู่นอกทะเลหลวง มีชื่อเสียงจากการผลิตพืชดอก เมื่อศตวรรษที่แล้ว มีคุณผู้หญิงที่ชื่อซูหลิงได้ซื้อเกาะนี้ไว้ มีคนพอทราบข่าวว่า พระมหากษัตริย์เทียนหลิงเป็นหลานของเธอ เธอได้ใช้เกาะนี้สืบทอดให้กับพระมหากษัตริย์เทียนหลิง และพระมหากษัตริย์เทียนหลิงก็ได้มอบเกาะนี้ให้กับคุณป้าผม และตอนนี้คุณป้าได้เขียนไว้ในเอกสารชัดเจนว่า เมื่อคุณหนูมู่เทียนซิงมีลูกชายให้ซือซ่าว การมอบให้กรรมสิทธิ์ของเกาะนี้ก็ได้สมบูรณ์ เอกสารนี้ได้ขบวนการทางกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว การันตีได้ว่าถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้นายมู่ คุณหญิงมู่วางใจได้ ”

ทุกคน:”…….”

มู่เทียนซิงแทบจะเป็นลม

ไม่ได้จะเป็นลมล้มนะ แค่เวียนหัว

หลิงเล่มองหน้าหนีหย่าจูนด้วยสายตาที่ทะลุล้วง และแววตาที่งงแบบทายไม่ถูก ราวกับว่าที่หนีหย่าจูนกำลังอธิบายนี้ เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย

เจี่ยงซินรู้สึกร้อนใจจึงเอ่ยขึ้น:”คุณชายหนี ซือซ่าวก็เป็นแบบนี้ เทียนซิงของเราก็อายุแค่18 แต่งงานไป เรื่องมีลูกก็คง…..ไอ้เกาะนั้นเราคงไม่มีวาสนาจะได้ เราก็ไม่หวังละ แต่ ถึงแม้พวกคุณจะเป็นญาติกันกับพระราชลัญจกร ก็ไม่ควรบังคับกันแบบนี้น่ะ”

“อแห้มๆ”

หนีหย่าจูนเอามือบังปาก พร้อมกับมองหลิงเล่นแบบทำตากะพริบและหัวเราะเย้ยเล็กน้อย ไม่รู้หลิงเล่นรู้สึกยังไงเวลาโดนแม่ยายสงสัยสมรรถภาพด้านนี้

แต่หลิงเล่ยังคงทำหน้านิ่ง ไม่ได้ใส่ใจกับสายตาเยอะเย้ยนั้นของหนีหย่าจูน เพียงแค่กวาดตาแบบเยือกเย็น

หนีหย่าจูนทำหน้าเข้มปกติและพูดกับเจี่ยงซินว่า:”เรื่องนึงที่คุณหญิงมู่อาจไม่เคยรู้ ถึงแม้ซือซ่าวจะพิการทางกาย แต่สมรรถภาพทางด้านนั้นของผู้ชายเขาปกติดีครับ ไม่ทราบว่าคุณหญิงทู่เคยทราบข่าวนี้มั้ย ดาราสาวจีนชื่อหลีจีที่โด่งดังมีชื่อเสียง เธอก็เป็นสาวสวยงดงามคนนึง และได้แต่งงานกับเศรษฐีที่พิการทางขาทั้งสองข้าง และก็ได้มีลูกฝาแฝดสาวด้วยกันหนึ่งคู่”