บทที่97 น่าโดนตี

คำพูดของเมิ่งเสี่ยวหวี ทำเอาทุกคนที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้โกรธกันหมด!

สำหรับหนีหย่าจูนแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสำคัญกว่า การที่ดีกับมู่เทียนซิงเป็นพิเศษ ล้วนเป็นเพราะหลิงเล่คนเดียว หลิงเล่เป็นคนขี้หึงด้วย เขาเพิ่งจะทำให้หลิงเล่เชื่อมั่นในตัวเขาว่าไม่มีทางชอบมู่เทียนซิงเด็ดขาด แต่ตอนนี้ เมิ่งเสี่ยวหวีดันเอาเรื่องที่หลิงเล่ไม่ชอบมาพูด!

สำหรับมู่อี้เจ๋อสองผัวเมียกับเมิ่งอี้หลั่งแล้ว เมิ่งเสี่ยวหวีโง่จนไม่จะโง่ยังไงแล้ว พูดไม่รู้จักแยกแยะสถานที่ ว่าอะไรควรไม่ควรพูด!

สำหรับหลิงเล่ เมิ่งเสี่ยวหวีขืนมีชีวิตต่อก็ไร้ประโยชน์!

สำหรับมู่เทียนซิง เธอเจ็บปวดใจมาก เธอมองจ้องไปที่เมิ่งเสี่ยวหวี ในแววตามีแต่ความรู้สึกเจ็บมีน้ำตาอ่อนๆ และเธอเชิดมองทางอื่น ไม่หันกลับไปมองหน้าเธออีก!

หลิงเล่นเห็นมู่เทียนซิงเสียใจเจ็บปวดแบบนี้ มือที่วางบนขาอย่างสบายก็กำแน่น!

บรรยากาศภายในบ้านเงียบ ทุกคนกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความโกรธ ทันใดนั้น ฝ่ามือของเมิ่งอี้หลั่งตบไปที่ใบหน้าของเมิ่งเสี่ยวหวีอย่างแรง!

“โอ๊ย~”

“ไอ้ลูกไม่รักดี ขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้เลย!”

เมิ่งอี้หลั่งเห็นลูกสาวโดนตบแล้วถอยจนเกือบล้ม เขาห้ามใจไว้ไม่ไปพยุงเธอ!

พี่น้องสองคน ถูกเขาเอาอกเอาใจจนเอาแต่ใจเกินไปแล้ว!

เห็นเมิ่งเสี่ยวหวีทำหน้าเสียใจน่าสงสาร เธอกำลังจะอธิบายให้ตนเอง เมิ่งอี้หลั่งพูดตัดเธอ:”ขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้! ได้ยินมั้ย? ไป! ”

ถ้ายังไม่ขึ้นไปอีก คนต่อไปที่ลงมือคงไม่ใช่พ่อเธอ

“อืออือ~อือ~~” เมิ่งเสี่ยวหวีหันมาทางเจี่ยงซินหวังจะเข้าไปในอ้อมกอดเธอ:”น้าซิน~!”

เจี่ยงซินที่ปกติเอ็นดูเธอมาก ตอนนี้เธอทำหน้านิ่ง ยื่นมือออกไปก่อนที่เธอจะพุ่งเข้ามา ฝ่ามือเธอตรงขึ้นทำท่าห้ามและเอ่ยว่า:”อย่าเรียกฉันว่าน้า หลานสาวอย่างเธอ ฉันไม่มีบุญวาสนาพอหรอก”

มู่อี้เจ๋อก็หัวร้อนเช่นกัน แต่เขาดึงมือของภรรยา หวังให้ใจเย็นลงหน่อย!

เพราะตอนนี้เมิ่งอี้หลั่งก็เครียดเสียใจมากพอแล้ว ถึงลูกๆเขาจะทำตัวไม่เอาไหน แต่เมิ่งอี้หลั่งก็เป็นคนที่ไม่เลวคนนึง

“ฮือฮือ~~ฉันเกลียดพวกคุณ ฉันจะไม่สนพวกคุณอีกแล้ว!ฮือฮือ~~” เมิ่งเสี่ยวหวีเห็นว่าไม่มีใครสนใจเธอเลย เธอโกรธจนมือกำแน่น หันตัวกลับไปกำลังจะวิ่งออกไป เธอก้มหน้าก้มตาวิ่ง ร้องไห้ไปด้วยมือบังหน้าไปด้วย

ทันใดนั้น ของมีคมสีเงินปลิวออกมาในพริบตา!

ผมเปียของเมิ่งเสี่ยวที่กำลังขยับไปมา ก็หล่นลงกับพื้น!

เมิ่งเสียวหวีรับรู้ถึงศีรษะของเธออุ่นๆแว็ปนึง ผมที่มัดเรียบร้อยของเธอได้คลายออก เธอหยุดนิ่ง และเงียบ เกือบลืมหายใจเลยด้วยซ้ำ!

ทุกคนสูตรลมหายใจเข้า ยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จั๋วหรันอยู่ข้างหน้านั้นแล้ว มือของเขาไม่รู้แอบใส่ถุงมือสีขาวตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเดินไปใกล้กับเปียของเธอที่หล่นลงพื้น และหยิบมีดเล็กๆที่อยู่บนเปียขึ้นมา!

มู่เทียนซิงตกใจจนเดินถอยหลัง และประคับประคองมุกไว้!

มือใหม่ที่สง่ายื่นมาจับมือเล็กไว้ และได้หยิบเอามุกที่ห่อไว้ในผ้าไหมแท้ออกมา

เธอหันไปดู หลิงเล่เข็นรถเข็นมาอยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้อยู่ข้างเธอแล้ว

เขาเปิดผ้าไหมทองที่หุ้มมุกไว้ออก เอามุกออกมา และเงยหน้าเล็กน้อยแววตาคู่นั้นมองเธออย่างลึกซึ้ง เธอก็ไม่รู้ทำไม ตัวเธอเข้าไปใกล้เขาโดยอัตโนมัติ

มืออีกข้างของหลิงเล่ ดึงเธอโน้มลง และใส่ต่างหูให้เธอทีละข้างๆ

เขาไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนอื่นเขารักดูแลแฟนแบบไหน เขาทำได้เพียงใช้ใจ ใช้ความรู้สึก เมื่อเห็นเธอเสียใจ เขาก็ไม่สบายตาม ถ้าอยากให้เขาสบายใจขึ้น ก็ต้องทำให้เธอยิ้มได้ก่อน

เมื่อสวมใส่เสร็จ เขามองจ้องตาเธอ แววตาแบ๊วๆ เหมือนเด็กที่รอคำชมจากผู้ใหญ่

ใบหน้าที่กำลังรอคอยนี้เขียนไว้คำโตๆกว่า:ดูสิ ผมใส่ได้แล้ว ใส่เสร็จล่ะ รีบชมผมสิ!

ความรู้สึกเศร้าของหมู่เทียนซิงถูกโยนทิ้งหมดเลย เธอเผลอขำออกมาทั้งน้ำตายังไหล

สีหน้าของเขาที่กำลังรอคอยก็ค่อยยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยนดูอบอุ่นลึกซึ้ง

มู่เทียนซิงยืนข้างหลังเขา และเข็นรถเข็นของเขา กลับมาอยู่ข้างหนีหย่าจูนเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้หลังจากเข็นเขามาแล้ว เธอก็ไม่ไปไหนอีก เธอยืนเฝ้าเขาอยู่หลังเขาเหมือนกับองครักษ์วังหลวง ร่างเล็กของเธอเก็บซ่อนไว้ซึ่งความกล้าและจิตใจที่แน่วแน่

คางน้อยๆของเธอเรียวสวย ใบหน้าผุดผ่องเหมือนมีแสงส่องประกาย

จั๋วหรันเก็บมีดบินเล็กๆขึ้น เขาถอดถุงมือสีขาวออก และขัดเช็ดมีดบินเล็กๆแบบตั้งใจ แล้วทิ้งถุงมือลงถังขยะ

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย:”คุณหนูเมิ่ง ก่อนที่ซือซ่าวกับคุณชายหนีจะเอ่ยปากว่าจะเอายังไงกับเธอ เธอจะไม่มีอิสรเสรีใดๆทั้งนั้น”

เมิ่งเสี่ยวหวีตกใจจนหันกลับมา!

บนพื้น ผมของตัวเองหล่นอยู่กับพื้น!

มือสั่นๆของเธอ ลองจับผม รับรู้ถึงการที่ตอนนั้นรู้สึกศีรษะอุ่นก็เป็นเพราะผมถูกตัดขาด จึงทำให้ผมคลายออกแบบนี้!

“ห๊า~!”

ร้องเสียงตกใจคำนึง และร้องไห้โฮใหญ่อีกครั้ง!

สภาพตกอับแบบนี้ ใครพบเห็นก็คงทำตัวนิ่งไม่ลง สุดท้ายเมิ่งอี้หลั่งก็เดินไป

ดึงมือเธอ ปลอบใจเธอแบบไม่ใช้เสียง แล้วมองไปทางหนีหย่าจูน พูดด้วยความเจ็บปวดใจ:”คุณชายหนี จะเอายังไงก็ว่ามาเถอะ!”

หนีหย่าจูนเมินใส่เขาอีกครั้ง

มองไปข้างๆเห็นจั๋วซียืนอยู่นาน ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว:”เหนื่อยมั้ย?”

จั๋วซีประคองกล่องสีน้ำเงิน ส่ายหัว:”ไม่เหนื่อยครับ”

หนีหย่าจูนกล่าว:”นายไม่เหนื่อยไม่เป็นไร แต่ซือซ่าวน่าจะใจร้อนเต็มทีแล้วล่ะ ไหนลองเล่าเรื่องทึ่เรามาวันนี้สิ อธิบายให้นายมู่ คุณหญิงมู่ฟังหน่อย!”

“ครับ”

จั๋วซีเดินมาข้างหน้า เขามองหน้าหมู่อี้เจ๋อสองผัวเมีย มือเขาประคองกล่องและคำนับอย่างมีมารยาท และเริ่มกล่าว:”นายมู่ คุณหญิงมู่ ตอนแรกนั้นซือซ่าวกับคุณหนูมู่มีตกลงกันว่าจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนก็ทราบ ในประเทศหนิงนั้น กฎหมายการแต่งงานกล่าวไว้ว่า:การแต่งงานเป็นอิสรภาพของชายหญิง บุคคลที่สามไม่มีผลใดๆ ห้ามกีดขวาง ห้ามยุ่งเกี่ยว และตอนนี้ซือซ่าวกับคุณหนูมู่ก็รักกัน ต่างคนต่างมีใจให้กัน แต่แล้วคุณปู่หลิงกับนายมู่ได้ยกเลิกงานหมั้น หวังจะกีดกั้นงานแต่งของทั้งสอง ซึ่งแบบนี้ มันก็ไม่ถูก”

ทุกคน:”…….”

จั๋วซียิ้ม และกล่าวต่อ:”นายมู่คืนสินสอดให้คุณปู่หลิวแล้ว เพราะนี้ ตามธรรมเนียมแล้ว วันนี้ซือซ่าวจะมาส่งของกำนัลด้วยตนเอง”

ทุกคน:”…….”

ใจสู่เทียนซิงเต้นเร็วแรงขึ้น

เธอกำลังมองท้ายทอยคนข้างหน้าเธออย่างเงียบๆ เหมือนเขาจะสัมผัสรับรู้ได้ ฝ่ามือข้างนึงของเขายื่นมาบนไหล่ โบกมือทำท่าทักทายสองสามที

มู่เทียนซิงเขินจนหน้าแดง และนำมือเล็กนุ่มของเธอ ยื่นไปวางลงบนฝ่ามือใหญ่ของเขา