บทที่96กล่าวโทษคนผิด
ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก!
เมิ่งอี้หลั่งมีความคิดที่อยากจะตาย ณ ตอนนั้นให้มันพ้นๆไปเลยก็มี!
หนีหย่าจูนไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นพูดเลย พอมู่เทียนซิงพูดจบเขาก็แทรกพูดทันที:”ต่างหูของเธอๆเอาเก็บไว้ตรงไหน!”
“กล่องใส่เครื่องประดับภายในห้อง”
“คุณหนูเมื่อพักห้องเดียวกับเธอมั้ย?”
“อันนี้ ….”
“พูดความจริง!”
“ไม่ค่ะ เธอมีห้องส่วนของเธอ”
“ใช่ เธอเข้าไปในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังแอบเอาของมีค่าห้องเธอ มาสวมใส่ประดับเป็นของตัวเองแบบนี้ ยังไม่เรียกว่าขโมยอีกหรอ?”
“…..”
มู่เทียนซิงจะเป็นคู่แข่งของหนีหย่าจูนได้อย่างไร?
หนีหย่าจูนพูดสองสามคำก็ทำสมองเธอวนเข้าไปแล้ว วนไปวนมาเธอพูดอะไรไม่ออกเลย สุดท้ายคำตอบมันโผล่ขึ้นเองโดยที่เธอไม่ต้องอธิบายอะไร!
เมิ่งอี้หลั่งตกใจจนหน้าซีดเซียวหมด เขารีบลุกขึ้นเอ่ยว่า:”คุณชายหนี เรื่องนี้เราเข้าใจอะไรผิดไป เสี่ยวหวีกับเทียนซิงสองคนเล่นด้วยกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ ต่างคนก็เข้าห้องของอีกฝ่าย ใส่เครื่องประดับโดยไม่ต้องขออนุญาต ก็เป็นเรื่องธรรมดาของพวกเธอที่ทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว!”
“ใช่ๆๆ ใครจะไปรู้ล่ะว่านี่เป็นของที่คุณหญิงเยว่หยาให้มา” เธอตกใจกลัวและหันไปโทษมู่เทียนซิง:”ก็เพราะเธอนั่นแหละ! ของที่คุณหญิงเยว่หยาให้มาทำไมไม่เอาไปเก็บในตู้เซฟ? เธอเอาใส่กล่องเครื่องประดับทั่วไปแบบนี้ ฉันยังคิดว่ามันไม่ต่างอันอื่นซะอีก!”
มู่เทียนซิงยิ้มประชดในใจคิดว่ามันไม่ต่างจากอันอื่น แล้วทำไมต่างหูตั้งเยอะแยะเธอถึงเลือกมุกทองล่ะ!”
เมิ่งเสี่ยวหวีก็ไม่ใช่คนเกิดในบ้านที่ไร้ฐานะธรรมดาทั่วไป เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าต่างหูมุกทองคุณภาพแบบนี้มันราคาเท่าไหร่กัน?
เอาไปใส่โดยไม่พูดไม่กล่าวกันเลย พอเกิดเรื่องก็โยนความผิดให้เธอเฉย ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว!
มู่เทียนซิงเธอเข้าใจทุกอย่างดี เพียงแต่ไม่ให้เรื่องมันปานโต
เพราะเมิ่งอี้หลั่งก็เป็นคนที่ไม่เลวคนนึง คุณพ่อกับเขาเป็นเพื่อนมิตรภาพกันมาทั้งชีวิต ความสัมพันธ์ที่ยาวนานแบบนี้ ถ้ามาตัดขาดกันเพราะเรื่องแบบนี้ มันน่าเสียดายมากๆ
และหากเธอโกรธจริงๆ หลิ่งเล่ก็จะโกรธด้วย ถ้าหลิ่งโกรธขึ้นมา เมิ่งเสี่ยวหวีก็อย่าได้คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตดีๆอีกต่อไป
ต้องบอกว่า มู่เทียนซิงเธอมีจิตใจที่เมตตาเกินไป เธอไม่อยากเห็นใครต้องเกิดเรื่องอะไรอีก
เธอขอความช่วยเหลือโดยใช้แววตาของเธอมองไปที่หลิงเล่ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ไพเราะน่าฟัง:”คุณอา ช่วยพูดให้พี่หย่าจูนหน่อยสิคะ!”
หลิงเล่มองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง และถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้มีท่าทีอะไร
เพราะหลิงเล่รู้ดีว่า จิตใจคนบางคนมันแข็ง มันเป็นสีดำ ไม่ว่าเธอจะใจดีมีเมตตากรุณาต่อเขาเพียงไหน พวกเขาก็ไม่เคยสำนึกถึงความดีของเธอ มีแต่จะหลอกใช้เธอ และทำลายเธอในที่สุด!
เพราะฉะนั้น กับคนประเภทนี้การให้อภัยก็เหมือนทำให้เขายิ่งได้ใจ การอยู่ให้ไกลก็เหมือนการปล่อยเสือเข้าป่า วิธีที่ดีที่สุดคือ ต้องให้เขารู้ตั้งแต่แรกว่า เธอไม่ใช่คนที่เขาสามารถหลอกใช้ประโยชน์ และทำลายได้ง่ายๆ
หนีหย่าจูนรอท่าทีของหลิงเล่ แต่เขาไม่แสดงท่าทีใดๆ หนีหย่าจูนก็เข้าใจเลย
“จั๋วหรัน!”
เขาเรียกแค่คำเดียว จั๋วหรันก็มาข้างหน้า:”ครับคุณชายหนี”
หนีหย่าจูนชี้ไปที่ต่างหูที่เมิงเสี่ยวหวีกำลังใส่อยู่ กล่าว:”ถอดมันออกมาฆ่าเชื้อเดี๋ยวนี้!”
“ครับ”
จั๋วหรันหันไปมองเมิ่งเสี่ยวหวี เมิ่งเสี่ยวหวีตกใจกลัวจนเดินถอยหลัง!”
เธอยื่นมือถอดต่างหูพร้อมเอ่ยว่า:”อย่าขยับ อย่าเข้ามานะ ฉันถอดเอง”
จั๋วหรันหยิบถุงมือสีขาวออกมาคู่นึง เขาสวมถุงมือ หลังจากรับต่างหูมา เขาหยิบผ้าเปียกที่ใช้ทำความสะอาดเชื้อโรคมาเช็ดตรงก้านต่างหูที่เป็นโลหะ จากนั้นก็ถอดถุงมือออกทิ้งลงถังขยะ แล้วจึงส่งต่างหูให้มู่เทียนซิง:”นี่ครับ คุณหนูมู่!”
มู่เสี่ยวหวีไม่พอใจ ทำไมเธอใส่แค่แป๊บเดียวยังต้องทำการฆ่าเชื้อ
จัวหรันเป็นแค่คนใช้ ยังรังเกียจเธอทำเธออับอายขายหน้า ทิ้งถุงมือลงถังขยะแบบนี้!
มู่เทียนซิงเดินไปข้างรับด้วยสองมือ:”ขอบคุณค่ะ”
จั๋วหรันถอยตัว
และตอนนี้ หนีหย่าจูนถึงค่อยๆเล่าว่า:”คุณป้าผมกับเจ้าสมเด็จรู้จักกันตั้งแต่เด็ก เกิดปีเดียวกัน ก่อนหลังต่างกันเพียงไม่กี่สิบวัน ตอนที่คุณป้าผมอายุครบ15ปี ตอนนั้นเจ้าสมเด็จยังเป็นรัชทายาท เขาได้พบต่างหูมุกทองนี้ และมอบให้กับเธอ ผ่านมาหลายปีแล้ว ทุกคนก็ทราบว่ามุกมันเก็บรักษายากมาก เพราะมันเปลี่ยนสีได้ง่ายเมื่อเจออากาศ แต่คุณป้าผมก็เก็บรักษาให้มันดูใหม่ตลอดแม้หลายสิบปีผ่านมา มันทำให้เห็นแล้วว่าคุณป้าผมรักษาดูแลมันดีขนาดไหน ”
ทุกคนเงียบ
หลิงเล่ทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
มือของมู่เทียนซิงที่ประคับประคองถือมุกไว้ก็รู้สึกร้อนอุ่นๆ
เจี่ยงซิงรีบหาผ้าไหมทองที่สะอาดใหม่ มาให้เธอพันเก็บรักษา
และวินาทีนี้เอง เจี่ยงซินคิดในใจว่า คุณหญิงเยว่หยาไม่มีบุตรที่คลอดเอง แต่รักและดูแลคุณชายหนีเหมือนลูกแท้ๆ และยังเอาของที่เจ้าสมเด็จมอบให้เธอมาประทานให้มู่เทียนซิง งั้นก็หมายความว่าเธอยอมรับให้มู่เทียนซิงเป็นภรรยาคุณชายหนีแล้วสิ?
แต่เจียงซินก็รู้ว่านี่เป็นเพียงเรื่องที่เธอทายขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง
แต่เธอก็แอบหวังอยากให้มันเป็นจริง
เมิ่งอี้หลั่งตกใจจนเกือบจะเป็นลม
ใครจะไปรู้ว่านี่เป็นของที่เจ้าสมเด็จมอบให้คุณหญิงเยว่หยา และคุณหญิงเยว่หยา
ก็ประทานให้มู่เทียนซิงอีกที
“คุณชายหนี!”
เมิ่งอี้หลั่งรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น แต่เขารู้สึกฟันก็สั่นไปหมด หนีหย่าจูนเมินใส่เขาหลายรอบแล้ว แผลใจของเขามันใหญ่มากพอแล้ว!
“เสี่ยวหวียังเด็กและไม่รู้มารยาท คุณชายเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าถือสาเลยครับ”
เมิ่งเสี่ยวหวีเห็นคุณพ่อพูดแบบนี้ จึงรีบเดินไปหน้า คว้าโอกาสที่จะได้คุยกับหนีหย่าจูนไว้:”คุณชายหนี หนูเห็นว่ามันวางในกล่องเครื่องประดับธรรมดาๆแบบนี้ ยังนึกว่าเป็นแค่เครื่องประดับทั่วไป ใครจะไปวางเรื่อยเปื่อยเหมือนเทียนซิงแบบนี้ละคะ? อีกอย่าง หนูก็ไม่รู้จริงๆด้วย มีสุภาษิตกล่าว ไม่รู้ย่อมไม่ผิดไม่ใช่เหรอคะ?”
“เมิ่งเสี่ยวหวี”หนีหย่าจูนขมวดคิ้ว ทำสีหน้ารังเกียจเธอเอ่ยขึ้น:”เธออายุแค่18 ก็แก่แดดแต่งหน้าเข้มแบบนี้แล้ว หน้าเธอในอนาคตไม่อยากคิดเลยจริงๆ ผมหนีหย่าจูนไม่สนใจในคนที่โง่เขลา ไม่รู้แกล้งรู้ เหยียบความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสาวเพื่อให้ตนเองขึ้นที่สูงแบบเธอเลยสักนิด! บรรพบุรุษที่เคารพจนถึงยามคนเฝ้าบ้าน ทุกคนล้วนมีคุณค่ามีฐานะสูงส่ง ซึ่งคนอย่างเธอ ไม่คู่ควรเลยสักนิด!”
คำพูดของหนีหย่าจูน มันแทงใจเธอได้ทุกคำเลย!
เมิ่งเสี่ยวหวีเพิ่งจะเริ่มเพ้อฝันถึงความรักหนุ่มสาว แต่ดันถูกเขาฆ่าความรู้สึกนี้ให้ตายในฝัน
หนีหย่าจูนไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแม้แต่วินาทีเดียว จึงพูดกับเมิ่งอี้หลั่งว่า:”ถ้ายังอยากคุยเรื่องลูกชายคุณ ก็อย่าให้ผมเห็นหน้าลูกสาวคุณอีก! ผมเห็นแล้วอยากอ้วก!”
เมิ่งเสี่ยวหวีรับไม่ได้ขาเธอถึงกับล้มถอยหนึ่งก้าว!
เธอน้ำตาคลอจ้องหน้าหนีหย่าจูน:”คุณชายหนี ท่านก็ชอบมู่เทียนซิงเข้าแล้วใช่มั้ย ในใจเธอมีแต่ซือซ่าว เธอทำให้พี่ชายหนูโชคร้าย ชายคนไหนที่ชอบเธอต้องมีแต่เรื่องร้ายตามมาทั้งนั้น!”