ตอนที่ 348 – ภัยพิบัติอันไม่สมควร
เดินอยู่ที่ตลาดเสรี โม่เทียนเกอเปิดหูเปิดตามาก
ไม่ใช่เพราะสิ่งของที่นี่ดีขนาดไหน ทว่าประเภทแกนปีศาจหลากหลายจริง ๆ แกนปีศาจมากมายนางไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน คิดว่าเป็นอสูรปีศาจเฉพาะในอวิ๋นจง
ผู้ฝึกตนที่ซื้อขายที่นี่ หลอมรวมพลังวิญญาณสร้างฐานพลังล้วนมี โม่เทียนเกอถึงขนาดเห็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานสองคน ส่วนใหญ่สีหน้าเหน็ดเหนื่อย ไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอก
โม่เทียนเกอรู้สึกพิลึกอยู่ในใจ ถามอาอิ๋นว่า “เหตุใดผู้ฝึกตนหลอมรวมพลังวิญญาณเหล่านี้ท่าทางจิตใจห่อเหี่ยวเช่นนี้เล่า”
อาอิ๋นตอบว่า “ผู้ฝึกตนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ล่าอสูรที่นี่ พวกเขาระดับการฝึกตนต่ำ ล่าอสูรปีศาจขั้นสูงไม่ได้ ได้แต่ฆ่าอสูรปีศาจขั้นหนึ่ง แต่อสูรปีศาจขั้นหนึ่งมากมายไม่มีแกนปีศาจ สามารถเสาะพบแกนปีศาจหนึ่งเม็ดไม่ง่ายดายเลย ส่วนวัตถุดิบอื่นของอสูรปีศาจก็ไม่มีมูลค่ามาก……”
พูดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอก็เข้าใจแล้ว ผู้ฝึกตนหลอมรวมพลังวิญญาณเหล่านี้เป็นชนชั้นต่ำสุดของผู้ฝึกตนที่พยุงตลาดแกนปีศาจเกาะเป่ยจี๋นี้ พวกเขาทำงานที่เหนื่อยที่สุดอันตรายที่สุด ได้รับแกนปีศาจอย่างไม่ง่ายดายเลย เอามาขายที่ตลาดเสรีนี้ หาศิลาวิญญาณนิดหน่อยมาสนับสนุนการฝึกตนของตัวเอง พวกเขามิใช่ผู้ค้าเลย ทว่าเป็นคนงาน
“ก่อนหน้านี้ตอนที่บิดาข้ายังอยู่ก็เป็นเช่นนี้ บางครากลับจากการออกออกทะเลก็เหน็ดเหนื่อยเสียจนยืนไม่อยู่ แต่ยังต้องปลุกจิตใจออกมาขายแกนปีศาจ……” อาอิ๋นจู่ ๆ กล่าวขึ้นมาอย่างเหม่อลอย
“บิดาเจ้า?” โม่เทียนเกอหันหน้าไปมองนาง
“อืม” อาอิ๋นก้มศีรษะลง เอ่ยเสียงแผ่วว่า “บิดาข้าก็เป็นผู้ฝึกเซียน แต่รากวิญญาณไม่ดี ปัจจุบันจากโลกนี้ไปแล้ว”
โม่เทียนเกอเงียบงันไปชั่วขณะ ถอนหายใจ ตบบ่าของนางเป็นการปลอบใจ
อาอิ๋นเผยรอยยิ้มออกมา “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านเซียน ข้าไม่เป็นไร บิดาจากโลกไปสองปีแล้ว ข้าชินแล้ว” นางหันข้าง ยกมือชี้ไปยังประตูเล็ก ๆ บานหนึ่งที่ไกล ๆ กล่าวต่อว่า “ที่นั่นก็คือสถานที่ซึ่งนายช่างผู้ประเมินทรัพย์สินหออวี้หลินอยู่ ถึงจะไม่ได้ค้าขาย แต่สามารถไปหาพวกเขาให้ประเมินทรัพย์สิน ขอเพียงจ่ายค่าประเมินก็พอ”
โม่เทียนเกอเงยหน้ามองไป ประตูเล็กบานนั้นมีคนเดินไปเดินมา ส่วนใหญ่คือผู้ซื้อผู้ขายสองฝ่ายเดินไปด้วยกัน แต่ก็มีคนที่เดินเดี่ยว ๆ
นางไม่มีความสนใจอะไรต่อการประเมินทรัพย์สิน ดูอยู่หลายทีก็ละสายตาแล้ว แต่พริบตาให้หลังก็หันกลับไปใหม่
ไม่ถูก เมื่อครู่นางคล้ายจะมองเห็นอะไร! โม่เทียนเกอสาวเท้าไปทางห้องประเมินทรัพย์สินเร็ว ๆ
“ท่านเซียน?” อาอิ๋นตะลึง เดินตามไป
ในห้องประเมินทรัพย์สินเล็ก ๆ ข้างกายนายช่างผู้ประเมินทรัพย์สินไม่กี่คนเต็มไปด้วยผู้คน โม่เทียนเกอเงยหน้ามองไปทั่ว แต่ทำอย่างไรก็ไม่เห็นคนที่เพิ่งจะเห็นเมื่อครู่
“ท่านเซียน ท่านหาคนหรือเจ้าคะ”
หาอยู่ครู่หนึ่ง ไร้ผลลัพธ์ โม่เทียนเกอยอมแพ้ เบียดออกจากกลุ่มคน ส่ายหน้า “ข้าอาจจะดูผิดไป”
“อ้อ……” อาอิ๋นไม่ถามมากความอย่างชาญฉลาด
เจอกับเรื่องอย่างนี้ โม่เทียนเกอหมดความสนใจในการซื้อของ เอ่ยว่า “ไม่มีอะไรน่าดู ไปเถอะ”
ออกจากตลาดเสรี โม่เทียนเกอก็ไม่คิดจะไปซื้อของแล้ว นางคิด ๆ แล้วเอ่ยกับอาอิ๋นว่า “ข้าจะไปเดิน ๆ ที่ชายทะเล พาเจ้าไปไม่เหมาะ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ” อาอิ๋นรับคำ คิดแล้วกล่าวอีกว่า “ท่านเซียน เหล่าผู้ฝึกตนไปล่าอสูร กว่าครึ่งเป็นการเดินไปท่าเรือตะวันออกเฉียงเหนือ ฝั่งตะวันตกเป็นสถานที่ของสำนักใหญ่ต่าง ๆ อาจจะไม่ต้อนรับแขกภายนอก”
“อืม ข้ารู้แล้ว”
ได้ยินนางตอบรับ อาอิ๋นก็คารวะ หมุนตัวจากไป
โม่เทียนเกอไม่ได้หยุดอยู่ที่นี่นานนัก ออกจากตลาด บินขึ้นกลางอากาศ บินไปทางตะวันออก
นางบินพลางคิดถึงเรื่องเมื่อครู่นี้พลาง
ที่ตลาดเสรีนั่น นางเห็นสตรีสวมชุดดำนางหนึ่ง แผ่นหลังนั้นคล้ายกับเนี่ยอู๋ชางมาก พูดตามเหตุผล เส้นทางจากทะเลตะวันออกถึงเกาะหนานจี๋นี้เร้นลับมาก หากมิได้อ่านแผ่นหยกที่โม่เหยาชิงทิ้งไว้ ความน่าจะเป็นที่ตนเองจะหาเจอเองต่ำมาก แต่หากไปทะเลใต้ เทียนจี๋ถึงอวิ๋นจงไม่เพียงเส้นทางยาวไกล ยังมีภยันตรายนานาประการ เนี่ยอู๋ชางที่เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานจะสามารถมาได้อย่างไร หรือว่านั่นมิใช่เนี่ยอู๋ชาง เป็นเพียงนางดูผิดไป? แต่แผ่นหลังนั้นคล้ายเนี่ยอู๋ชางเกินไปแล้ว รูปแบบเครื่องแต่งกายก็เหมือนกัน ถึงแม้แผ่นหลังอาจจะจำผิด แต่เป็นไปไม่ได้ที่แม้แต่เสื้อฟ้าก็คล้ายกันเช่นนี้กระมัง?
โม่เทียนเกอชมวดคิ้วชั่วขณะ รู้สึกเพียงว่าเต็มไปด้วยความกังขา อีกอย่าง ระดับการฝึกตนของสตรีนางนั้นก็เป็นระดับสร้างฐานพลัง จุดนี้กลับไม่ตรงกัน แต่ว่านี่ก็ยังไม่แน่ นางสามารถกักเก็บพลังวิญญาณ คนอื่นก็สามารถเช่นกัน
บินไปไม่ไกลนัก จู่ ๆ สัมผัสได้ถึงแรงกดดันหลายสายเคลื่อนเข้าใกล้
ขณะนี้นางแกล้งเป็นระดับสร้างฐานพลัง ความเร็วก็ช้ายิ่ง คนหลายคนนี้ก็เป็นระดับสร้างฐานพลัง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ใช้เป็นอุปกรณ์เวทบินอะไร ถึงกับเร่งมาได้เร็วมาก
โม่เทียนเกอตั้งใจจะหลบให้สักหน่อย ใครจะรู้ว่าคนหลายคนนั้นจู่ ๆ ก็แยกทางกันล้อมนางเอาไว้
เมื่อค้นพบจุดนี้ นางหยุดลง ขมวดคิ้วมองผู้ฝึกตนหลายคนนี้เข้าใกล้
คนหลายคนนี้มีบุรุษมีสตรี สวมใส่เครื่องแบบเหมือนกัน ดูเหมือนเป็นศิษย์ของสำนักสักแห่ง
“ท่านทั้งหลาย มีธุระหรือ” สร้างฐานพลังขั้นต้นสามคน สร้างฐานพลังขั้นกลางสองคน สีหน้าไม่เป็นมิตร โม่เทียนเกอขมวดคิ้ว นางเพียงเดินทางผ่าน ที่นี่ก็มิใช่สถานที่ของสำนักต่าง ๆ ที่อาอิ๋นกล่าวถึง คนเหล่านี้เหตุใดจึงมา
ได้ยินคำพูดนี้ หลายคนนี้ใช้สายตาสื่อสารกัน ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังขั้นกลางที่นำหน้าผู้นั้นสีหน้าเคร่งขรึม ตะโกนว่า “ส่งสิ่งของออกมา!”
หัวคิ้วโม่เทียนเกอยิ่งขมวดแนบแน่น สายตาของนางกวาดผ่านผู้ฝึกตนที่ล้อมตนเองช้า ๆ เอ่ยว่า “ท่านทั้งหลายจำคนผิดแล้วกระมัง”
ภายใต้สายตาของนาง ผู้ฝึกตนหลายคนนี้อดหดตัวไปมิได้ ผู้ที่ระดับการฝึกตนต่ำยิ่งรู้สึกจิตใจตระหนกคล้ายกับถูกผู้ฝึกตนระดับสูงสะกดข่ม แต่ผู้ฝึกตนสตรีที่อยู่เบื้องหน้าถึงระดับการฝึกตนจะสูงกว่าพวกเขาทั้งหมดก็ยังเป็นสร้างฐานพลังเท่านั้น
สงบสภาวะจิตใจแล้ว คนที่นำหน้าผู้นั้นปั้นสีหน้าเข้มงวดอีกครั้ง “จำผิด? เห็นชัด ๆ ว่าเจ้ากับหัวขโมยกระจอกนั่นพูดสำเนียงเหมือนกัน ยังจะพูดว่าจำผิด?!”
น้ำเสียงของคนคนนี้ไม่เข้าหูจริง ๆ อีกทั้งไม่อธิบายก็ตัดสินว่านางเป็นหัวขโมยกระจอกอะไรนั่น ยิ่งทำให้โม่เทียนเกอไม่พึงพอใจ แต่ว่าที่นี่มิใช่เทียนจี๋ นางเพิ่งจะมาถึง ยังคงข่มใจไว้หน่อยดีกว่า
คิดเยี่ยงนี้แล้ว นางกลืนความโกรธลงไป เอ่ยช้า ๆ ว่า “ท่านทั้งหลายเข้าใจอะไรผิดหรือไม่ จ้ายเซี่ยเพิ่งออกจากตลาดแกนปีศาจ กำลังอยากจะไปท่าเรือ ระหว่างทางก็ถูกท่านทั้งหลายขวางทางแล้ว ไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านทั้งหลายมาทำไม”
ได้ยินวาจานี้ของนาง หลายคนนี้สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง อีกคนหนึ่งส่งเสียงตะโกนว่า “เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย ยังกล้าเถียง!”
โม่เทียนเกอตะลึงไป คำพูดนี้ของนางมีอะไรไม่ถูกต้องหรือ
“ใต้เท้า” คนที่เป็นผู้นำคนนั้นกำอุปกรณ์เวทในมือ เอ่ยเสียงเย็นว่า “ยังคงส่งสิ่งของออกมาแต่โดยดีเสียเถิด! ถึงท่านจะเป็นสร้างฐานพลังขั้นปลาย แต่พวกข้าห้าคนร่วมมือกัน ท่านก็หนีไม่รอดหรอก!”
“หึ!” หลายคนนี้เชื่อฝังหัวว่านางเป็นใครสักคน ไม่ว่าจะสาเหตุอะไร โม่เทียนเกอก็หงุดหงิดแล้ว เอ่ยเสียงเย็นว่า “บอกพวกเจ้าครั้งสุดท้าย ข้าบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ อยากจะลงมือก็เชิญเลย!”
“เจ้า–” ผู้ฝึกตนผู้นำสีหน้าเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้ สุดท้ายกัดฟัน ขยิบตาให้สหายทั้งหลาย
ได้รับสัญญาณทางสายตาของเขา ทั้งห้าคนขยับแทบจะในเวลาเดียวกัน เห็นเพียงห้าคนนี้ล้วงธงหนึ่งผืนออกมาพร้อมกัน แต่ละอันโบกสะบัดในสายลม ผืนธงแผ่ขยาย ทันใดนั้นพลังวิญญาณแปรปรวน ลมหนาวกรรโชก
โม่เทียนเกอหรี่ตา ด้วยระดับการฝึกตนของนางย่อมไม่กลัวผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังห้าคน แต่ว่าฝีมือของห้าคนนี้ค่อนข้างพิสดาร คล้ายกับวิชาม่านพลังที่ใช้คนเป็นม่านพลังชนิดหนึ่ง……
นางมองดูธงในมือของห้าคนนี้ ด้านบนวาดผังปากั้วไท่จี๋ ยังมีรูปวาดอันพิสดารจำนวนหนึ่ง ถึงนางไม่ได้เข้าใจมากแต่ก็ดูออกคร่าว ๆ เป็นแผนผังบางอย่าง ในสมองนางปรากฏแสงวูบขึ้น ถามว่า “พวกเจ้าเป็นคนของสำนักเทียนเหยี่ยน?”
ได้ยินประโยคนี้ คนที่เป็นผู้นำร้องหึเสียงเย็น “ไม่ต้องแสดงแล้ว เจ้าเพิ่งจะขโมยสิ่งของจากหออวี้หลินเรา ตอนนี้แกล้งทำเป็นว่าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น!”
โม่เทียนเกอเดิมเป็นคนที่กินของนิ่มไม่กินของแข็ง คนคนนี้ทัศนคติแข็งกร้าว ก่อกวนนางจนในใจไม่มีความสุข จึงได้สะบัดแขนเสื้อปลดปล่อยแรงกดดัน “ข้าไม่รู้จริง ๆ เจ้าจะว่าอย่างไร”
แรงกดดันของผู้ฝึกตนก่อเกิดตานพอออกมา ทั้งห้าคนสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง หนึ่งคนในนั้นตะโกนว่า “ซือเกอ นี่……”
“ถึงกับเป็นระดับก่อเกิดตาน……” คนที่เป็นผู้นำสีหน้าขาวสลับแดง ทัศนคติเก็บงำไปหน่อย สายตากลับยิ่งแน่วแน่ “ใต้เท้าในเมื่อเป็นผู้อาวุโสก่อเกิดตาน เหตุใจกลับแกล้งเป็นสร้างฐานพลัง คงมิใช่มีแผนร้ายต่อสำนักเทียนเหยี่ยนของข้าหรอกนะ?”
“หึ!” โม่เทียนเกอเอ่ยอย่างเย็นเยียบ “ข้าชอบกักเก็บพลังวิญญาณก็จะกักเก็บพลังวิญญาณ เหตุใดจะต้องอธิบายต่อพวกเจ้าเหล่าผู้เยาว์ด้วย อยู่ดี ๆ ก็กล่าวหาว่าข้าขโมยสิ่งของอะไรของพวกเจ้า ข้ายังจะต้องอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างกับพวกเจ้าอย่างชัดเจนด้วยหรือ ถึงแม้พวกเจ้าสำนักเทียนเหยี่ยนจะเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดของเกาะเป่ยจี๋ก็ไม่มีหลักเหตุผลเยี่ยงนี้!”
หลังจากนางโต้เถียงไปหนึ่งรอบ ทั้งห้าคนก็ลังเลขึ้นมา ถ้าหากเป็นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลัง จับกลับไปมอบให้สำนักลงโทษก็ได้แล้ว แต่ผู้ฝึกตนสตรีนางนี้กลับเป็นระดับก่อเกิดตาน สู้ก็สู้ไม่ได้ ปล่อยเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรตลอดทางมานี้ก็เป็นนางที่น่าสงสัยที่สุด
สำนักเทียนเหยี่ยนนี้อันที่จริงก็ยิ่งใหญ่อยู่คนเดียวที่เกาะเป่ยจี๋ ไม่ยอมเสียหน้า แรกเริ่มวิ่งมาขวางคนอย่างแกร่งกร้าวดุดัน ตอนนี้ค้นพบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสก่อเกิดตานก็ล่าถอยจะไม่ทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะหรอกหรือ อีกอย่าง ซือซูซือป๋อเหล่านั้นในสำนักจะไม่สนใจความทุกข์ยากของพวกเขา จะเพียงพูดว่าพวกเขาไม่จัดการเรื่องราวให้ดี
“ผู้อาวุโสท่านนี้” คนที่เป็นผู้นำในที่สุดยังคงน้ำเสียงอ่อนลง กล่าวกับโม่เทียนเกอว่า “เป็นความจริงที่หออวี้หลินของพวกเราสูญเสียสินค้าสำคัญ หากไม่จัดการเรื่องราวให้ดี พวกเรากลับไปพูดลงทัณฑ์นั้นเป็นเรื่องเล็ก ถึงเวลาทั่วทั้งเกาะเป่ยจี๋ล้วนจะปั่นป่วน เรื่องนี้หนักหนายิ่งนัก ยังคงขอเชิญผู้อาวุโสตามพวกเรากลับไปสักรอบ อธิบายกับสำนักอาจารย์ของพวกเราอย่างชัดเจน”
โม่เทียนเกอยกมุมปากขึ้น ลบสีหน้ายิ้มแย้ม นางที่เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานถูกกล่าวหาเรื่องอะไรไม่รู้อย่างไร้เหตุไร้ผล ถูกผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังไม่กี่คนพากลับไป พูดออกไปจะไม่ทำให้คนอื่นหัวเราะจนฟันร่วงหรอกหรือ หรือว่าคนของอวิ๋นจงล้วนจัดการเรื่องราวกันเยี่ยงนี้ หรือว่าสำนักเทียนเหยี่ยนอิทธิพลใหญ่ที่สุดในที่แห่งนี้ก็เลยวางก้ามเช่นนี้?
“พวกเจ้า หากเป็นผู้อาวุโสในสำนักของพวกเจ้าพูด ข้าอาจจะตอบรับ แต่อาศัยแค่พวกเจ้าไม่กี่คนข้าก็ตามเจ้ากลับไปอย่างเชื่อฟัง มันไม่ตลกหรอกหรือ”
“ผู้อาวุโสท่านนี้!” คนที่ดูเยาว์วัยที่สุดในห้าคนร้องออกมา “ถึงพวกเราจะเป็นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลัง แต่ก็เป็นตัวแทนของสำนักเทียนเหยี่ยน! หากท่านไม่ยอมตามพวกเรากลับไป พวกเราไม่อาจเลี่ยงที่จะรายงานต่อผู้อาวุโสในสำนัก ถึงเวลาเกรงแต่ว่าใบหน้าท่านจะดูไม่ได้แล้ว!”
“เฉียวซือตี้!” คนผู้นี้พูดจบ คนที่เป็นผู้นำนั้นก็ดุทันที น่าเสียดายที่วาจานี้พูดออกจากปากไปแล้ว เขาหันหน้าไปดู บนในหน้าโม่เทียนเกอเคลือบด้วยน้ำแข็งหนึ่งชั้น
“ได้! พวกเจ้าก็กลับไปรายงานผู้อาวุโสในสำนักเถอะ!” นางเงยหน้าขึ้นสูง เพ่งมองทั้งห้าคนเยื้องหน้าอย่างเย่อหยิ่ง “ข้าจะรอผู้อาวุโสในสำนักของพวกเจ้ามาอธิบายถึงหน้าประตู!”
………………………………