– ในวันถัดไป –

เสี่ยวเฉิงยืนอยู่นอกห้องตรวจร่างกายเพื่อรอผลการประเมิน เขายืนอยู่ตรงทางเดินพร้อมใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อ ในระหว่างนั้น หลัวอี้ที่นั่งอยู่ข้างกายก็เผยดวงตาแดงก่ำ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เขาไม่กล้าแม้แต่จะฟังผลการประเมินด้วยซ้ำ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาต้องแยกกลุ่มกัน?

ในฐานะเพื่อนร่วมทีมที่มีกันอยู่สามคนนับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นทหาร ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปหากขาดเสี่ยวเฉิง แต่ถึงกระนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันนั่งลงและเงียบไปสักพัก

ทันใดนั้น ผู้ตรวจก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับเอกสารในมือ “ผลการตรวจไม่ค่อยดีนัก ยังอยากฟังอยู่ไหม?”

เสี่ยวเฉิงพยักหน้าและเผยยิ้มอย่างขมขื่น “เอาเลย”

“พละกำลัง ความเร็ว ความแข็งแกร่งแล้วก็ค่าสถิติอื่นในร่างกายคุณลดลงจากระดับ A ไป C”

สถิติทางกายภาพและพละกำลังรวมถึงความแข็งแกร่งของงคนทั่วไปจะเริ่มต้นจากระดับ E+ ไปจนถึง D และสำหรับคนที่มีพละกำลังมากกว่านั้นหรือเป็นนักกีฬามืออาชีพก็มักจะไปถึงระดับ D+ แต่นอกเหนือจากระดับพวกนี้ ก็ยังมีผู้คนที่อยู่ในระดับ C, C+, B, B+, A, A+ และ S อีกด้วย

แต่ในตอนนี้ ระดับ C ของเสี่ยวเฉิงนั้นบ่งชี้ให้เห็นว่าเขาอยู่ในระดับสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ทว่า การที่จะเข้าร่วมหน่วยรบมังกรได้นั้น เขาต้องอยู่ในระดับ B ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ตรวจไม่อยากจะบอกเรื่องนี้แต่แรก

ถึงอย่างไร เสี่ยวเฉิงก็ยังคงเผยยิ้มออกมา

หลังจากที่ผู้ตรวจเดินจากไป หลัวอี้ก็ก้มหน้าลงและร้องไห้

เสี่ยวเฉิงเดินไปตบไหล่ของหลัวอี้พร้อมถอนหายใจ “ถ้านายได้เข้าไปอยู่ในหน่วยรบมังกรแล้ว ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย ที่สำคัญ อย่าลืมทำตามคำสั่งล่ะ”

“พี่เฉิง…” หลัวอี้พลันร้องไห้และกอดเสี่ยวเฉิง “มันเป็นความผิดของผมเอง! ผมขอโทษ…”

เสี่ยวเฉิงตบหลังเขาแล้วผลักออก จากนั้นก็เดินลงบันไดไป

ความรู้สึกผิดพลันถาโถมเข้ามาใส่หลัวอี้ทันทีที่เห็นเสี่ยวเฉิงเดินจากไป

จากนั้น เสี่ยวเฉิงพลันเห็นสมาชิกคนที่สามยืนอยู่หน้าประตู เขาเผยยิ้มพร้อมกล่าวคำพูด “ทำให้เต็มที่นะ”

หลี่เหว่ยพยักหน้า “ผมจะรอพี่อยู่ที่หน่วยรบมังกรนะ”

คำพูดอื่นคงอาจจะดูดีกว่านี้ แต่ว่าแค่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะสื่อว่าหลี่เหว่ยเชื่อใจเสี่ยวเฉิงมากแค่ไหน

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม จากนั้น เขาก็กลับไปที่หอพักและเก็บสัมภาระ เขารู้ตัวดีว่าจะต้องถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากเขามีคุณสมบัติไม่ตรงตามมาตรฐานที่ถูกตั้งไว้ เขาจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปเพื่อเป็นภาระของคนอื่น หรือเพื่อทำให้ผู้บังคับบัญชาต้องรู้สึกลำบากใจ

หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว เสี่ยวเฉิงก็พลันมองไปยังรูปภาพของพวกเขาทั้งสามตรงหน้า ท้ายที่สุด เขาก็หันหลังกลับและเดินออกจากหอพักไป

– ภายในห้องทำงานของครูฝึก –

“เสี่ยวเฉิง นายอยากให้ฉันช่วยไหมล่ะ? ถึงแม้ว่าค่าสถิติจะลดลง แต่นายก็ยังคอยอยู่เบื้องหลังในฐานะผู้สอนแล้วก็ช่วยฉันเรื่องการรับสมัครคนเพิ่มได้นะ”

“ท่านครับ ผมก็แค่อยากจะพักผ่อนสักหน่อย ไม่ต้องช่วยอะไรผมก็ได้” เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม “คุณก็รู้จักผมดี ผมก็แค่ต้องทิ้งทุกอย่างไว้ที่ค่ายทหารแห่งนี้”

“แต่นายก็ยังคงเป็นทหารที่ยอดเยี่ยมอยู่นะ!”

“แต่มันก็ยังไม่พอ!”

ครูฝึกพลันถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้น เขาก็หยิบจดหมายอ้างอิงออกมาพร้อมกล่าวคำพูดขึ้น

“ฉันเชื่อว่านายจะเอาชนะอุปสรรคนี้ได้และกลับมาอีกครั้ง นี่คือตำแหน่งงานที่เพื่อนของฉันที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะในเมืองซ่างเฉิงช่วยจัดการให้ ถ้านายต้องการงานที่มั่นคง ก็ไปที่นั่นพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ได้เลย”

“ขอบคุณครับ” เสี่ยวเฉิงก้มหัว จากนั้นเขาก็หยิบจดหมายและเดินจากไป

เสี่ยวเฉิงจากไปก็เพราะไม่ต้องการให้หลัวอี้และคนอื่นรู้สึกผิด ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทุกคนได้ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อที่จะได้เข้าร่วมกับหน่วยรบมังกร เสี่ยวเฉิงจากไปเพราะต้องการให้เพื่อนทั้งสองได้เข้าร่วมกับหน่วยรบมังกร

ทันทีที่เขาไปถึงประตูค่ายทหาร เสี่ยวเฉิงก็ได้มองกลับเข้าไปในค่ายเป็นครั้งสุดท้าย ถึงอย่างไร นี่ไม่ได้หมายถึงจุดจบ เขาจะต้องกลับมาและเข้าร่วมกับหน่วยรบมังกรให้ได้ การได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยรบมังกรเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในฐานะทหาร! ถ้าเขายอมแพ้ตอนนี้เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็คงจะไม่ใช่เสี่ยวเฉิงคนเดิมอีกต่อไป เขาก็คงไม่สมควรที่จะเป็นลูกชายของเสี่ยวเหรินอีกต่อไป! เสี่ยวเฉิงมีพ่อเป็นเหมือนความภาคภูมิใจมาตลอดชีวิต และสักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยรบมังกรเพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยานของพ่อให้ได้

เขาเผยยิ้มให้กับครูฝึกและสหายร่วมรบคนอื่น “ผมจะกลับมา!”

ด้านหลังของเสี่ยวเฉิง ทั้งเหล่าทหารและครูฝึกทุกคนในค่ายต่างก็แสดงความเคารพต่อความรุ่งโรจน์ทั้งหมดที่เขานำมาสู่กองทัพภาคที่ห้า