ตอนที่ 2: เขาเป็นสามีของฉัน

มันเป็นอะไรที่แย่มากที่ไม่สามารถเข้าร่วมหน่วยมังกรได้ อีกอย่าง ค่าสถิติและความสามารถทางกายภาพของเสี่ยวเฉิงก็พลันลดลงจนต่ำกว่าเกณฑ์ของทหารธรรมดาเสียอีก เขาจะโอเคกับเรื่องทั้งหมดนี้ไหม?

เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ต้องการที่จะหลั่งน้ำตาต่อหน้าสหายของตน เขายืนกรานที่จะจากไปก็เพียงเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ เขาไม่ได้ต้องการความสงสารหรือความเห็นใจจากคนอื่น ไม่มีอะไรที่ต้องพูดแล้ว ในฐานะผู้แพ้ พูดอะไรออกไปมันก็ผิด ความจริงนั้นโหดร้าย ทางเลือกเดียวที่ยังเหลือยู่ตรงหน้าคือเสี่ยวเฉิงต้องฟื้นตัวและฝึกฝนตัวเองให้ถึงระดับ A และกลับมาอีกครั้ง

หลังจากกลับมายังเมืองซ่างเฉิง เสี่ยวเฉิงก็พลันออกไปเที่ยวไนต์คลับเพื่อสังสรรค์ช่วงกลางคืน

ฝูงชนบนเวทีต่างก็กำลังหมุนตัวไปมาและเต้นไปตามจังหวะเพลง ทว่า เสี่ยวเฉิงก็ยังคงจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง

เสี่ยวเฉิงพลันดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า หลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวที่แต่งตัวสวยหรูคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจีบ “ไม่เลี้ยงฉันสักแก้วหน่อยเหรอคะ?”

เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน จากนั้น หญิงสาวคนนี้ก็พลันจ้องมองไปที่เรือนร่างสูงยาวกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรของเสี่ยวเฉิง

นอกเหนือจากความมีเสน่ห์ที่แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่สามารถปกปิดได้ สายตาที่เฉียบคมและแน่วแน่ของเสี่ยวเฉิงก็ทำให้เขาดูแมนกว่าเดิม

หญิงสาวที่ชอบเที่ยวกลางคืนมักจะชอบชายที่เป็นผู้ใหญ่และเข้มแข็งแบบนี้มากที่สุด ทว่า มีเพียงแต่พวกผู้หญิงหื่นกามเท่านั้นที่มักจะชอบมองหาซ่อนเร้นทางอารมณ์ของผู้ชาย ถึงอย่างไร หญิงสาวคนนี้ก็ดูจะชอบเสี่ยวเฉิงไม่น้อย

“ขอวิสกี้ให้เขาแก้วนึงค่ะ เดี๋ยวฉันจ่ายเอง” หญิงสาวพลันกล่าวคำพูดขึ้นพร้อมโบกมือเรียกบาร์เทนเดอร์

ทันทีที่บาร์เทนเดอร์วางวิสกี้ลงบนโต๊ะ หญิงสาวคนนั้นก็ดูเหมือนจะเทผงยาอะไรบางอย่างลงไปในเครื่องดื่ม ไม่ช้า เธอก็ยื่นแก้วให้เสี่ยวเฉิงและเผยยิ้ม “งั้นฉันเลี้ยงคุณเอง”

“ถึงผมจะเมา แต่ก็ยังมีสติอยู่นะ” เสี่ยวเฉิงพลันหัวเราะเยาะกับการกระทำของหญิงสาว ไม่ช้า เขาพลันตะโกนขึ้นมา “ไปให้พ้นเลย!”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวที่ไม่ต้องการเสียหน้าก็พลันร้องเสียงหลงและเดินจากไป

หลังจากดื่มต่อไปอีกสองสามแก้ว ความรู้สึกจมปรักของเสี่ยวเฉิงก็จางหายไปพร้อมกับกับสติภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

ระหว่างที่ไนต์คลับกำลังจะปิด บาร์เทนเดอร์ก็เดินมาหาเสี่ยวเฉิงพร้อมกล่าวคำพูด “เอ่อ… คุณครับ? คุณ? ตื่นได้แล้ว”

เขานอนเอาหัวพิงโต๊ะพร้อมกับถือขวดเปล่า เสี่ยวเฉิงเมาจนแทบจะไม่ได้สติแล้ว

แต่ไม่ว่าบาร์เทนเดอร์จะปลุกด้วยวิธีไหน เขาก็ไม่ยอมตื่นเลย ไม่ช้า พนังงานอีกสองคนก็มาช่วยพยุงเสี่ยวเฉิงพร้อมกับหาโทรศัพท์ที่เขาพกติดตัวมาด้วย

บาร์เทนเดอร์ปลดล็อคโทรศัพท์ด้วยนิ้วมือของเสี่ยวเฉิง จากนั้น เขาก็รีบกดเข้าไปดูที่รายชื่อผู้ติดต่อ ทว่า มันแทบจะไม่มีชื่อใครเลย เสี่ยวเฉิงบันทึกเบอร์โทรของคนสนิทเอาไว้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

หมายเลขแรกที่ปรากฏถูกตั้งชื่อว่า “ภรรยา” ทันทีที่เห็นเช่นนั้น บาร์เทนเดอร์ก็กดโทรออกทันที

เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น แต่กลับไม่มีใครรับสาย จากนั้น บาร์เทนเดอร์ก็กดโทรออกอีกครั้งและรออยู่สักครู่ ท้ายที่สุดก็มีคนรับสาย

ผู้หญิงที่อยู่ปลายสายพลันตอบกลับ แม้มันจะฟังดูค่อนข้างเย็นชา แต่น้ำเสียงของเธอก็นุ่มนวลและผ่อนคลายไม่น้อย

“ว่าไงคะ?”

บาร์เทนเดอร์มึนงงไปชั่วครู่ จากนั้น เขาก็รีบตอบกลับ

“เอ่อ… สวัสดีครับ คุณเป็นภรรยาเจ้าของเบอร์นี้ใช่ไหม? คือว่าคนผู้ชายคนนี้เมาหนักมากเลยครับ เขาอยู่ที่ไนต์คลับ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นครับ”

ผู้หญิงที่อยู่ปลายสายพลันเงียบไป

“คุณคงโทรผิดแล้วแหละค่ะ” เธอตอบกลับ

“แต่ว่า…” บาร์เทนเดอร์มองไปยังรายชื่อผู้ติดต่ออีกครั้งและพูดต่อ “แต่ผู้ชายคนนี้บันทึกหมายเลขนี้ว่าเป็นหมายเลขของภรรยานะครับ… ยังไงผมต้องขอโทษด้วย น่าจะเข้าใจผิด”