ตอนที่ 115 เครื่องบินกับรถถังก็ขับได้

แค๊ก.. แค๊ก…

หลังจากได้ยินคําตอบของเย่เข่อเอ๋อ หลินหนานก็ถึงกับสําลักโจ๊กที่กําลังกินอยู่ทันที เขารีบหยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดปาก พร้อมกับจ้องมองเย่เข่อเอ๋อด้วยความตกใจ

ในขณะที่หญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดนอนเนื้อบาง และคอผ่ากว้างจนเห็นช่วงไหล่ขาวนวลราวกับหิมะ และผมยาวที่ปล่อยสยายประบ่านั้น ก็กําลังจ้องมองเขาด้วยแววตาขี้เล่น และเฉลียวฉลาด

เย่เข่อเอ๋อนั่งกระดิกขาขาวนวลเนียน ฝ่าเท้าที่สวมรองเท้าแตะนั้นสะบัดไปมา..

หลินหนานเห็นท่าทางของเธอก็ยิ่งรู้สึกวิงเวียนศรีษะ แต่แล้วก็ตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางที่ระมัดระวังตัว

“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว! ผมเป็นพี่เขยของคุณนะ..”

เขาจําเป็นต้องระมัดระวังตัวกับหญิงสาวตัวแสบนี้ให้มาก เพราะครั้งที่แล้ว เขาก็ถูกเธอหลอกให้ไปโรงแรม แล้วแอบถ่ายรูปที่เขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นไว้ ก่อนจะพาพี่สาวของเธอมาดูให้เห็นกับตา และเรื่องนี้ก็เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานนัก

ยัยเด็กสาวตัวแสบนี้ กําลังคิดวางแผนจะทําอะไรอีกนะ?

“นี่พี่เขย! ฉันไม่ได้ชวนไปเดทสักหน่อย แล้วที่ที่ฉันจะชวนพี่เขยไป ก็มีคนอยู่ตั้งหลายคน!” เย่เข่อเอ๋อรีบอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง

“มีคนอยู่หลายคนด้วยงั้นเหรอ..?”

หลินหนานแกล้งทําเป็นตาโต พร้อมกับตวาดใส่เย่เข่อเอ๋อ “เย่เข่อเอ๋อ.. ผมรู้ว่าคุณเป็นเด็กสาวใจกล้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะใจกล้าได้ขนาดนี้ นี่ถึงกับกล้าทําแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นเชียวเหรอ?”

“แต่ผมไม่กล้าหรอกนะ!”

เย่เข่อเอ๋อเห็นสีหน้าท่าทางที่เล่นใหญ่จนเกินจริงของหลินหนาน ก็รู้ได้ทันทีว่า เขาจงใจที่จะแกล้งก่อกวนให้เธอโมโห และล้มเลิกความตั้งใจไป เธอจึงได้ยกมือเท้าสะเอว พร้อมกับร้องตะโกนตอบกลับไปว่า

“นี่นายกําลังคิดอะไรอยู่? ที่ที่ฉันจะชวนนายไปเป็นสถานที่ที่อยู่ไกลจากตัวเมืองมากๆ แล้วก็เป็นที่ที่คนชอบรุนแรง รวดเร็ว แล้วก็ตื่นเต้นไปดูกัน!”

“แล้วที่คุณพูดมา มันต่างจากที่ผมคิดตรงไหนไม่ทราบ?” หลินหนานย้อนถามตาโต

มีคนเยอะแยะ รุนแรง ตื่นเต้น. คําอธิบายแบบนี้ ผู้ชายคนไหนได้ฟังก็คงจะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้แน่ๆ

คุณน้องเมีย.. คิดไม่ถึงว่าจะใจกล้าได้ขนาดนี้

หลังจากที่เห็นสีหน้าท่าทางที่กําลังคิดเรื่องไม่เหมาะไม่ควรของหลินหนาน เย่เข่อเอ๋อก็โมโหขึ้นมาจริงๆ และรีบร้องตะโกนตอบกลับไปว่า

“ฉันกําลังพูดถึงเรื่องการแข่งรถย่ะ!”

“อืมม. ผมก็กําลังพูดถึงเรื่องการแข่งรถ แล้วคุณกําลังคิดเรื่องอะไร?” หลินหนานย้อนถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เย่เข่อเอ๋อโมโหจนถึงกับต้องยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง และได้แต่แอบคิดในใจว่า ผู้ชายยียวนกวนอารมณ์อย่างหลินหนาน คงจะมีเพียงคนเดียวในโลกแน่ๆ

เย่เข่อเอ๋อกัดฟันกรอด ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูหลินหนานเบาๆ “พี่เขย คืนนี้จะมีการแข่งรถที่เขาฝูหลง มันน่าตื่นเต้นมากเลยนะ พวกเราไปดูกันมั้ย?”

เวลานี้ ทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกันอย่างมาก และคอเสื้อที่ปาดกว้างของเย่เข่อเอ๋อ ก็ย้อยลงมาข้างหน้าและหากหลินหนานอยากจะมองจริงๆ เขาก็สามารถมองเห็นทุกอย่างที่อยากเห็นได้เลยทีเดียว

และเวลานี้ เลือดกําเดาก็เกือบจะพุ่งออกจากรูจมูกของเขา!

แต่ไม่เพียงเท่านั้น!

กลิ่นหอมเย้ายวนซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะกายของเด็กสาว ก็ยังโชยเข้ามาในจมูกของหลินหนานพร้อมกับเสียงกระซิบเบาๆข้างหูเธอ ทําให้บางสิ่งบางอย่างบนร่างกายของเขาถึงกับตื่นตัวอย่างรวดเร็ว

“เป็นการแข่งรถจริงๆน่ะเหรอ?”

หลินหนานรีบเดินสายตามองไปทางอื่น เพื่อไม่เห็นขนมปังสองก้อนของน้องเมีย..

“จริงสิ! เป็นการแข่งรถจริงๆ! แต่นี่ไม่ใช่การแข่งรถของสมาคมใหญ่โตอะไร เป็นการจัดแข่งกันเอง แต่ผู้เข้าแข่งขันก็ล้วนเป็นนักแข่งที่มีฝีมือไม่ธรรมดาเลยล่ะ”

และเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ แววตาของเย่เข่อเอ๋อก็เป็นประกายขึ้นมาทันที!

“คุณก็ไปดูเองสิ.. ทําไมต้องมาชวนผมไปด้วย?”

ดูเหมือนหลินหนานจะยังคงไม่ไว้ใจเย่เข่อเอ๋ออยู่ดี เพราะในความรู้สึกของเขานั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่น้องเมียของเขา จะแสดงท่าทีที่ดีต่อเขาจนออกหน้าแบบนี้

“ฉันเห็นนายอยู่แต่บ้าน คงจะรู้สึกเบื่อ ก็เลยอยากพาออกไปเปิดหูเปิดตาเล่น ก็แค่นั้นเอง” เย่เข่อเอ๋อกระซิบตอบเสียงเบา

“จริงเหรอ..?!!” หลินหนานเอ่ยถามออกมา พร้อมกับจ้องมองเย่เข่อเอ๋อด้วยแววตาสงสัย

ฉันไม่เชื่อเธอหรอกแม่ตัวดี!

เย่เข่อเอ๋อจ้องมองสายตาที่รู้กันของหลินหนานอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด เธอก็ต้องยอมสารภาพความจริงออกมา

“ก็.. พี่ใหญ่ไม่อนุญาตให้ฉันไปสถานที่แบบนั้นคนเดียวน่ะสิ! แต่ถ้าฉันไปกับนาย พี่ใหญ่ต้องไม่ว่าแน่ๆ!”

“อ่อ ที่แท้ก็ต้องการดึงผมไปเป็นไม้กันหมาสินะ?”

ในที่สุดหลินหนานก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของน้องเมียอย่างเย่เข่อเอ๋อ..

“พี่เขย.. นะ นะ…”

เย่เข่อเอ๋อเอื้อมมือไปจับไหล่ของหลินหนานเขย่า พร้อมกับออดอ้อนเรียกเขาว่าพี่เขยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานน่าเอ็นดู

หลินหนานถึงกับนิ่งอึ้งไป และรู้สึกชาไปทั่งทั้งร่าง..

หลินหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้พูดเปรยๆขึ้นว่า “เฮ้อ.. ไม่รู้ว่าหมู่นี้เป็นอะไร รู้สึกเมื่อยขาชะมัด!”

“ได้ๆ พี่เขย. ฉันบีบให้เอง!”

เย่เข่อเอ๋อรีบอาสาเข้าไปบีบนวดขาให้กับหลินหนานทันที

“ไหล่ด้วย. หมู่นี้ไหล่ก็ปวดอยู่บ่อยๆ” หลินหนานพูดขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปที่ไหล่ของตนเอง

เย่เข่อเอ๋อรีบลุกขึ้น และเปลี่ยนไปนวดไหล่ให้กับหลินหนานทันที

และไม่ว่าหลินหนานจะสั่งให้นวดตรงไหน เย่เข่อเอ๋อก็ยอมทําตามแต่โดยดี อีกทั้งยังทําอย่างสุดความสามารถด้วย

หลังจากที่เธอนวดให้หลินหนานจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว หลินหนานจึงบอกกับเธอสั้นๆว่า “พอได้แล้ว!”

“พี่เขยคะ.. ทําไมให้ฉันรีบหยุดล่ะ คุณสบายเนื้อสบายตัวแล้วเหรอ?” เย่เข่อเอ๋อยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อพร้อมกับร้องถามหลินหนาน

และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พ่อบ้านฉู่เดินผ่านเข้ามาได้ยินพอดี

สบายเนื้อสบายตัว?!

ทําไมฟังดูแปลกๆ?!

“คุณทําได้ไม่เลวเลยทีเดียว! ถึงแม้จะยังไม่เข้าขั้นมืออาชีพ แต่ก็นับว่าช่วยให้ผมสบายเนื้อสบายตัวขึ้นมาก” หลินหนานสะบัดไหล่ไปมาพร้อมกับเอ่ยชมเย่เข่อเอ๋อ

“ฉันจะกลับไปศึกษาเรียนรู้ให้มากขึ้น ครั้งหน้าพี่เขยจะได้สบายเนื้อสบายตัว แล้วก็มีความสุขมากกว่านี้!” เย่เข่อเอ๋อเป็นเด็กเฉลียวฉลาด และช่างสรรหาคําพูดได้เก่งนัก

พ่อบ้านฉู่ได้ยินถึงกับโมโหจนหน้าดําหน้าแดง

น่าอับอายที่สุด!

ทําไมถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้?

กล้าทําเรื่องแบบนี้กับพี่เขยของตัวเองได้ยังไงกัน?

พ่อบ้านฉู่รีบเงี่ยหู และแอบฟังทั้งคู่คุยกันต่อทันที

“เอาล่ะ เมื่อไหร่ดี?” หลินหนานถามขึ้น

“คืนนี้ค่ะพี่เขย” เย่เข่อเอ๋อร้องบอกหลินหนาน พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยแววตาใสซื่อ

“ตกลง! เห็นว่าคุณตั้งใจทําอย่างเต็มที่แล้ว ผมจะยอมเสี่ยงเพื่อคุณสักครั้ง!” หลินหนานพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ

“เย้! พี่เขยใจดีที่สุดเลย ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่เขยจะต้องดีกับฉันมากๆๆ!” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนออกมาด้วยความดีอกดีใจ พร้อมกับกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข

ในขณะที่พ่อบ้านฉู่ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความผิดหวัง และเดินกระแทกเท้าออกไปโดยไม่สนใจคนที่รู้ผิดชอบชั่วดีสองคนอีก

เฮ้อ.. ถ้าไม่มอง ก็คงไม่เห็นอะไร!!

เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว และเวลานัดหมายก็ใกล้มาถึง..

หลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว หลินหนานก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนอน และไม่แม้แต่จะลงมากินอาหารเที่ยง เพราะต้องรีบฟื้นฟูพลังปราณที่สูญเสียไปในระหว่างที่ต่อสู้กับเฉินมู่เฉิง

ก๊อกๆๆๆ

“พี่เขย พี่เขยคะ.. พร้อมหรือยัง?” หลังจากที่เคาะประตูห้องนอนของหลินหนานแล้ว เย่เข่อเอ๋อก็กระซิบถามเสียงเบา

หลินหนานถึงกับยิ้มกว้าง ฟ้ายังไม่ทันจะมืดดี เด็กสาวก็มาเรียกเขาแล้ว ดูท่าคงจะอยากไปมาก..

หลินหนานลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้อง และพบว่าเธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้เธอสวมเสื้อสเวตเตอร์สีม่วง ดูสดใสประหนึ่งดอกไม้บาน.

“เตรียมตัวพร้อมหรือยังพี่เขย?” เย่เข่อเอ๋อร้องถามหลินหนานด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“ผมต้องเตรียมตัวอะไรงั้นเหรอ?” หลินหนานเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง

“นั่นสินะ! ฉันลืมไป. นายจะแต่งตัว หรือไม่แต่งตัว ก็ไม่มีอะไรต่างกัน!” เย่เข่อเอ๋อพึมพําออกมาพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย

ทําไมฉันจะไปแบบนี้ไม่ได้?

แค่มีใบหน้าหล่อเหลาก็พอแล้ว อีกอย่าง หล่อๆแบบนี้มีแค่คนเดียวในโลก!

จากนั้น หญิงสาวและชายหนุ่มก็เดินไปที่โรงรถ เย่เข่อเอ๋อชี้ไปที่รถเฟอรารี่สีแดง และบอกกับหลินหนานว่า

“คืนนี้ขับรถพี่ใหญ่ไปดีกว่า!”

“นี่คุณไม่กลัวพี่สาวของคุณฆ่าตายรึไง?” หลินหนานถามขึ้นด้วยความตกใจ

“ไม่หรอกน่า!! พี่ใหญ่รักฉันอย่างกับอะไรดี เลิกพูดมากแล้วก็รีบๆขึ้นรถไปได้แล้ว” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนบอกหลินหนาน ในขณะที่กําลังคาดเข็มขัดนิรภัยไปด้วย

“ว่าแต่… นายขับรถเป็นมั้ย?”

“เป็นสิ! อย่าว่าแต่ขับรถยนต์ จะขับเครื่องบิน หรือขับรถถัง ผมก็ขับได้หมดล่ะ!” หลินหนานตอบกลับเสียงดัง-

********

ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ

เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า

เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า

หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล

หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับสังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย

แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด

จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..