ตอนที่ 116 เครื่องมือ

“โอ้โห.. เก่งขนาดนี้เชียว! ฉันว่าเก่งๆอย่างนายคงไม่ต้องใช้มือขับรถก็ได้มั้ง แค่ใช้ปากเป่ารถก็คงเคลื่อนที่ได้แล้ว!”

เย่เข่อเอ๋อร้องตอบพร้อมกับกรอกตามองบน และเธอก็เป็นหนึ่งในอีกหลายๆคนที่ไม่เคยเชื่อคําพูดของหลินหนาน เธอคิดเสมอว่า หลินหนานไม่มีอะไรดี นอกจากปากที่ชอบโอ้อวด

“ก็แล้วแต่คุณ! ถ้าคุณเชื่อว่าผมทําได้ ผมก็ทําได้ แต่ถ้าคุณเชื่อว่าผมทําไม่ได้ ผมก็ทําไม่ได้!”

ยัยเด็กอ่อนหัด! ถึงกับกล้าสงสัยในทักษะการขับรถของฉันเชียวเหรอ?

“เชอะ! จะให้เชื่อคนปลิ้นปล้อนอย่างนายน่ะเหรอ ไม่มีทาง! แค่นายไม่สร้างปัญหาให้ฉันก็พอแล้ว” เย่เข่อเอ๋อโต้กลับทันที

เธอไม่จําเป็นต้องอ่อนโยนกลับชายหนุ่มที่เธอใช้เป็นเครื่องมืออีกแล้ว หลังจากนั้น เย่เข่อเอ๋อก็เหยียบคันเร่งพารถเฟอรารี่สีแดงร้องคํารามจนดังกระหึมนั้น พุ่งออกไปตามถนนอย่างรวดเร็ว

“นี่ขับช้าๆหน่อย ผมเวียนหัว!”

คนที่นั่งข้างคนขับถึงกับต้องคว้าที่จับไว้แน่น พร้อมกับร้องตะโกนบอกหญิงสาวด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

หญิงสาวยังคงควบรถเฟอรารี่ไปด้วยความเร็ว ขนาดที่เข็มไมล์นั้นแทบจะพุ่งขึ้นไปถึงจุดที่บอกความเร็วสูงสุดของรถคันนี้

หลายครั้งที่หลินหนานรู้สึกว่า เขาคงจะไปไม่ได้ไกลกว่านี้ และคงต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่ๆ

“เชอะ!! ตาขาวขนาดนี้ ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่านักเข่งรุ่นเก๋อีกเหรอ??” เย่เข่อเอ๋อทําสีหน้าเย้ยหยัน ก่อนจะเหยียบคันเร่งให้รถแล่นเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป. ในที่สุดรถเฟอรารี่ก็แล่นมาถึงชานเมืองแห่งหนึ่ง และยิ่งขับออกไปไกลมากเท่าไหร่ ทั้งรถและคนที่เดินอยู่ตามท้องถนนก็ค่อยๆเหลือน้อยลงไปไปจนแทบไม่เหลือ

เย่เข่อเอ๋อชะลอความเร็วลง และค่อยๆขับไปจอดอยู่ริมถนน ก่อนจะดับเครื่องคล้ายกับว่ากําลังรออะไรบางอย่าง หรือใครบางคน..

“นี่.. ทําไมไม่ขับไปต่อล่ะ หยุดทําไม?” หลินหนานสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปถามเย่เข่อเอ๋อ

“ฉันกําลังรอใครบางคน!” เย่เข่อเอ๋อร้องบอกหลินหนาน ในขณะที่สายตาของเธอกลับจับจ้องอยู่เบื้องหน้าไม่กระพริบ

“นี่คิดจะเล่นตลกอะไรกับผม? สถานที่รกร้างแบบนี้ จะมีคนที่ไหนกัน?” หลินหนานหันไปมองน้องเมียด้วยความหวาดระแวง

“รอก่อน.. เดี๋ยวเขาก็มา!”

เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนบอกหลินหนานพร้อมกับเปิดประตูก้าวออกไป ก่อนจะไปยืนกอดอกเอนกายพิงรถเฟอรารี่ของตนเอง สายตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่ทิศเบื้องหน้า ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง!

และไม่นานนัก

ลําแสงสว่างสีขาวที่พุ่งผ่านความมืดมิด และเงียบสงบในยามค่ำคืน ก็ปรากฏให้เห็น พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม ราวกับเสียงร้องคํารามของสัตว์ป่าดุร้ายที่อาศัยอยู่ในสถานที่รกร้างแห่งนี้

“นั่นไง! เขามาแล้ว!”

สีหน้าของเย่เข่อเอ๋อเปลี่ยนเป็นดีอกดีใจ จนถึงกับกระโดดโลดเต้นไปมา พร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปข้างหน้าไกลๆ สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

หลินหนานเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่ปลายนิ้วของเย่เข่อเอ๋อชี้ไป และพบว่ามีรถสปอร์ตคันหนึ่งกําลังวิ่งฝ่าความมืดมาอย่างรวดเร็ว ราวกับขุนพลในยุคโบราณที่ควบม้ามาด้วยความเร็ว ดูช่างสง่างามยิ่งนัก!

ฟังจากเสียงเครื่องยนต์กระหมที่ดังออกมา บ่งบอกผู้ที่ขับรถสปอร์ตคันนี้ นอกจากจะต้องใจกล้าเข้าขั้นบ้าดีเดือดแล้ว ยังต้องไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆอีกด้วย!

อีกทั้งผู้ที่สามารถขับรถท่ามกลางความมืดด้วยความเร็วขนาดนี้ได้ ย่อมหมายถึงว่า คนผู้นั้นมีทักษะในการขับรถเข้าขั้นดีเยี่ยมเลยทีเดียว!

หลังจากที่รถสปอร์ตคันแรกแล่นผ่านไปได้ครู่หนึ่ง ก็มีรถคันอื่นๆ แล่นตามหลังมาคันแล้วคันเล่า และแต่ละคันต่างก็แล่นมาด้วยความเร็วที่สูงมากเช่นกัน แสงไฟหน้ารถที่ถูกดัดแปลงมาใหม่นั้น ก็ส่องสว่างจนแทบฉีกความมืดมิดของค่ำคืนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย..

เวลานี้ เสียงร้องคํารามของเครื่องยนต์ ก็ได้ดังกระหึมไปทั่วทั้งบริเวณพื้นที่รกร้างแห่งนี้ และดูเหมือนจะเป็นดังที่เย่เข่อเอ๋อบอกจริงๆ ดูท่าคืนนี้คงจะตื่นเต้น แล้วก็ดุดันร้อนแรงมากทีเดียว!

หลังจากที่รถสปอร์ตคันหน้าแล่นผ่านไปแล้ว รถอีกหลายๆคันที่ขับตามมา ก็ทยอยแล่นผ่านไปคันแล้วคันเล่า ท้องถนนที่มืดมิดยามนี้ จึงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟหน้ารถ และกลุ่มรถที่แล่นผ่านไปด้วยความรวดเร็วนั้น ก็เสมือนฝูงม้าปาที่พุ่งทะยานออกไป เพียงเพื่อที่จะไล่ตามรถสอร์ตคันแรกให้ทัน

“ว้าว!! สุดยอด! เท่ห์มากเลย!” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

หลังจากที่กลุ่มรถทั้งหมดแล่นผ่านไปแล้ว เย่เข่อเอ๋อก็หันไปถามหลินหนานด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“หลินหนาน นี่นายรู้มั้ยว่าคนที่ขับรถสปอร์ตนําหน้าไปคันแรกเป็นใคร?”

“ผมจะไปรู้ได้ยังไง?” หลินหนานส่ายหน้าไปมา

“เขาคือราชานักแข่งอันดับเหนึ่งของเมืองเจียงไฮวเชียวนะ! ชื่อของเขาก็คือเสี่ยวจือหลง เขาไม่ได้มีดีแค่หน้าตาที่หล่อเหลา แต่ยังเป็นถึงนักแข่งรถมือหนึ่งเชียวล่ะ! รู้มั้ยว่าเขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ จนหญิงสาวหลายๆคนอยากจะได้มาเป็นแฟน!” เย่เข่อเอ๋ออธิบายให้หลินหนานฟังด้วยสีหน้าท่าทางที่ชื่นชมอย่างออกหน้า

ก็งั้นๆล่ะ!

หลินหนานนึกเย้ยหยันอยู่ในใจ ก่อนจะหันไปถามเย่เข่อเอ๋ออย่างตรงไปตรงมา “ระหว่างผมกับเขา ใครหล่อกว่ากันเหรอ?”

เย่เข่อเอ๋อถึงกับหันมามองหลินหนานตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่ ขอร้องล่ะ! ต่อไปนายอย่าได้ใช้คําว่า “หล่อ” กับสารรูปของตัวเองจะได้มั้ย?”

“นี่.. คุณอย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกสิ คุณควรจะต้องศึกษาทําความเข้าใจไปถึงจิตใจของคนคนนั้นด้วยรู้มั้ย?” หลินหนานตอบโต้กลับไปทันทีเช่นกัน

“เอาล่ะ รีบๆขึ้นรถได้แล้ว การแข่งรถกําลังจะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเรารีบไปดูกันดีกว่า!” เย่เข่อเอ๋อวิ่งไปขึ้นรถเฟอรารี่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับร้องตะโกนเรียกหลินหนาน

และเป็นเพราะเธอต้องการมาดูไอดอลในดวงใจ เย่เข่อเอ๋อจึงได้มีสีหน้าที่ตื่นเต้นดีใจมากมายขนาดนี้

หลินหนานเดินไปขึ้นรถพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปด้วย และเวลานี้เขาเองก็อยากจะไปดูหน้านักแข่งรถที่ได้ฉายาว่า “ราชานักแข่ง” เต็มที่!

เขาฟูหลงตั้งอยู่ในบริเวณจุดตัดของเมืองเจียงไฮวกับเมืองอื่นๆอีกหลายเมือง เขาแห่งนี้ไม่ใช่เขาที่สูงมากนัก และสูงเพียงแค่สามร้อยเมตรเท่านั้น

เดิมที่ถนนเส้นนี้ใช้เป็นทางข้ามไปยังเมืองต่างๆ แต่เนื่องจากระยะหลัง มีการสร้างเส้นทางอื่นๆ ที่ดูเหมือนจะสะดวกสบายกว่าเส้นทางนี้ ผู้คนจึงหนีไปใช้ถนนหนทางที่สะดวกกว่าทําให้ถนนเส้นที่ผ่านเขาฟูหลงนี้มีผู้ที่นิยมใช้น้อยลงไปมาก จนกระทั่งกลายเป็นถนนร้างไป

แต่คิดไม่ถึงว่า ถนนที่ถูกทิ้งร้างนี้ จะไปเข้าตาของกลุ่มนักแข่งรถเข้า เพราะนอกจากที่นี่จะห่างจากตัวเมืองมากแล้ว ที่สําคัญ ยังไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีตํารวจโผล่มาตรวจตราอีกด้วย

สิ่งสําคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เพราะถนนเส้นนี้เป็นถนนร้าง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีรถคันอื่นโผล่เข้ามาในเส้นทางระหว่างแข่ง อีกทั้งสภาพถนนยังคงดีเยี่ยม ดังนั้น ถนนเส้นนี้จึงนับเป็นเสมือนสวรรค์ของนักแข่งรถทั้งหลาย

และสถานที่รวมตัวของพวกเขาก็คือหน้าโรงงานเก่าแก่แห่งหนึ่ง ที่อยู่ตีนภูเขาฝูหลง..

เมื่อหลินหนานมาถึง เขาก็พบว่ามีรถหรูจอดอยู่หน้าโรงงานเก่าๆแห่งนี้มากมาย และคนขับแต่ละคน ก็ล้วนเป็นหนุ่มสาวอายุน้อย เวลานี้ พวกเขาต่างก็นั่งจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่

หนุ่มสาวอายุยังน้อยแต่ละคนนั้น หากเป็นผู้ชายก็จะสวมใสเสื้อผ้าทันสมัยตามแฟชั่น ส่วนผู้หญิงก็จะแต่งตัวเร่าร้อน แต่ละคนดูราวกับหลุดออกมาจากหนังสือแฟชั่น

หลินหนานอาจไม่มีความรู้เรื่องรถมากนัก แต่เรื่องสาวงามนั้นเขารู้ดีกว่าใครๆ และเวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขา ก็เปล่งประกายเจิดจ้าราวกับไฟฉายคู่หนึ่ง

เย่เข่อเอ๋อเห็นสีหน้าและแววตาเช่นนั้นของหลินหนาน เธอก็ได้แต่พูดประชดประชันขึ้นว่า “นี่..นายจ้องมองอะไร? อย่าลืมว่านายน่ะแต่งงานแล้วนะ!”

“พูดเพ้อเจ้ออะไรกัน! ถ้าไม่บอก ใครจะรู้?” หลินหนานตอบกลับอย่างเจ้าเล่ห์

“ผู้หญิงพวกนั้นสวยเพราะผ่านมีดหมอมาทั้งนั้นล่ะ! ไม่ว่าจะเป็นทรวดทรงองค์เอว ก็ล้วนแล้วแต่ของปลอมทั้งนั้น!” เย่เข่อเออเบะปาก

“งั้นเหรอ.. ของจริงคงจะเหมือนถั่วสองเม็ดแปะไว้สินะ?”

เมื่อเห็นหลินหนานทําท่าไม่สนใจเช่นนั้น เย่เข่อเอ๋อก็ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ และบอกกับเขาด้วยสีหน้าอิ่มเอมว่า

“นั่นน่ะสิ! น้อยคนที่จะสวยธรรมชาติอย่างฉัน แต่จะว่าไป. เดี๋ยวนี้ก็หาคนที่สวย แล้วก็มีเรือนร่างธรรมชาติอย่างฉันได้ยากมากแล้วล่ะ!”

“เพ้อเจ้อ! ถ้าให้ผมมองหน้าอกแบนๆเหมือนฝากาน้ำชาของคุณ ผมยอมมองหน้าอกตูมที่ผ่านมีดหมอจะดีกว่า!” หลินหนานหันไปมองหน้าอกของเย่เข่อเอ๋อ ก่อนจะกรอกตามองบน

“หลินหนาน!! นี่นาย…”

เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนใส่หน้าหลินหนานด้วยความโมโหสุดขีด!! อารมณ์สุนทรีย์ก่อนหน้านี้ได้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น

ฉันคิดผิดจริงๆที่ชวนไอ้บ้านี่มาด้วย!!

“ทําไมเหรอ? ผมพูดอะไรผิด?!” หลินหนานแกล้งทําสีหน้าไร้เดียงสา ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายศรีษะ

“เฮ้อ.. คนเรานี่ก็แปลก เวลาพูดความจริงมักจะไม่อยากฟัง!”

“นี่นาย!! ลงไป! ลงไปจากรถของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนไล่หลินหนานลงจากรถ

และยังไม่ทันที่หลินหนานจะได้ตอบโต้อะไร เย่เข่อเอ๋อก็เอื้อมมือไปทุบตีและหยิกหลินหนานจนเขาต้องรีบเปิดประตูรถกระโดดหนี และล้มคว่ำลงกับพื้น

“นี่มันอะไรกัน?!! เห็นเครื่องมืออย่างผมหมดประโยชน์แล้ว ก็ขับไล่กันแบบนี้เลยเหรอ?”

หลินหนานร้องตะโกนบ่นพร้อมกับยกมือขึ้นปัดฝุ่นตามร่างกายไปด้วย แต่แล้วจู่ๆ เขาก็หยุดนิ่งไป เพราะสัมผัสได้ว่ามีสายตาหลายคู่กําลังจับจ้องมาทางตนเองอยู่

และดูเหมือนจะเป็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรด้วย!

********

ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ

เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า

เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า

หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล

หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับสังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย

แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด

จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..