บทที่ 76 ราคาสวรรค์
บทที่ 76 ราคาสวรรค์
สรุปได้ว่าตลอดทั้งวันมีคนทั้งหมดหกกลุ่มมาที่พาราไดซ์คลับ
ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด
ทั้งหมดต้องล่าถอยไปเพราะตัวตนของโจวอี้
โจวอี้ไม่รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้โบราณสักเท่าไหร่ แต่ประสบการณ์ในวันนี้ทำให้เขาเข้าใจว่าผู้ที่แข็งแกร่งในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณจะได้รับความเคารพ มีอำนาจที่เพียงพอ และเป็นประโยชน์อย่างมาก
นักรบโบราณเหล่านั้นหยิ่งยโสและไม่ยอมใคร สมบัติที่พวกเขาต้องการจะถูกใช้กำลังช่วงชิงไปอย่างเปิดเผยและอุกอาจ
เช้าวันรุ่งขึ้น
โจวอี้มาที่ร้านอาหารพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เขาพบหลินเวยที่กำลังรับประทานอาหารอยู่
เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาพิเศษ พาราไดซ์คลับจึงงดรับแขกและให้วันหยุดกับพนักงานบางส่วน
ดังนั้นทั้งคลับจึงเงียบสงัด และจำนวนคนในร้านก็บางตา
“ศิษย์น้อง เมื่อไหร่อาจารย์จะกลับไปที่ภูเขาชางหลาง?” หลินเวยถาม
“ทำไมถึงอยากรู้?” โจวอี้ถามกลับ
“ฉันว่าจะได้ไปเยี่ยมเธอสักครั้ง” หลินเหว่ยยิ้ม
“คุณไม่กลัวว่าจะโดนทุบตีเหรอ” โจวอี้พูดติดตลก
“มันคุ้มค่าอยู่นะที่จะถูกตีเพื่อแลกกับยาดี ๆ” สีหน้าของหลินเวยดูหมดอารมณ์
“ศิษย์อกตัญญู ความต้องการที่จะไปเยี่ยมเยียนอาจารย์เป็นแค่เรื่องหลอกลวง เพราะในใจมีแต่ความโลภ! รีบอ้อนวอนผมเร็วเข้า ไม่งั้นถ้าผมเจออาจารย์อีกครั้ง ผมจะฟ้องเรื่องคุณให้หมด” โจวอี้หัวเราะ
“ใครอยากจะประจบประแจงนายกัน! แย่ที่สุด ฉันยอมโดนเฆี่ยนถึงสองครั้งยังดีกว่า” หลินเวยตะคอกใส่
“ฮ่าฮ่า!”
12.00 น.
ภายในอาคารที่พักของพาราไดซ์คลับ กลุ่มแขกที่มาเข้าร่วมการประมูลได้รับเชิญให้เข้าไปรอในห้อง
หลี่หงอี้ได้พยายามอย่างมากในการติดตั้งอุปกรณ์ประมูลอัจฉริยไว้ในแต่ละห้องพัก เพื่อให้แขกทุกคนที่อยู่ในห้องพักได้เข้าร่วมการประมูล และเพื่อให้แน่ใจว่าตัวตนของแขกที่ประมูลหม้อระงับวิญญาณจะไม่ถูกเปิดเผย
โจวอี้ หลี่หงอี้ หวงไห่เทา เฉิงฮ่าว และหลินเวยมาที่อาคารโรงแรม และพบว่าห้องพักบนชั้นหนึ่งและชั้นสองมีแขกเข้าพักอยู่ ที่นี่มีห้องพักทั้งหมดหกสิบแปดห้อง กล่าวคือ มีแขกหกสิบแปดกลุ่มที่มาประมูลหม้อระงับวิญญาณ
บริเวณทางเดินของชั้นหนึ่งและชั้นสองมีมือปืนหลายสิบคนยืนพิงกำแพงอยู่
“กฎทั้งหมดที่ผมตั้งไว้ได้แจ้งให้แขกทุกคนทราบแล้ว การละเมิดกฎเหล่านี้จะถือเป็นการยกเลิกการประมูล! คราวนี้แขกที่มาที่นี่หมายตาของสะสมและกองกำลังในศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ ใครเสนอราคาสูงสุดจะได้หม้อระงับวิญญาณไป” หลี่หงอี้อยู่ในห้องควบคุมชั้นสามกล่าวขึ้นอย่างผ่าเผย
“เริ่มเลย! ถ้าเราขายของได้เร็ว เราก็ได้พักผ่อนแต่เนิ่น ๆ” โจวอี้กล่าว
“อืม!”
หลี่หงอี้คว้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาทันที และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมชื่อหลี่หงอี้ ขอแจ้งว่าตอนนี้ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะประกาศเริ่มต้นการประมูล ราคาเริ่มต้นของหม้อระงับวิญญาณคือสองร้อยล้านหยวน และไม่ควรขึ้นราคาแต่ละครั้ง น้อยกว่าหนึ่งล้านหยวน ตอนนี้การประมูลเริ่มต้นขึ้นแล้ว คุณสามารถป้อนหมายเลขใบเสนอราคาของคุณบนเครื่องประมูลตามใบเสนอราคาบนหน้าจอได้เลยครับ”
โจวอี้เคยเห็นการประมูลแบบนี้แต่ในละครโทรทัศน์ ตอนนี้ก็เพิ่งเคยเห็นของจริงเป็นครั้งแรก
เขามองดูตัวเลขที่กระโดดออกจากจอแสดงผล
เพียงแค่สิบวินาทีต่อมา… ราคาของหม้อระงับวิญญาณก็เกินห้าร้อยล้านหยวน!
หนึ่งนาทีต่อมา ราคาเกินหนึ่งพันล้านหยวน!
…มันบ้ามาก!
ชายหนุ่มไม่เข้าใจ
คำสาปสังหารของหม้อเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แม้ว่าคำสาปสังหารจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างไม่อาจอธิบายได้ แต่เขาก็มั่นใจได้ว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาคงจะเข้าใจมันและมีโอกาสได้รับประโยชน์จากมัน
ห้องพักหมายเลข 1022
ต้าเจียงอูพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก แววตาที่เย็นชาจ้องตัวเลขที่กำลังพุ่งทะยานอยู่บนหน้าจอแสดงผลด้วยสีหน้ามืดมน
ด้านข้างเขาคือชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนที่มีเหงื่อออกบนใบหน้าและเริ่มตัวสั่น
“เพิ่มราคาอีก!”
“มันหนึ่งพันล้านหยวนแล้ว ผมจ่ายมากกว่านี้ไม่ได้! เงินทุนทั้งหมดที่ผมสามารถระดมได้นั้นรวมกันได้ประมาณแปดร้อยห้าสิบล้านหยวน โปรดยกโทษให้ผมด้วย!” ชายอ้วนพูดอย่างเศร้าสร้อย
“ถ้าไม่มีเงินก็ไปหาวิธีรวบรวมและยืมมันมา! แกต้องเอาหม้อระงับวิญญาณมาให้ฉันให้ได้!” ต้าเจียงอูสั่ง
“ผม….” ชายอ้วนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ตัวเลขบนหน้าจอแสดงผลพุ่งขึ้นไปแตะ 1.5 พันล้านแล้ว!
ต้าเจียงอูเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ตวาดขึ้น “เจ้าคนขี้แพ้ แกออกจากกลุ่มของเรามานานกว่ายี่สิบปีแล้ว มันน่าอัปยศมากที่แกมีเงินแค่นี้”
ชายอ้วนยิ้มอย่างขมขื่นและไม่กล้าพูดอะไรอีก
ในห้อง 1204
ชายชราที่ถือไม้ยันรักแร้มองดูตัวเลขที่กำลังวิ่งอยู่บนหน้าจอด้วยสีหน้ามืดมน ความรู้สึกสิ้นหวังท่วมท้นหัวใจของเขาอย่างสุดซึ้ง
เขามีเงินมากมายและทำกำไรมานับไม่ถ้วนมานานหลายทศวรรษ แต่ก็ใช้จ่ายเงินให้ผู้หญิงไปอย่างกับเทน้ำ จนถึงตอนนี้จำนวนเงินที่เขาสามารถประมูลได้มีแค่หนึ่งพันล้านหยวนเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญกับราคาที่พุ่งขึ้นไปถึง 1.5 พันล้านเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจให้เงินเพิ่มได้อีก
“ทั้งสองคนให้เพิ่มได้เท่าไหร่” เขาถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“สองร้อยล้าน” หญิงวัยกลางคนกล่าว
“ผมสามารถจ่ายได้ประมาณสามสิบล้านเท่านั้น” ชายวัยกลางคนอีกคนพูดอย่างกระอักกระอ่วน
“พวกขี้แพ้! พวกแกทำงานให้ฉันมาหลายปีแล้ว เงินเหลือแค่นี้เหรอ!” ชายชราตะโกนอย่างโกรธจัด
“ผม…” ชายวัยกลางคนหัวเราะแห้ง ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ในห้องพัก 1218
ชายวัยกลางคนแต่งตัวดีกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาพร้อมกับสาวสวยในอ้อมแขน ข้างหลังมีชายฉกรรจ์สองคนยืนนิ่งราวกับหอคอยเหล็กที่ตั้งตระหง่าน
“เจ้านาย เราจะขึ้นราคาต่อไปดีไหมคะ?” คำถามนี้ดังมากจากหญิงงามวัยกลางคนยืนอยู่ข้าง ๆ ในชุดสตรีดูภูมิฐานและยังถือกระเป๋าเอกสารไว้อย่างแข็งขัน
“เพิ่มราคาเป็นสองพันล้านหยวน” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างใจเย็น
“รับทราบค่ะ!”
ในห้อง 1220
หญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่หน้าจอแสดงผลโดยใช้ไม้ค้ำยัน และมีหญิงสาวรูปร่างสูงอีกคนหนึ่งอยู่ไม่ไกล
พวกเขาต่างจ้องไปที่หน้าจอแสดงผลด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ข้อมูลบนหน้าจอแสดงผลกลายเป็นสองพันล้านหยวนในพริบตา พวกเขาก็แสดงความผิดหวังออกมา
“คุณย่า เราจ่ายได้มากสุดแค่ 1.6 พันล้านหยวน แต่ตอนนี้ราคาเพิ่มขึ้นถึงระดับนี้แล้ว เราคงซื้อหม้อระงับวิญญาณไม่ไหว” หญิงสาวยิ้มอย่างขมขื่น
“ลืมมันไปเถอะ บางครั้งเราต้องอยู่ให้ได้ และไม่สามารถบังคับทุกสิ่งให้มาเป็นของเราได้” หญิงชราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องส่ายหัว
ภายในห้องควบคุมชั้นสาม
หลี่หงอี้สับสนเล็กน้อย
ผู้คนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รวมทั้งโจวอี้ก็ฉงนใจเช่นกัน
สองพันล้าน?
ราคาหม้อระงับวิญญาณสามารถพุ่งทะยานไปได้ถึงสองพันล้าน?
ผู้ที่เข้าร่วมการประมูลต้องการหม้อระงับวิญญาณขนาดนั้นเลยรึ?
“คุณหวง ช่วยผมคิดทีว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ของสองพันล้านหยวนคือเท่าไหร่?” โจวอี้บ่น
“ประมาณหกร้อยหกสิบหกล้านหยวน” หวงไห่เทาตอบ
“แล้วเอาไปหารสี่ได้เท่าไหร่” โจวอี้ถามอีกครั้ง
“ประมาณร้อยหกสิบหกล้าน”
“จะเปลี่ยนจากโจวอี้เงินล้านเป็นโจวอี้ร้อยล้านได้ไหมนะ?” โจวอี้พูดกับตัวเองด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม