ตอนที่ 351 – พบพานอีกครั้งในต่างแดน

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 351 – พบพานอีกครั้งในต่างแดน

เวลาผ่านไปอีกครึ่งเดือน ในครึ่งเดือนนี้ โม่เทียนเกอไม่ย่างเท้าออกจากเรือน เพียงอยู่ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ฝึกตนและหลอมอาวุธเวทเงียบ ๆ

ผู้ฝึกตนของสำนักเทียนเหยี่ยนไม่ได้มาอีก อาอิ๋นก็ไม่ได้มารบกวนนาง

นี่ทำให้นางโล่งใจ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกกระวนกระวายอยู่เศษเสี้ยวหนึ่ง

คนคนนั้นสรุปแล้วคือเนี่ยอู๋ชางหรือไม่ ซงเฟิงซ่างเหรินมาถึงอวิ๋นจงด้วยหรือไม่ เรื่องระหว่างนางกับสำนักเทียนเหยี่ยนสรุปแล้วเป็นอย่างไร

เรื่องราวพวกนี้ นางอยากรู้มาก พอดีว่าเหตุการณ์ในขณะนี้ไม่สะดวกจะไปสอบถาม ได้แต่ระงับจิตใจใคร่รู้ ตั้งสมาธิไปที่การหลอมอาวุธเวทต่อไป

ในขณะที่กำลังจดจ่ออยู่ในการหลอมสร้าง จู่ ๆ ได้ยินเสียงอันร้อนรนของอาอิ๋นว่า “ท่านเซียน ท่านเซียน!”

โม่เทียนเกอลืมตา หยุดพลังวิญญาณ เก็บอาวุธเวท ออกจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน “เรื่องใด”

ข้างนอกกำลังเป็นยามราตรี อาอิ๋นไม่กล้าเข้าเรือน รายงานอยู่ในลานว่า “ท่านเซียน มีคนมาขอพบเจ้าค่ะ”

โม่เทียนเกอตั้งสติ สัมผัสได้แล้วว่าในลานเล็กมีผู้ฝึกตนคนอื่น ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นต้นหนึ่งคน ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังสองคน

นางคิดเล็กน้อยแล้วถอนกำแพงอาคม ย่างออกจากเรือน

ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนนั้นที่รออยู่ในลานถึงกับเป็นฉื่อสู้ฟูเหรินผู้นั้น เห็นนางออกมา ฉื่อสู้ฟูเหรินยิ้ม ๆ ย่อกายคารวะ “สหายเต๋าชิงเวย เชี่ยเซินมารบกวนอีกแล้ว”

โม่เทียนเกอประหลาดใจอยู่บ้าง คารวะกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน ถามว่า “สหายเต๋ามาเยือนกลางดึก มีธุระอะไรหรือ”

ฉื่อสู้ฟูเหรินขมวดคิ้ว รอยยิ้มฝืนอยู่บ้าง “มีธุระจริง ๆ ขอบังอาจถามสหายเต๋าชิงเวย รู้จักผู้ฝึกตนสตรีคนนั้นที่พักอยู่ใกล้ ๆ หรือไม่”

“ท่านเซียน” ในเรือนเล็กอีกหลังจากปากคำของผู้ดูแลต่งน่ะหรือ โม่เทียนเกอส่ายหน้า “ไม่ปิดบังสหายเต๋าฉื่อสู้ ตัวข้ามาเกาะเป่ยจี๋ยังไม่รู้จักผู้ฝึกตนอันใด ครึ่งเดือนมานี้ยิ่งไม่ย่างเท้าออกจากเรือน”

“จริงหรือ” สีหน้าบนใบหน้าฉื่อสู้ฟูเหรินพิกลมาก ทั้งถอนหายใจโล่งอกและยิ่งกลายเป็นมีท่าทีวิตกกังวลมากขึ้น นางคิดดูแล้วถามอีกว่า “เช่นนั้นหลายวันนี้ จิตหยั่งรู้ของสหายเต๋าได้ค้นพบร่องรอยของผู้ฝึกตนคนอื่นหรือไม่”

คำถามนี้ทำให้คิ้วของโม่เทียนเกอเลิกขึ้น “สหายเต๋าฉื่อสู้ ท่านควรจะรู้หลักเหตุผลที่ว่าระหว่างผู้ฝึกตนจะรักษาระยะห่างให้แก่กัน ในเมื่อทางนั้นเป็นที่อยู่ของคนอื่น ข้าย่อมจะไม่ใช้จิตหยั่งรู้ไปสอดส่อง”

นี่เป็นกฏที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างผู้ฝึกตน ความตระหนักรู้ในด้านการปกป้องตนเองของผู้ฝึกคนกล้าแข็งมาก สถานที่อย่างที่อยู่ถ้ำพำนักเป็นสิ่งที่ไม่อนุญาตให้คนนอกก้าวล่วงโดยเด็ดขาด หากคนอื่นใช้จิตหยั่งรู้สอดส่อง กว่าครึ่งจะถูกเห็นว่ามีจิตคิดชั่วร้าย

เมื่อตระหนักว่าตนเองถามไม่สมควรอยู่บ้าง ฉื่อสู้ฟูเหรินนิ่งไปแล้วเผยรอยยิ้มออกมา เอ่ยอย่างลุแก่โทษว่า “ขออภัย เชี่ยเซินพูดจาไม่เหมาะสม กล่าวตามสัตย์กับสหายเต๋าเถิด พวกเราไล่สืบมาครึ่งเดือน สืบถึงตัวตนของหัวขโมยนั้นแล้ว บังเอิญพักอยู่ในเรือนใกล้ที่สุดของสหายเต๋า แต่พอพวกข้ามาก็หาคนไม่เจอแล้ว เชี่ยเซินคิดถึงว่าสหายเต่าชิงเวยอยู่ใกล้เคียงพอดี ดังนั้นจึงมาถามไถ่”

โม่เทียนเกอตะลึงไป “บังเอิญขนาดนี้เชียวหรือ”

“มิใช่หรอกหรือ ตอนที่เพิ่งจะทราบข่าว เชี่ยเซินก็ไม่กล้าเชื่อเลย!” สายตาของฉื่อสู้ฟูเหรินจ้องนางเขม็ง ถึงจะยิ้มแย้ม สีหน้ากลับตึงเครียดอยู่บ้าง

โม่เทียนเกอยิ้มขมในใจ เกรงว่าฉื่อสู้ฟูเหรินผู้นี้กังวลใจว่านางก็เป็นผู้ร่วมขบวนการกระมัง คนคนนั้นขโมยสิ่งของของสำนักเทียนเหยี่ยน นางบังเอิญไปหออวี้หลิน อีกทั้งรูปร่างสำเนียงล้วนคล้ายคลึง ถามเรื่องราวชัดเจนแล้ว ผลคือคนคนนั้นดันบังเอิญอาศัยอยู่ใกล้กับนาง ความบังเอิญมากขนาดนี้จะไม่ระแวงนางได้อย่างไรเล่า

คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอถอนหายใจ “สหายเต๋าฉื่อสู้ คนคนนั้นก็เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานหรือ”

ฉื่อสู้ฟูเหรินพยักหน้า “มิผิด” นางกลอกตา เอ่ยว่า “เนื่องจากความล้ำค่าของวัตถุที่สูญเสีย ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่สำนักข้าออกโรงกันแล้ว คิดว่าจะสามารถหากลับมาได้ในไม่นาน”

ฟังคำตอบจบแล้ว โม่เทียนเกอเพียงเอ่ยอย่างชืดชาว่า “เช่นนั้นก็อวยพรให้สำนักท่านหาวัตถุที่สูญเสียกลับมาได้อย่างราบรื่นเถิด”

พูดอย่างนี้เสร็จ ทั้งสองคนล้วนไร้วาจาอยู่บ้าง ยืนอยู่ครู่หนึ่ง ฉื่อสู้ฟูเหรินยิ้มเอ่ยอำลาในที่สุด “ในเมื่อสหายเต๋าไม่เห็น เช่นนั้นเชี่ยเซินก็ขออำลาแล้ว มารบกวนยามวิกาล ต้องขออภัยยิ่ง”

โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ “ไม่เป็นไร สหายเต่าฉื่อสู้ ข้ายังมีธุระอยู่กับตัว ไม่ส่งแล้ว”

ฉื่อสู้ฟูเหรินยิ้มแล้วพยักหน้า พาศิษย์สร้างฐานพลังสองคนหมุนตัวจากไป

รอจนพวกเขาเดินไปไกลแล้ว รอบบริเวณไม่มีร่องรอยของผู้ฝึกตนอันใดอีก โม่เทียนเกอหมุนตัวไปสั่งการว่า “อาอิ๋น ไม่มีเรื่องแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด”

“เจ้าค่ะ” อาอิ๋นรับคำ มองนางหมุนตัวเข้าห้องฝึกตนแล้วก็กลับห้องข้างเล็ก ๆ ของตนเอง

เข้าห้องฝึกตนแล้ว โม่เทียนเกอเปิดกำแพงอาคมทันที สายตาทอดมองมุมห้อง “ออกมาเถอะ!”

เสียงนางเปล่งออกมาไม่นาน ในมุมห้องปรากฏเงาร่างหนึ่งช้า ๆ เงาร่างนั้นยิ่งมายิ่งกระจ่างชัด สุดท้ายปรากฏเป็นคนคนหนึ่ง

ชุดดำทั้งร่าง ดวงหน้าปราณีต ก็คือเนี่ยอู๋ชาง

“ท่านถึงกับสามารถค้นพบข้า?” เสียงพากย์ของเนี่ยอู๋ชางดังขึ้น น้ำเสียงแหบแห้ง

โม่เทียนเกอยิ้ม นั่งลงข้างโต๊ะ รินชาสองถ้วย “ไม่พบกันหลายปี พบพานอีกครั้งในต่างแดน สหายเต๋าเนี่ย พวกเรามีชะตาเชื่อมโยงกันจริง ๆ”

เนี่ยอู๋ชางขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบคำนาง แต่เดินครึ่งก้าวไปนั่งอยู่ตรงข้ามนาง “ท่านค้นพบข้าได้อย่างไร”

โม่เทียนเกอทอดมองนาง สายตากวาดไปในห้อง กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม “ท่านเข้ามาที่เรือนนี้ก็ช่างเถอะ ถึงกับยังเข้าห้องของข้า ในห้องนี้ข้าตั้งม่านพลังเฉพาะตัวของข้าเอาไว้ ถึงวิชาปกปิดของท่านจะสูงส่ง ข้าก็สามารถรู้ได้”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้” เนี่ยอู๋ชางพยักหน้า ยกถ้วยชามาจิบอึกหนึ่ง

โม่เทียนเกอสายตาวูบวาบ ไม่เข้าใจอยู่บ้างว่านางทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร ไม่ทักทายกันก็ซ่อนอยู่ในห้องของนาง คล้ายกับล่วงเกิน แต่รู้ชัดว่าที่นี่มีกำแพงอาคม นางยังกล้าเข้ามา แล้วยังจิบชาที่นางรินอย่างไม่ระแวงสักนิด…… เนี่ยอู๋ชางคนนี้คล้ายกับเชื่อว่าตนเองจะไม่ประสงค์ร้ายต่อนางเลยหรือ

“สหายเต๋าเนี่ย” ครึ่งค่อนวันให้หลัง โม่เทียนเกอเปิดปากว่า “ท่านมาถึงอวิ๋นจงได้อย่างไร แล้วไปขโมยสิ่งของของสำนักเทียนเหยี่ยนทำไมอีกเล่า”

เนี่ยอู๋ชางเลิกสายตาขึ้น บิดมุมปากนิด ๆ เอ่ยว่า “อันที่จริงท่านอยากถามว่า ซือฟุข้าก็มาแล้วใช่หรือไม่กระมัง”

โม่เทียนเกอหยุดชะงักไปหน่อย แต่กลับยิ้มแล้ว “นี่ยังต้องถามหรือ ท่านไปขโมยสิ่งของของสำนักเทียนเหยี่ยนแล้วยังมาซ่อนที่ข้านี่ ซือฟุท่านจะต้องไม่ได้มากับท่าน”

เนี่ยอู๋ชางตะลึงไป ลดสายตาลง ถือถ้วยชาโดยไม่พูดจา

โม่เทียนเกอรู้สึกว่าสถานการณ์เบื้องหน้านี้พิกลอยู่บ้าง นางกับเนี่ยอู๋ชาง อาจารย์ของแต่ละฝ่ายมีความแค้นใหญ่หลวง ระหว่างพวกนางเองมีทั้งบุญคุณทั้งความแค้น เผอิญว่าทั้งสองคนมาพบกันที่อวิ๋นจงซึ่งห่างจากเทียนจี๋เป็นหมื่นลี้ แค่เพียงเท่านี้ก็ช่างเถอะ ณ ตอนนี้เนี่ยอู๋ชางขโมยสิ่งของของสำนักอันดับหนึ่งเกาะเป่ยจี๋ ซ่อนตัวอยู่ที่นางนี่ ดูแล้วคล้ายกับความระแวงสักนิดก็ไม่มี…… ทำไมนางจำไม่เห็นได้เลยว่าความสัมพันธ์ของนางกับเนี่ยอู๋ชางดีขนาดนี้?

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เนี่ยอู๋ชางทราบชัดว่าตนเองอยู่ในกำแพงอาคมม่านพลังของนางยังสงบนิ่งเพียงนี้ น่าจะไม่มีความคิดเป็นศัตรู

กำลังคิด ๆ อยู่ โม่เทียนเกอหยุดครุ่นคิด เงยหน้ามองนาง ถามว่า “สหายเต๋าโม่ ท่านมาอวิ๋นจงได้อย่างไร สามีท่านเล่า มาด้วยกันหรือไม่”

โม่เทียนเกอตะลึงไป “ท่านรู้ว่าข้า……มีคู่เต๋าหรือ”

เนี่ยอู๋ชางบิดมุมปาก เผยรอยยิ้มเล็ก ๆ “สหายเต๋าโม่ ท่านอย่าได้ดูเบาชื่อเสียงของพวกท่านสามีภรรยา สามีผู้นั้นของท่านอายุสองร้อยปีต้น ๆ ก็ผูกจิตวิญญาณใหม่แล้ว ทรงอิทธิพลยิ่งที่เทียนจี๋ ส่วนท่านก็เป็นอัจฉริยะที่ก่อเกิดตานในร้อยปี พวกท่านสองคนฝึกตนร่วมสัมพันธ์ เทียนจี๋แทบจะลือกันไปทั่ว ขอเพียงข้าสนใจก็ย่อมจะรู้”

“……” โม่เทียนเกอคิดไม่ถึงจริง ๆ ฉินซีก็ช่างเถอะ อย่างน้อยนางไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีชื่อเสียงมาก แต่ว่า เนี่ยอู๋ชางพูดสิ่งนี้ขึ้นมากลับทำให้นางสังเกตเห็นเรื่องอีกอย่าง “สหายเต๋าเนี่ย เรื่องที่ข้าฝึกตนร่วมสัมพันธ์เป็นเพียงเวลาสามถึงห้าปี ท่านก็มาถึงอวิ๋นจงเร็ว ๆ นี้หรือ”

“อืม” เนี่ยอู๋ชางพยักหน้า สายตาชำเลืองมองนาง “สหายเต๋าโม่ เมื่อครู่เป็นข้ากำลังถามท่าน”

โม่เทียนเกอได้ยินแล้วกลับยิ้ม “เริ่มแรกกลับเป็นข้าถามสหายเต๋าเนี่ยว่ามาอวิ๋นจงได้อย่างไรนะ สหายเต๋าเนี่ยก็ไม่ได้ตอบ”

“……”

ทั้งสองสบสายตากัน จ้องกันอยู่ครู่หนึ่ง ล้วนรู้สึกว่าตนเองเบื่อหน่ายอยู่บ้าง ต่างฝ่ายต่างเก็บสายตากลับ ถอนหายใจ

เสียงถอนหายใจนี้พร้อมเพรียงกัน ทั้งสองล้วนอึ้งงัน มองดูแต่ละฝ่าย อดยิ้มให้แก่กันมิได้

ยิ้มกันอย่างนี้ สองทั้งใกล้ชิดกันขึ้นมาอีกหน่อยอย่างไม่รู้สึก บุญคุณความแค้นอันพัวพันยุ่งเหยิงเหล่านั้นก็ละทิ้งไว้ชั่วคราว

“เอาล่ะ ข้าตอบก่อน” เนี่ยอู๋ชางพูด “ข้าได้รับสมบัติหนึ่งชิ้นจากทางซือฟุ ก็ด้วยอาศัยสมบัติชิ้นนี้จึงข้ามทะเลใต้อย่างปลอดภัย แต่เดินหลงทาง ลอยมาถึงเกาะเป่ยจี๋” พูดจบ นางมองโม่เทียนเกอ “ท่านเล่า ท่านมาที่อวิ๋นจงได้อย่างไร ไม่เห็นสามีท่าน คงมิใช่มาคนเดียวหรอกกระมัง”

โม่เทียนเกอยิ้มเอ่ยว่า “มิผิด ข้ามาคนเดียวจริง ๆ เดิมทีเพียงทะลวงก่อเกิดตานขั้นกลาง ดังนั้นออกมาท่องเที่ยวข้างนอก ภายหลังค้นพบเส้นทางหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ก็เลยมาอวิ๋นจง”

ทั้งสองคนล้วนพูดจาคลุมเครือ ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ของพวกนางก็ซับซ้อน เรื่องบางประการไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนจนเกินไป

พูดคร่าว ๆ จบแล้ว โม่เทียนเกอถามว่า “สหายเต๋าเนี่ย ท่านขโมยสิ่งของของสำนักเทียนเหยี่ยนแล้วมาหลบซ่อนอยู่ที่ข้านี่มีหมายความว่าอะไร”

“ทำไม ท่านไม่อยากให้ข้าหลบซ่อนหรือ” เนี่ยอู๋ชางไม่ตอบแต่ถามกลับ

โม่เทียนเกอตะลึงไป ส่ายหน้า “ข้าทั้งไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นของท่าน แล้วก็ไม่คิดจากจับโจรแทนสำนักเทียนเหยี่ยน ท่านอยู่ที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับข้า”

ฟังคำพูดนี้แล้ว เนี่ยอู๋ชางเผยรอยยิ้มบาง ๆ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านยังต้องถามมากความด้วยเหตุใด”

โม่เทียนเกอขมวดคิ้ว พูดว่า “สหายเต๋าเนี่ย ตอนนี้ตัวท่านอยู่ที่ห้องฝึกตนของข้า ข้าไม่ถามให้กระจ่างชัดจะอาศัยอยู่ได้อย่างไร”

เนี่ยอู๋ชางคิดแล้วพยักหน้า “ท่านพูดอย่างนี้ก็มีเหตุผล เอาเถอะ เช่นนั้นพวกเรามาถกกันเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเรากันก่อน”

“……” โม่เทียนเกอรู้สึกอยู่ตลอดว่า เนี่ยอู๋ชางที่เบื้องหน้านี้กับคนที่นางเคยพบที่ภูเขามารไม่เหมือนกันเลย ที่เคยพบที่โรงเรียนหกสิบกว่าปีก่อนยิ่งไม่เหมือน เนี่ยอู๋ชางแต่ก่อนนี้ถึงจะรูปลักษณ์ปราณีต ดูแล้วกลับปกคลุมด้วยไอชั่วร้าย นิสัยพิสดาร แต่คนที่อยู่เบื้องหน้ากลับผ่อนคลายกว่ามากมายอย่างเห็นได้ชัด ทั้งร่างเต็มไปด้วยลมปราณเบาสบายชนิดหนึ่ง

หรือว่าเป็นเพราะนางจากซงเฟิงซ่างเหรินมาแล้ว นางอดผุดความคิดนี้ขึ้นมาไม่ได้ นี่มิใช่เป็นไปไม่ได้ พบกันที่ภูเขามารปีนั้น การแสดงออกของเนี่ยอู๋ชางบ่งบอกปัญหาอย่างมาก ซงเฟิงซ่างเหรินทุบตีดุด่าศิษย์คนนี้ทุกความเคลื่อนไหว ส่วนเนี่ยอู๋ชางก็เปิดเผยความรู้สึกทั้งกลัวทั้งเกลียดซือฟุ

คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอความคิดเคลื่อนคล้อยไป เนี่ยอู่ชางเพิ่งพูดว่านางได้รับสมบัติหนึ่งชิ้นของซงเฟิงซ่างเหรินจึงสามารถออกจากเทียนจี๋มาที่อวิ๋นจง วาจานี้ฟังดูพิกลอยู่บ้าง สามารถอาศัยข้ามผ่านทะเลใต้ สมบัติชิ้นนี้จะต้องมหัศจรรย์ยิ่งนัก ด้วยทัศนคติของซงเฟิงซ่างเหรินต่อนาง เป็นไปไม่ได้ที่จะมอบอาวุธเวทอย่างนี้ให้นางหรอกกระมัง เป็นไปได้หรือไม่ว่านางขโมยอาวุธเวทของซงเฟิงซ่างเหรินแล้วหลบหนีมาเอง

………………………………..

ตอนที่ 352 – ไม่ใช่ศัตรู