ตอนที่ 166 ความงามยามค่ําคืน

ซู่เจินค่อย ๆ เอื้อมมือออกไปอย่างช้า ๆ ในขณะเดียวกันทางด้านของบริ้งค์ที่เห็นมือของซู่เจินที่ค่อย ๆ ยื่นเข้ามา มันก็ทําให้ตัวของเธอรู้สึกสั่นสะท้านและเริ่มหายใจถี่ขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้นเต็มไปด้วยความเขินอาย ทําให้ในสายตาของซู่เจินนั้นบริ้งค์ในตอนนี้เธอน่ารักเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานมือของซู่เจินก็ค่อย ๆ แตะลงบนใบหน้าของบริ้งค์เบา ๆ

“แน่นอนว่าผมไม่ใช่คนที่หน้าซื่อใจคด ดังนั้นผมจะไม่ปิดบังความรู้สึกของผม … ผมชอบคุณ และผมก็ไม่สนด้วยว่าคุณจะชอบผมหรือเปล่า เพราะถึงยังไงแล้วผมก็ไม่มีวันที่จะปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณสามารถวางใจได้เลยว่าทุกที่ที่ผมไปจะต้องมีคุณอยู่ข้าง ๆ ผม ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ต้องการมันก็ตาม” ซู่เจินพูดขึ้นมา เบา ๆ พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับการลูบไล้ใบหน้าที่สวยงามของบริ้งค์อย่างช้า ๆ

บริ้งค์ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของซู่เจินอย่างช้า ๆ พร้อมกับยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“เอาล่ะ! พวกเราควรที่จะกลับไปพักผ่อนกันดีกว่า และคุณก็ควรที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยนะ เพราะถึงอย่างไรแล้วคุณก็เป็นคนแรกที่ติดตามผมมา และก็เป็นคนที่ผมไว้ใจที่สุดด้วย!” ซู่เจินพูดให้กําลังใจกับบริ้งค์เล็กน้อย

“คุณจะกลับแล้วอย่างงั้นหรอ ?” บริ้งค์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินคําพูดของซู่เจิน ทําให้เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซู่เจินอย่างคาดหวัง “ฉันยังไม่รู้สึกง่วงเลย ดังนั้นฉันขออยู่ต่ออีกสักหน่อยได้ไหม ?”

“ตกลง!”

เมื่อเห็นแววตาที่อ้อนวอนของบริ้งค์ ซู่เจินก็ไม่กล้าที่จะพูดปฏิเสธขึ้นมา เขาค่อย ๆ ยื่นมือออกมาพร้อมกับจับไปที่แขนของบริ้งค์และดึงเธอขึ้นมาให้มานั่งบนตักของเขา หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ โอบไปที่เอวของเธอจากด้านหลัง ทําให้ร่างกายของบริ้งค์ถึงกับนั่งแข็งที่อและรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ในขณะเดียวกันทางด้านของซู่เจิน ก็อดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ เพราะเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าบริ้งค์จะผอมมากขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายของเธอก็รู้สึกนุ่มนิ่มเป็นอย่างมาก

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือบริ้งค์เป็นผู้หญิงในประเภทที่มีโครงกระดูกขนาดเล็กเป็นอย่างมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าเธอจะผอม แต่จริง ๆ แล้วเธอกับเป็นคนที่มีน้ํามีนวล ทําให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มที่ซ่เจนสัมผัสได้ในตอนนี้มันทําให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างสุดจะพรรณนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีลมทะเลพัดมา มันก็ทําให้ผมของเธอมันปลิวไสวไปมาเล็กน้อยพร้อมกับกลิ่นที่หอมฟุ้งกระจายออกมา ทําให้ร่างกายส่วนร่างของซู่เจินมันตอบสนองขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

แน่นอนว่าซู่เจินสามารถสัมผัสถึงส่วนล่างของเขาได้อย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันทางด้านของบริ้งค์ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างเช่นกัน ?

ในตอนแรกเธอก็รู้สึกประหม่าอยู่แล้ว บวกกับการที่เธอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านล่างของเธอ มันก็ยิ่งทําให้เธอรู้สึกประหม่าขึ้นไปอีก ทําให้เธอในตอนนี้ถึงกับทําตัวไม่ถูก ? แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าน้องชายของซูเจินจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเขาเอามันออกมา ? ซึ่งเธอก็มีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย เพราะ ตั้งแต่ที่เขาบอกกับเธอว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว เธอก็เลย…

ใบหน้าของบริ้งค์เริ่มแดงกร่ําขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้นจู่ ๆ เธอก็ขยับตัวขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็ค่อย ๆ คว้าไปที่มือของซู่เจินและยกมันขึ้นมา ทําให้ซู่เจินที่เห็นเช่นนั้นรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกําลังจะทําอะไรกันแน่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มอะไรบางอย่างตรงมือของเขา …

ความสูงนี้ ตําแหน่งนี้ สัมผัสนี้

หน้าอก …..

ซู่เจินไม่คิดว่าบริ้งค์ที่เป็นคนขี้อายแบบนั้นจะกล้าทําแบบนี้ขึ้นมา

เขาค่อย ๆ ยิ้มขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับมือที่เริ่มขย้ําเบา ๆ ในขณะเดียวกันทางด้านของบริ้งค์ก็เริ่มรู้สึกหมดเรี่ยวแรง ทําให้ร่างกายของเธอค่อย ๆ เอนไปพิงที่ตัวของซู่เจินอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นซู่เจินก็ค่อย ๆ ก้มหัวของเขาลงเพื่อดมกลิ่นผมของเธอ ทําให้บริ้งค์ที่สัมผัสได้ถึงความร้อนจากลมหายใจ มันก็ทําให้เธอถึงกับรู้สึกเสียวซ่าน

หลังจากนั้นดวงตาของบริ้งค์ก็ปิดลงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเสื้อผ้าของเธอในตอนนี้ก็ดูยับยู่ยี่เล็กน้อย เผยให้เห็นชุดชั้นในและร่องอกที่น่าดึงดูด

ซู่เจินค่อย ๆ เอานิ้วของเขาไปปลดกระดุมเสื้อของบริ้งค์อย่างช้า ๆ พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมา

“ฉัน… ฉันต้องการมัน … ” บริ้งค์พูดพึมพําขึ้นมาอย่างคลุมเครือ

“คุณคิดดีแล้วใช่ไหม … ผมเพิ่งจะแยกออกมาจากสกายเองนะ” ถึงแม้ว่าซูเจินจะคิดเหมือนกันกับบริ้งค์ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะต้องดูการตัดสินใจของบริ้งค์อยู่ดี

“ฉันไม่เป็นไร!” บริ้งค์พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

เมื่อซู่เจินได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับตัวของเขาที่ค่อย ๆ โน้มตัวลงไป หลังจากนั้น … ท้องฟ้ายามค่ําคืนที่เงียบสงบก็มีเสียงแห่งความสุขร้องดังขึ้นมา …

เมื่อซู่เจินและบริ้งค์กลับมาถึงที่ยานบินท้องฟ้ามันก็เกือบสว่างเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริ้งค์ในตอนนี้ก็กําลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของซู่เจิน และเมื่อซู่เจินลองนึกถึงใบหน้าและลีลาของบริ้งค์ มันก็ทําให้เขาอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้…

หลังจากนั้นซู่เจินก็พาบริ้งค์ไปส่งที่ห้องพร้อมกับห่มผ้าให้เธอ และค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเขาก็ไม่ได้กลับไปหาสกาย แต่เดินไปยังห้องขังนักโทษ

โดยห้องทางด้านซ้ายก็คือห้องของวินเทอร์โซลเยอร์ ส่วนทางด้านขวาก็คือ โท็ด

ซู่เจินเดินตรงไปยังห้องขังของโทดในทันที

ซึ่งโท้ดในตอนนี้กําลังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงมุมห้อง และเมื่อโท้ดเห็นซู่เจินเดินเข้ามา เขาก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองที่ซู่เจินโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ

“ยังคิดไม่ออกอย่างงั้นหรอ ?”

ซู่เจินเดินเข้าไปในห้องขังและนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบาย ๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “แม็กนีโตไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณคิด คุณคิดว่าเขาชอบคุณหรือว่าห่วงใยคุณและปฏิบัติต่อคุณแบบคนในครอบครัวอย่างงั้นหรอ ? คุณคิดผิด เพราะว่าเขาได้ใช้ประโยชน์จากคุณจนคุ้มแล้ว และการที่เขาให้คุณมาฆ่านิคฟิวรี่ที่บ้านของกัปตันอเมริกาแบบนี้ มันก็เหมือนกับการส่งคุณมาตายดี ๆ นี่เอง แถมเขายังไม่บอกกับคุณอีกว่าเขาได้ส่งคัสลิสโตตามหลังคุณมาด้วย”

“ในเมื่อเขาไม่ได้ไว้ให้คุณและจริงจังกับคุณ คุณก็ไม่จําเป็นที่จะต้องเสียใจไปกับมัน และถ้าเกิดว่าคุณจะจากไปจริง ๆ คุณก็ออกไปได้ทุกเมื่อ เพราะผมไม่ได้มีความตั้งใจที่จะจับตัวของคุณเอาไว้อยู่แล้ว” เมื่อซู่เจิน พูดจบเขาก็ลุกขึ้นและเตรียมตัวที่จะเดินจากไป

“คุณ … คุณก็ดูถูกฉันเหมือนกันอย่างงั้นหรอ ?”

โท้ดพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “คุณไม่ได้ต้องการที่จะจับตัวของฉันอยู่แล้วอย่างงั้นหรอ ?”

“ผมคิดว่าคุณเป็นคนที่น่าสงสารมาก แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็พูดถูกที่บอกว่าผมดูถูกคุณ เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คุณ แม้แต่แม็กนีโต ผมก็ดูถูกเช่นกัน” ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ

โท้ดถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะเขาก็ไม่คิดว่าซูเจินจะพูดขึ้นมาตรง ๆ แบบนี้ ซึ่งหลังจากที่เขาได้ลองคิดอีกครั้งหนึ่ง ซู่เจินก็มีคุณสมบัติที่จะพูดขึ้นมาอย่างนั้นจริง ๆ ทําให้เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “ฉัน … ฉันขออยู่ที่นี่ได้ไหม ?”

“ได้… แต่คุณจะอยู่ที่นี่ได้ก็ต่อเมื่อคุณเข้าร่วมกับพันธมิตรสงคราม” ซู่เจินพูดขึ้นมา

ช่วงนี้ติดเรียนและงานเยอะมากทําให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างขอโทษด้วยครับผม