ตอนที่ 167 ฐานที่สร้างเสร็จสมบูรณ์

“ฉันตกลงที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรสงคราม!” โท้ดพูดขึ้นมาอย่างหนักแน่น

“ผมจะให้คุณทําหน้าที่ในการดูแลรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อมทั้งหมด คุณจะยังยินดีที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรสงครามอยู่ไหม ?” ซู่เจินมองไปที่โทิดพร้อมกับถามขึ้นมา

โท้ดพยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันยินดีที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรสงคราม และไม่ว่าคุณจะให้ฉันทําอะไรฉันก็ยินดี เพราะฉันรู้ดีว่าคุณเป็นคนดี และถึงแม้ว่าคุณจะเคยบอกกับฉันเอาไว้ว่าฉันมันเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่เคยที่จะดูถูกฉันเลยสักครั้ง และฉันยังรู้อีกว่าคุณดูคนอื่นด้วยความแข็งแกร่ง และคุณก็เป็นคนที่แข็งแกร่ง ดังนั้นมันจึงทําให้ฉันคิดว่าคุณมองคนอื่นที่ความสามารถซะมากกว่า ไม่ใช่ที่รูปร่างหน้าตา!”

“คุณเป็นคนที่มีนิสัยแบบนี้นี่เอง … เอาล่ะ! ลืมมันไปเถอะ ในเมื่อคุณยินดีที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา คุณก็สามารถอยู่ที่นี่ได้ อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงคนเดียว ดังนั้นคุณก็ควรจะดูแลรักษาความสะอาดและเรื่องสุขอนามัยให้ดี ส่วนวันเริ่มงานเอาเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

หลังจากซู่เจินพูดจบเขาก็ส่ายหัวขึ้นมาเบา ๆ และหันหลังเดินออกจากห้องไป

เขาไม่ได้สนใจว่าจะมีคนแบบโท้ดเพิ่มมาอีกกี่คน ส่วนเรื่องของการทําความสะอาด ซู่เจินก็คิดว่าความสา มารถของโท้ดมันก็ค่อนข้างเหมาะสมดี ยิ่งไปกว่านั้นงานนี้มันเหมาะสมกับโทดที่สุดแล้วในตอนนี้ที่เขาจะได้ไม่ ต้องไปต่อสู้กับใครอีกถ้าไม่จําเป็น

พระอาทิตย์ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาบนท้องฟ้าอย่างช้า ๆ เป็นสัญลักษณ์ของวันใหม่ที่กําลังจะเริ่มต้นขึ้น

เสียงนกร้องยามเช้าบวกกับลมทะเลอ่อน ๆ ที่พัดไปพัดมา

ในที่สุดฐานของพันธมิตรสงครามก็เสร็จสมบูรณ์อย่างเป็นทางการ

ซู่เจินเดินสํารวจไปรอบฐาน ๆ อย่างช้า ๆ ซึ่งมันก็ใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมง และไม่ว่าจะเป็นตัวอาคาร พื้นดินหรือฐานลับชั้นใต้ดินมันก็ทําขึ้นมาได้พอใจซู่เจินเป็นอย่างมากกับผลลัพธ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา และพร้อมที่จะนําไปใช้งานได้ในทันที

“ยินดีด้วย!” เปปเปอร์หันไปพูดกับซู่เจินด้วยรอยยิ้ม

เมื่อซู่เจินได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมาด้วยความคิกคักและพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อตอนนี้ฐานได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นคุณก็สามารถพักอยู่ที่นี่ได้แล้ว และผมก็จะหาชุดเกราะเหล็กมาให้กับคุณด้วย เพราะดูเหมือนว่าครั้งที่แล้วผมจะเห็นว่าคุณชอบมันมากเลยสินะ ?”

“หือ ?” เปปเปอร์ถึงกับตกตะลึงเล็กน้อยที่ซู่เจินบอกว่าจะหาชุดเกราะเหล็กให้กับเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ชอบมัน เพราะเธอก็ไม่คิดเหมือนกันว่าซู่เจินจะใส่ใจเธอมากแบบนี้ ทําให้เธอรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก!

“แล้วคุณจะไปหามันมาจากที่ไหนอย่างงั้นหรอ ? หรือว่าคุณจะ …” เปปเปอร์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย

ซู่เจินส่ายหัวขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดอย่างแน่นอน เพราะที่จริงแล้วผมกะว่าจะหาวัสดุมาและประกอบขึ้นมาให้กับคุณด้วยตัวของผมเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรสําหรับผมมากนัก เพียงแต่ว่าระบบปฏิบัติการภายในของมันค่อนข้างที่จะลําบากเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้คิดวิธีแก้ปัญหาเอาไว้แล้ว ทํ ให้ในตอนนี้สิ่งที่คุณจะต้องทําก็คือรอผมอีกสักพักหนึ่ง และผมก็หวังว่าคุณจะชอบมันนะ”

“ถ้ามันเป็นอย่างที่คุณพูดจริง ๆ ฉันก็จะตั้งหน้าตั้งตารอเลยล่ะ” เปปเปอร์พูดขึ้นมาพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อ

“เดี๋ยวผมจะไปแจ้งให้คนอื่น ๆ ย้ายข้าวของมาที่นี่ ซึ่งมันก็น่าจะใช้เวลาอยู่พอควร ดังนั้นคุณก็สามารถเลือกห้องก่อนคนอื่นได้เลย เพราะไม่งั้นเดี๋ยวคนอื่นจะแยกห้องดี ๆ ไปกันหมด” เมื่อซู่เจินพูดกับเปปเปอร์เสร็จเขาก็หันหลังและบินกลับไปที่ยานบินอย่างรวดเร็วพร้อมกับโทรแจ้งสมาชิกคนอื่น ๆ

ส่วนทางด้านของเปปเปอร์ก็หันหน้ากลับมาและเดินไปเลือกห้องตามที่ซู่เจินบอกอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะเหล็กหรือการที่ให้เธอเลือกห้องนอนก่อนคนอื่นแบบนี้ มันจะต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งมันก็คือการที่ซู่เจินอยากให้เธออยู่ต่อที่นี่ต่อ และเธอก็เห็นด้วยกับซู่เจิน

เพราะที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้อยากจากที่นี่ไปเหมือนกัน เพราะว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เธอรู้สึกได้ถึงความมีอิสระและความห่วงใยจากคนอื่น ๆ

ซูเจินเรียกทุกคนมารวมตัวกันและบอกเรื่องของฐานที่ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กับพวกเขาฟัง ทําให้ทุกคนที่ได้ยินซ์เงินพูดก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริงค์ที่คอยดูแลการสร้างฐานมาตั้งแต่ต้นจนจบ มันจึงทําให้ความรู้สึกที่เธอรู้สึกได้ในตอนนี้มันแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง! เดินชมรอบฐานเลือกห้องนอน … เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“เอาล่ะ หยุดตื่นเต้นกันได้แล้ว”

ซู่เจินปรบมือขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจจากพวกเขา

ตอนนี้ที่ฐานของซู่เจินมีคนมากกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก เพราะนอกเหนือจากสมาชิกที่ช่วยกันก่อตั้งพันธมิตรสงครามขึ้นมาแล้ว ตอนนี้ยังมีสมาชิกในทีมของโควสันและซิฟที่เมื่อซู่เจินมองไปที่พวกเขา เขาก็อดรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาไม่ได้จริง ๆ

“ผมมีอะไรจะพูดอยู่สองอย่าง!”

ซู่เจินกางนิ้วขึ้นมาสองนิ้วและพูดต่อว่า “อย่างแรก โควสัน และพวกคุณทุกคนต้องการที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรสงครามของผมไหม ?”

โควสัน , เมย์ , ฟิตซ์, เจมมา , สกาย

แน่นอนว่าสกายไม่จําที่จะต้องพูดอะไรออกมา เพราะว่าซู่เจินรู้สิ่งที่เธอจะตอบอยู่แล้ว ทําให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่ โควสันและคนอื่น ๆ อีกสามคน

“ฉัน…ฉันต้องการเข้าร่วมกับพันธมิตรสงคราม”

เจมมาค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างลังเล

“ผมรู้ว่าคุณจะต้องเข้าร่วมกับพันธมิตรสงครามอย่างแน่นอน … และคุณก็ไม่ได้ทําให้ผมรู้สึกผิดหวังเลย” ซู่เจินมองไปที่เจมมาและพยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อย

“ฉันเอาด้วย” ฟิทซ์เหลือบมองไปที่บลิซซาร์ด ดาวนี่ ที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ

โควสันและเมย์ชําเลืองมองไปที่กันและกันเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานโควสันก็หันไปพูดกับซู่เจินว่า “ถ้าเกิดว่าคุณสามารถทําตามที่คุณได้เคยพูดกับฉันเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ ฉันก็ยินดีที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรสงคราม”

ซู่เจินยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคําตอบของโควสัน หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เหลือบมองไปที่เมย์ แต่เมย์กับพยักหน้าขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร

เมื่อมาถึงจุดนี้ลูกทีมของโควสัน และตัวของโควสันเองก็ถือได้ว่าพวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรสงครามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เอาล่ะ ข้อแรกจบไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปอย่างที่สอง ผมเคยพูดเอาไว้ว่าในเร็ว ๆ นี้พวกเราจะเริ่มทําภารกิจแรกกันแล้ว ซึ่งภารกิจในครั้งนี้ก็ใช้จํานวนคนเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น … สามคน … สามคนก็น่าจะเพียงพอสําหรับภารกิจนี้” ซู่เจินเงียบไปพักหนึ่งและพูดต่อว่า “มีใครอยากอาสาทําภารกิจนี้ไหม ?”

“ฉัน”

ซิฟยกมือขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ฉันก็อยากทําภารกิจนี้เหมือนกัน” นาตาชาและแคลร์รีบพูดขึ้นมาเกือบที่จะพร้อมกัน

“ฉันด้วย” แน่นอนว่าเฉินห่าวหรานก็ไม่ยอมแพ้คนอื่นเช่นกัน เพราะเมื่อไม่นานมานี้เขาได้พยายามพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาอยู่ตลอดเวลา และเขาก็หวังว่าจะได้ทําภารกิจอันนี้เพื่อแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงความพยายามที่เขาได้พยายามมาอย่างเนิ่นนาน

“ฉันต้องการเข้าร่วมภารกิจนี้!” บริ้งค์ค่อย ๆ พูดขึ้นมาอย่างใจเย็น

ซู่เจินมองไปที่พวกเขาและยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “บริ้งค์ เฉินห่าวหราน และ นาตาชา จะได้ทําภารกิจในครั้งนี้ และผมก็คิดว่าเพียงแค่สามคนนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะสําหรับการทําภารกิจในครั้งนี้”

“ทําไมคุณถึงไม่พาฉันไปด้วยล่ะ” ซิฟพูดขึ้นมาอย่างหมดความมั่นใจ

เมื่อซู่เจินได้ยินเช่นนั้นเขาก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะว่าภารกิจในครั้งนี้มันง่ายมาก ก็แค่ไปช่วยชีวิตคน ๆ หนึ่งเท่านั้น และอีกไม่นานหลังจากนี้จะมีภารกิจมาอีกอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อฟิตซ์และคนอื่น ๆ สามารถตรวจสอบหาที่อยู่ของลอเรไลจนเจอ คุณก็จะต้องรับผิดชอบในการจับตัวของเธอกลับมา”

ถึงแม้ว่าซิฟจะรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้แต่พยักหน้าขึ้นมาอย่างเห็นด้วยกับคําพูดของซู่เจิน ส่วนทางด้านของแคลร์นั้น ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็รู้ดีถึงแม้ว่าเธอจะมีความแข็งแกร่งและความสามารถพิเศษที่ทรงพลัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้มีทักษะการต่อสู้ติดตัวเลย และเธอก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรพวกเขาได้มากมายถ้าเกิดว่าเธอได้ไปทําภารกิจด้วยเธอก็คงจะไปเป็นตัวถ่วงของพวกเขา เปล่า ๆ

“ในเมื่อคุณบอกว่าภารกิจในครั้งนี้คือการไปช่วยชีวิตคน ๆ หนึ่ง แล้วพวกเราจะต้องไปช่วยใครอย่างงั้นหรอ ?” บริ้งค์ถามขึ้นมา

“กัปตันอเมริกา สตีฟ โรเจอร์ส!”

“คุณพูดว่าอะไรนะ ?”

เมื่อได้ยินซ์เงินพูดว่ากัปตันอเมริกา โควสันจึงรีบถามขึ้นมาอย่างร้อนรนอีกครั้งว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเขาอย่างงั้นหรอ ? แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน!”

ซู่เจินมองไปที่โควสันด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “หน่วย S.H.I.E.L.D. ที่สํานักงานใหญ่ของSHIELD!”

สํานักงานใหญ่ของ SHIELD

เพราะว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับนิคฟิวรี่ ทําให้สตีฟจึงถึงเรียกตัวกลับไปที่สํานักงานใหญ่ของ SHIELD เพื่อสอบปากคํา แต่ถึงอย่างนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ และในตอนนี้สตีฟก็กําลังลงลิฟต์เพื่อที่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้านของเขา … โดยไม่รู้เลยว่าในอีกไม่นานข้างหน้าจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างขึ้นกับเขา

ขอโทษที่ห่างหายไปนานนะครับ พอดีติดธุรหลาย ๆ อย่าง และเรื่องของโรคโควิดด้วยทําให้ผมไม่ค่อยมีเวลาที่จะแปลนิยายสักเท่าไหร่ จะต้องกราบขออภัยจริง ๆ แต่ผมยังไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอนครับผม