ตอนที่ 125 รอความตายเถิด (2) ตอนที่ 126 รอความตายเถิด (3

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 125 รอความตายเถิด (2)

“หลงฉี!” ดวงตาและน้ำเสียงของจวินอู๋เสียล้วนแต่เย็นชาและบ้าคลั่ง และเสียงของนางก็ทำให้คนที่ได้ฟังตัวสั่นสะท้าน

“ข้าน้อยอยู่นี่แล้วขอรับ!”

“ผู้ที่ทำการลอบสังหารได้หลบหนีเข้าไปในวังหลวง เจ้าจงรีบนำกองทัพรุ่ยหลินเข้าไปในวังเพื่อช่วยอารักขาฮ่องเต้!” ดวงตาของจวินอู๋เสียหรี่ลงเล็กน้อย การแสดงออกของฮ่องเต้ได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างกับนางแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับจวินเสี่ยน

นางต้องการให้ทั้งเมืองหลวงแห่งนี้ ถูกฝังไปพร้อมกับท่านปู่ของนาง!

“สั่งทหารของกองทัพรุ่ยหลินที่ประจำการรออยู่ด้านนอกจวนของขุนนางที่กระทำความผิดทั้งหมดให้ลงมือทันที! ตัดรากถอนโคนพวกมันให้สิ้นซาก! อย่าให้มีผู้ใดหลบหนีไปได้แม้แต่คนเดียว!” คำสั่งของจวินอู๋เสียที่สั่งการลงมาถึงสองครั้งติด ทำให้ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนกำแพงวังหลวงสะดุ้ง หลั่งพระเสโทเย็นเยียบ

จบสิ้นแล้ว! ทุกสิ่งมันจบสิ้นแล้ว!

“รับทราบขอรับ!” หลงฉีรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว!

ด้วยประโยคสั้นๆ เพียงไม่กี่ประโยคของจวินอู๋เสีย ได้พรากชีวิตของเหล่าขุนนางชั่วและครอบครัวของพวกเขาทั้งหมด ส่วนตัวนางในตอนนี้ ได้ขึ้นขี่หลังสัตว์ร้ายสีดำประชิดถึงหน้าประตูวังหลวงแล้ว!

ฆ่าพวกเขาทั้งหมด!

อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!

กองทัพรุ่ยหลินตามอยู่ด้านหลังของจวินอู๋เสีย กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูวังหลวงทีละขั้น กองทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าประตูอยู่นั้นตึงเครียดอยู่แล้วและกำลังจะหายใจไม่ออก พวกเขาล้วนรู้สึกหวาดกลัว ด้วยพวกเขาอยู่ใกล้จวินอู๋เสียมากที่สุด จึงสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารในตัวของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน มันเป็นความต้องการฆ่าที่ข้นคลั่กและน่ากลัวอย่างยิ่ง

สังหารฮ่องเต้!

จวินอู๋เสียกำลังคิดจะปลงพระชนม์ฮ่องเต้จริงๆ!

“จวินอู๋เสีย! เจ้าอย่าได้ทำอะไรมุทะลุ! จงอย่าได้ลืมว่าเจ้าคือทายาทสกุลจวิน!” ฮ่องเต้กรีดร้องออกไปด้วยความตื่นตระหนก หมดสิ้นแล้วซึ่งภาพลักษณ์ฮ่องเต้ผู้สูงส่ง ยามนี้ทรงมีแต่ความลนลานและความสยดสยองเท่านั้น

“ใช่แล้วเพคะ พระองค์ทรงตรัสถูกต้องแล้ว หม่อมฉันคือทายาทสกุลจวิน!” ริมฝีปากของจวินอู๋เสียยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ความงามที่ชวนให้หลงใหลมึนเมานั้น เวลานี้กลับเหมือนปีศาจร้ายที่หมายคร่าชีวิตของมนุษย์มากกว่า

เปรียบเสมือนดั่งอาชูร่าที่คืบคลานขึ้นมาจากเพลิงอเวจี เพื่อลากพวกเขาทั้งหมดไปลงนรกด้วยกัน!

ท่านปู่! อู๋เสียกำลังจะแก้แค้นให้ท่านแล้ว!

“หยุดพวกเขา!” ฮ่องเต้ตะโกนรับสั่งด้วยความตกใจ

กองทหารรักษาพระองค์ทำได้เพียงกัดฟันรับคำสั่งและเผชิญหน้ากับกองทัพรุ่ยหลิน แต่หลังจากพวกเขาเกิดการปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างกองกำลังทั้งสอง กองทหารรักษาพระองค์ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของกับกองทัพรุ่ยหลินได้เลย จนในท้ายที่สุดกองทหารรักษาพระองค์ก็ถูกบดขยี้ มีคนถูกสังหารและบาดเจ็บนับไม่ถ้วน ด้วยในระหว่างที่เกิดการปะทะกันพวกเขาไม่อาจตอบโต้ได้ทันจึงถูกกองทัพรุ่ยหลินฟันขาดครึ่งท่อน!

ส่วนทางกองทัพรุ่ยหลินน่ะหรือ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ ทั้งสิ้น!

ชาวเมืองที่เฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ ต่างตกตะลึง พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

อย่างไรก็ตาม ภาพปฏิบัติการก่อนหน้านี้ของจวินอู๋เสียที่กำจัดภัยร้าย สังหารขุนนางชั่วที่กดขี่ข่มเหงประชาชนยังคงตราตรึงอยู่ในจิตสำนึกของพวกเขา ภาพลักษณ์ของสกุลจวินจึงยิ่งใหญ่และสู่งส่งมาก มั่นคงเกินกว่าที่เหล่าชาวเมืองจะคิดไปในทางร้าย พวกเขาจึงเชื่อมั่นในตัวจวินอู๋เสียหมดใจว่านางกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง นางกำลังปกป้องพวกเขาอยู่!

โจรร้ายที่กระทำเรื่องอุกอาจลอบสังหารเชื้อพระวงศ์ได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในวังหลวงจริงๆ และคุณหนูใหญ่สกุลจวินก็กำลังเสี่ยงภัยเพื่อช่วยอารักขาฮ่องเต้!

เมื่อกองกำลังทั้งสองปะทะกัน และกองทหารรักษาพระองค์พ่ายแพ้หมดรูป เวลานี้กองทัพรุ่ยหลินได้บุกประชิดมาถึงหน้าประตูวังหลวงแล้ว เสียงกึกก้องจากการที่ประตูวังถูกกระแทกให้เปิดออกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พาให้ทุกคนที่ยืนอยู่บนกำแพงสูง ซึ่งสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากใต้ฝีเท้า เนื้อตัวสั่นเทาแทบล้มทั้งยืนด้วยความหวาดกลัว

“ทำไมกัน…ทำไมเรื่องราวมันถึงกลายเป็นเช่นนี้…” ฮ่องเต้เซพระวรกายถอยหลัง ก่อนจะถูกมั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังประคองพระองค์ไว้ไม่ให้ล้มลงไป

พระองค์ซึ่งทรงใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและสูงส่งเป็นเวลานานหลายทศวรรษ ในค่ำคืนนี้ พริบตาคล้ายกับจะถูกดูดให้พระชนมพรรษาของพระองค์ลดลงไปนับกว่านับสิบปี!

มันจบแล้ว มันจบสิ้นแล้วจริงๆ!

เสียงดังปึงปังที่ประตูวังดังก้องสนั่น และแล้วประตูวังหลวงก็ถูกกองทัพรุ่ยหลินกระแทกให้เปิดออกจนสำเร็จ เจตนาฆ่าในดวงตาของจวินอู๋เสียเพิ่มขึ้นอย่างมาก ร่างบางที่กำลังควบขี่อยู่บนหลังอสูรร้ายสีดำเต็มไปด้วยจิตสังหารเปี่ยมล้น นางกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่วังหลวงอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันความบ้าคลั่งในแววตาที่มีแต่ความต้องการแก้แค้นก็ถูกเปิดเผยออกมาอย่างแจ่มแจ้ง!

“อู๋เสีย” จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกหนึ่งที่คุ้นเคยมากดังขึ้นกลางอากาศ ไอสังหารบนใบหน้าของจวินอู๋เสียสลายหายไปในพริบตา ความอาฆาตพยาบาทที่เดือดดาลแผดเผาประหนึ่งกองเพลิงที่ลุกโชน คล้ายกับจะถูกราดให้มอดดับทันทีด้วยเสียงนั้น

สักครู่หนึ่งจวินอู๋เสียถึงได้สติกลับคืนมา นางรีบหันหน้ากลับไปมองยังต้นเสียงโดยเร็ว

ความประหลาดใจและตกใจฉายชัดบนใบหน้าของเด็กสาว

ท่ามกลางฝูงชนที่มุงดูอยู่ บุรุษมีอายุรูปร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเดินออกมา ใบหน้าที่ผสมผสานกันระหว่างความสง่างามและดุดันกับความอ่อนโยนเต็มไปด้วยความเอ็นดูนั้นช่างคุ้นเคยเหลือเกิน

ดวงตาของจวินอู๋เสียเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันที หยาดน้ำตารื้นขึ้นเต็มกรอบตาทั้งสองข้าง นางอ้าปากกว้าง เปล่งเสียงเรียกออกไปอย่างแผ่วเบาว่า

“ท่านปู่…”

จวินเสี่ยนมองไปที่หลานสาวของเขาด้วยความรัก ขณะที่เขาเดินไปหาจวินอู๋เสียผ่านกลุ่มฝูงชน

การปรากฏตัวของจวินเสี่ยน ทำให้กองทัพรุ่ยหลินทั้งหมดแหวกออกเป็นสองฝั่งเปิดทางให้เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ ทุกย่างก้าวของเขาระหว่างเดินผ่านกลุ่มคนไปนั้น ทหารทุกคนล้วนก้มศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพและจงรักภักดีสูงสุดไปตลอดทาง

ข้างๆ จวินเสี่ยน มีชายหนุ่มรูปงามเดินตามมาอย่างเงียบๆ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาและมีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ร้ายกาจ ดวงตาคู่นั้นของเขาที่จ้องมองไปที่จวินอู่เสียมีอารมณ์รั่วไหลออกมา

เด็กน้อยของเขากำลังจะร้องไห้เสียแล้ว…

ตอนที่ 126 รอความตายเถิด (3)

“เด็กโง่” จวินเสี่ยนเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านข้างจวินอู๋เสียท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก เขารู้สึกปวดร้าวในใจเมื่อได้เห็นชุดกระโปรงที่เปื้อนเลือดของนาง แต่กระนั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจ ขณะที่เขายกมือขึ้นเพื่อลูบหัวของนางด้วยความรักและเอ็นดู

“ปู่ไม่เป็นไรแล้ว”

จวินอู๋เสียกะพริบตา รู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่กรอบตาของนางคล้ายกับว่าน้ำตาจะร่วงหล่นลงมาได้ทุกขณะ นางรีบก้มศีรษะลงโดยไว แอบปาดน้ำตาที่ใกล้จะไหลลงมาอยู่รอมร่อออกไป

จวินเสี่ยนตบไปที่ไหล่ของจวินอู๋เสีย และมองขึ้นไปที่ฮ่องเต้ที่ทรงประทับอยู่บนกำแพงวังหลวงด้วยพระพักตร์ขาวซีด “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย กลุ่มผู้ลอบสังหารที่ได้ลอบเข้าไปหลบซ่อนตัวในวังหลวงบัดนี้ถูกกำจัดหมดแล้ว พระองค์ทรงปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

การปรากฏตัวของจวินเสี่ยนไม่เพียงแต่ทำให้จวินอู๋เสียประหลาดใจ แต่แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังทรงตกตะลึงด้วย พระองค์จ้องมองมาที่จวินเสี่ยนด้วยพระเนตรที่เบิกกว้าง

จวินเสี่ยน…ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรอกหรือ

“โอ๊ะ…โอ้…ขุนนางที่รักของข้า ลำบากเจ้าแล้ว ความดีความชอบของจวนหลินอ๋องในวันนี้เราจะไม่มีวันลืมเลย! ใครก็ได้ ประกาศราชโองการของเราลงไป ประทานผ้าไหมแพรชั้นดีร้อยพับ ทองคำหนึ่งหมื่นตำลึงแก่จวนหลินอ๋อง พร้อมกันนี้ทหารกล้าแห่งกองทัพรุ่ยหลินทุกคนที่มีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจในค่ำคืนนี้ จะได้รับรางวัลพิเศษและได้รับการยกย่องสำหรับความสำเร็จในการอารักขาคุ้มครองเรา” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตราบใดที่จวินเสี่ยนยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว!

พระเจ้ารู้ดีว่า จวินอู๋เสียเพิ่งจะวางแผนปลงพระชนม์ฮ่องเต้ไปเมื่อสักครู่นี้เอง!

ถ้าจวินเสี่ยนปรากฏตัวออกมาไม่ทันเวลา พระเศียรของพระองค์เกรงว่าจะย้ายที่ไปอยู่ที่อื่นแล้ว!

ฮ่องเต้ไม่เคยรู้สึกดีพระทัยที่ได้เห็นจวินเสี่ยนยังมีชีวิตอยู่เท่าวันนี้มาก่อนเลย พระองค์รู้สึกขอบคุณสวรรค์จริงๆ ที่ยังไม่รีบรับชีวิตของจวินเสี่ยนกลับไป!

จวินเสี่ยนไม่ได้พูดอะไร หลังจากรอให้จวินอู๋เสียปรับอารมณ์ของนางกลับคืนสู่ความสงบแล้ว นางก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮ่องเต้และกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้หาใช่มีเพียงความดีความชอบของจวนอ๋องหลินเพียงแห่งเดียวเท่านั้นเพคะ”

“…” ฮ่องเต้ทรงรู้สึกว่าพระเพลาของพระองค์อ่อนแรงลงเมื่อได้ยินจวินอู๋เสียพูดขึ้น พระองค์ไหนเลยจะกล้าตรัสขัดคำพูดของนาง

“วันนี้ที่เหล่าขุนนางชั่วถูกนำตัวมาลงโทษ ทั้งหมดล้วนเป็นผลงานมาจากการเตรียมการและตรวจสอบอย่างละเอียดขององค์รัชทายาททั้งสิ้น รัชทายาททรงจงใจปกปิดสติปัญญาและความสามารถของพระองค์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และแสดงให้คนอื่นๆ เข้าใจผิดคิดว่าพระองค์โง่เขลาและไร้ซึ่งความสามารถ จึงเป็นที่มาของการได้มาซึ่งหลักฐานกระทำความผิดมากมายเช่นนี้! เพราะองค์รัชทายาทยอมเสียสละตนเอง ยินดีทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพระองค์เองเพื่อความมั่นคงและมั่งคั่งของรัฐชีในวันข้างหน้าโดยไม่ลังเลใจ จนถูกประชาชนเข้าใจผิดก่นด่าไปทั่ว ในค่ำคืนนี้พระองค์จึงสามารถอาศัยจังหวะที่ขุนนางชั่วร้ายเหล่านั้นไม่ได้เตรียมตัว วางแผนบุกจับกุมพวกเขาทั้งหมดพร้อมทั้งหลักฐานทางอาญาของพวกเขาได้!”

จวินอู๋เสียได้ยกภาพลักษณ์ของมั่วเฉี่ยนยวนขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยการกล่าวเยินยอเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ แม้แต่ มั่วเฉี่ยนยวนเองก็ประหลาดใจ มองไปที่จวินอู๋เสียพร้อมกับเบิกตากว้าง ไม่เข้าใจสักนิดว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

เกียรติยศที่เกิดขึ้นจากการสังหารหมู่ขุนนางชั่วในค่ำคืนนี้ นางได้เปลี่ยนมือและส่งมอบมันให้กับมั่วเฉี่ยนยวนทั้งหมดแล้ว!

“ดังนั้นแล้ว หม่อมฉันขอความกรุณาให้พระองค์ทรงพระราชทานรางวัลให้แก่องค์รัชทายาทด้วย ส่วนจวนหลินอ๋องนั้น หม่อมฉันจะละอายใจเกินกว่าที่จะแย่งชิงผลงานในค่ำคืนนี้มาเป็นของตัวเอง จึงยังไม่สมควรที่จะได้รับรางวัลเพคะ” จวินอู๋เสียกล่าวโดยตรง ไม่สนใจสักนิดว่าคนอื่นจะเข้าใจวิธีการและความคิดของนางหรือไม่

ฮ่องเต้ทรงสับสนเล็กน้อยในคราแรก แต่เมื่อนึกถึงภาพลักษณ์ของจวินอู๋เสียที่เข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งไปเมื่อสักครู่ พระองค์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักพระพักตร์อย่างแข็งทื่อ พยายามอย่างหนักที่จะแสดงภาพลักษณ์แห่งความเมตตาและรักใคร่เมื่อทรงทอดพระเนตรไปที่มั่วเฉี่ยนยวน

“เฉี่ยนยวนเอ๋ย หลายปีมานี้…ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”

มั่วเฉี่ยนยวนฟื้นคืนสติจากความงุนงง คลับคล้ายกับว่าจะตระหนักได้ถึงบางอย่างแล้วแต่ก็ยังไม่มั่นใจนัก “ลูกในฐานะองค์รัชทายาทมีหน้าที่แบ่งเบาภาระของพระองค์อยู่แล้ว เป็นสิ่งที่สมควรกระทำอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“วันนี้เจ้าทำได้ดีมากจริงๆ เราจะตกรางวัลให้เจ้าอย่างดีในภายหลังแน่นอน” ฮ่องเต้ทรงรับสั่งด้วยอาการมุมปากกระตุก

เมื่อได้เห็นฮ่องเต้และมั่วเฉี่ยนยวนสนทนากัน ต่างฝ่ายต่างเยินยอและชื่นชมอีกฝ่าย มั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็ลอบกัดฟันอย่างขมขื่น

อุบายเมื่อสักครู่นี้ของจวินอู๋เสีย ชัดเจนแล้วว่าเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีและสร้างสถานะชื่อเสียงของมั่วเฉี่ยนยวนขึ้นใหม่ให้สูงขึ้นในหมู่ประชาชน เมื่อเหตุการณ์ในวันนี้แพร่กระจายออกไป ภาพลักษณ์โง่เขลาและไร้สามารถของมั่วเฉี่ยนยวนตลอดสองสามปีที่ผ่านมาจะถูกลบให้เลือนหายไปในทันที และผู้คนก็จะยอมรับเขา จดจำเขาในฐานะองค์รัชทายาทผู้เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรัฐ! ใครจะยังพูดถึงพฤติกรรมเย่อหยิ่งและหยาบคายน่ารังเกียจของเขาในอดีตอีก!

ลูกไม้นี้ของจวินอู๋เสียต้องยอมรับเลยว่าเด็ดนัก ทั้งรวดเร็ว! โหดเหี้ยม! แม่นยำ!

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเกินความคาดหมายของทุกคนไปโดยสิ้นเชิง!

กระบวนท่าเดียวพลิกเปลี่ยนโฉมหน้าที่น่าสังเวชของมั่วเฉี่ยนยวนตลอดหลายปี ให้กลายเป็นดั่งเทวดาที่เยื้องย่างลงมาจากสวรรค์!