ตอนที่ 127 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น (1)
“เสด็จพ่อรับสั่งชมเชยเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” มั่วเฉี่ยนยวนตอบอย่างสุภาพ
“วันนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์รัชทายาทหรือจวนหลินอ๋องล้วนมีผลงานทั้งสิ้น สมควรได้รับรางวัล อย่างไรก็ตามเวลานี้ไม่เช้าแล้ว หลินอ๋องเองก็คงเหนื่อยอยากพักผ่อนมากแล้วกระมัง เช่นนั้นเชิญทุกคนกลับไปพักก่อนเถิด รัฐชีของพวกเราคงไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเสาหลักที่แข็งแรงเช่นเจ้า” ฮ่องเต้ทรงตรัสรับสั่งด้วยพระพักตร์ที่เปี่ยมไปด้วยความกรุณา แต่ในพระหทัยของพระองค์นั้นแทบจะกระอักโลหิตออกมาอยู่รอมร่อ ความอัปยศที่จวินอู๋เสียมอบให้พระองค์ในค่ำคืนนี้ ทำให้พระองค์เจ็บปวดและอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เวลานี้ พระองค์ต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นคือส่งนางปีศาจนี้กลับไปที่จวนหลินอ๋องให้เร็วที่สุด และอธิษฐานอ้อนวอนขอว่าอย่าให้มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้อีกเลย
จวินเสี่ยนไม่รีบตอบสนอง แต่เขามองไปที่จวินอู๋เสียและชัดเจนแล้วว่าเขาจะให้สิทธิ์แก่หลานสาวคนนี้ในการหยุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ไอสังหารที่เกิดขึ้นในดวงตาของจวินอู๋เสียสงบลงหลังจากการปรากฏตัวของจวินเสี่ยน ใบหน้าที่เย็นชาและเรียบนิ่งน่ากลัวของนางไร้ซึ่งความยินดีใดๆ นางเพียงเปิดปากและพูดออกไปด้วยท่าทีเยือกเย็นว่า “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท แต่ในขณะนี้กลุ่มมือสังหารเหล่านั้นยังถูกกำจัดออกไปไม่หมด หม่อมฉันขอฝ่าบาททรงโปรดประทานอนุญาตให้องค์รัชทายาทไปพำนักอยู่ที่จวนหลินอ๋องสักระยะหนึ่งเพื่อหารือเรื่องจับกุมตัวโจรชั่วต่อไป แล้วดูว่ายังมีปลาเล็กปลาน้อยหลุดเล็ดลอดผ่านตาข่ายไปหรือไม่”
ฮ่องเต้ทรงตกพระทัยอีกครั้ง ยังมีปลาที่เล็ดลอดผ่านตาข่ายไปอีกหรือ!
ในค่ำคืนนี้จวินอู๋เสียได้ทำการสังหารหมู่ขุนนางไปหลายคนแล้ว แต่ทั้งที่ตอนนี้จวินเสี่ยนเองก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว แต่นางยังไม่คิดรามืออีก!
ต้องฆ่าอีกสักกี่คนกันนางถึงจะพอใจ!
ภายใต้ความหวาดกลัวที่มากล้น ตลอดช่วงเย็นนี้ฮ่องเต้ถูกทำให้ตกพระทัยซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเหนื่อยล้าไปทั้งพระวรกายและพระหฤทัย อย่างไรก็ตามพระพักตร์ของพระองค์ยังคงพยักขึ้นลงอย่าง ‘เป็นสุข’ ยิ่ง
มั่วเฉี่ยนยวนเตรียมกลับออกจากวังหลวงไปพร้อมกับจวินอู๋เสีย สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ฮ่องเต้และมั่วเซวี่ยนเฝ่ยตกใจกลัวเท่านั้น กระทั่งเขาเองที่เป็นพันธมิตรกับนาง ก็ยังอดไม่ได้ตะลึงพรึงเพริดไปกับวิธีการอันโหดร้ายของจวินอู๋เสีย
“ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันทูลลาแล้วเพคะฝ่าบาท พระองค์ทรงได้รับความกระทบกระเทือนพระทัยมากมายในค่ำคืนนี้ ขอพระองค์โปรดถนอมพระวรกายด้วย” เมื่อกล่าวจบ จวินอู๋เสียก็หันหลังและเดินจากไปด้วยท่าทางสงบประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การตัดสินใจของจวินอู๋เสีย คือสัญญาณบ่งบอกให้กองทัพรุ่ยหลินถอนกำลังกลับ ขณะที่พวกเขารวมพลกันและเคลื่อนทัพออกจากวังหลวง พวกเขาก็ได้รับคำสรรเสริญและแสดงความเคารพจากชาวเมืองจำนวนมากที่มายืนมองเรียงรายเต็มสองฝั่งถนน
บนกำแพงวังหลวงที่สูงใหญ่ ฮ่องเต้ซึ่งทอดพระเนตรมองกองทัพรุ่ยหลินที่จากไปไม่สามารถระงับความกริ้วได้เลย พระหฤทัยของพระองค์ยามนี้หดหู่ยิ่งนัก จนกระอักโลหิตลงบนพื้น เหล่าขันทีนางกำนัลที่ถวายการรับใช้อยู่ข้างพระวรกายตะโกนเรียกหาหมอหลวงกันให้วุ่น
เมื่อกลับมาอย่างมีชัย จวินอู๋เสียที่ขี่อยู่บนหลังสัตว์ร้ายสีดำก็ขนาบข้างไปกับจวินเสี่ยนซึ่งควบอยู่บนหลังม้า จวินอู๋เย่าหายตัวไปท่ามกลางฝูงชนอีกครั้ง จวินอู๋เสียมองหาเขาอยู่นานแต่สุดท้ายก็ยังหาไม่พบ
“ท่านปู่ ท่านไม่เป็นอะไรแน่นะเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียถามอย่างใจเย็น
“ร่างกายนี้แก่แล้ว หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เจ้าช่วยบำรุงมันจนแข็งแรงขึ้น เกรงว่ากระดูกเก่าๆ ของปู่คงจะทนได้ไม่ถึงตอนนี้” จวินเสี่ยนที่เมื่อสักครู่ยังคงแสดงท่าทีแข็งแกร่งองอาจยามยืนอยู่หน้าประตูวังหลวง มาบัดนี้หลังพ้นสายตาของชาวเมืองที่มายืนมุงดู ร่างกายมีอายุก็แสดงความอ่อนล้าออกมาให้เห็น
ดวงตาของจวินอู๋เสียมืดครึ้มลงเรื่อยๆ
“หลงฉี!”
“ข้าน้อยอยู่นี่แล้วขอรับ!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ หลงฉีก็นับถือชื่นชมจวินอู๋เสียอย่างหมดใจ คนอื่นๆ อาจไม่รู้ แต่เขาที่อยู่เคียงข้างจวินชิงมาโดยตลอดรู้ดีว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เขาได้ประจักษ์แก่สายตาของตัวเองแล้วถึงความเก่งกาจของคุณหนูของเขา!
“ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ก่อนที่โจรชั่วพวกนั้นจะถูกกำจัดจนสิ้นซาก กองทัพรุ่ยหลินจะประจำการอยู่ในเมืองหลวงไปจนกว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะจบสิ้น ไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกจากเมืองหลวงแม้แต่คนเดียว ต่อให้คนผู้นั้นจะเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ตาม! หากมีการฝ่าฝืนคำสั่ง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครหรือมีสถานะไหน ลงมือกำจัดได้เลยแล้วค่อยรายงานทีหลัง” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง สั่งปิดผนึกทั้งเมืองหลวงอย่างอุกอาจ
คำพูดของจวินอู๋เสีย ทำให้จวินเสี่ยนและมั่วเฉี่ยนยวนที่ตามมาข้างๆ กันถึงกับสะดุ้งเฮือก ทั้งคู่คาดเดาเจตนารมณ์ของจวินอู๋เสียได้รางๆ แต่ไม่กล้าพูดออกไปเพราะการคาดเดานั้นมันน่าตกใจจนเกินไป
เรื่องราวในวันนี้มันยังไม่จบ การแก้แค้นของจวินอู๋เสียมันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ตอนที่ 128 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น (2)
กลับมาที่จวนหลินอ๋อง จวินเสี่ยนที่ประคับประคองเก็บซ่อนอาการบาดเจ็บของตัวเองมาตลอดทางก็ทรุดตัวลง หลงฉีรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองเขาไว้ ก่อนจะส่งเขากลับไปที่ห้องโดยมีจวินชิงที่ออกมายืนต้อนรับหน้าประตูก้าวตามหลังไปติดๆ
“ลุงฝู ไปหยิบกล่องยาของข้ามาที” จวินอู๋เสียสั่งในขณะที่สีหน้าของนางดูน่าเกลียดมาก จวินเสี่ยนในเวลานี้แม้จะดูไม่ต่างจากปกติ แต่นางรู้ดีว่าภายใต้การเฝ้าบำรุงและดูแลสุขภาพของนาง จวินเสี่ยนแข็งแรงขึ้นมากเพียงใด ร่างกายของเขาแทบจะเทียบได้กับชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆ ได้เลย แต่เวลานี้หลังจากเดินเข้าประตูจวน เขาก็ล้มลงประคองร่างกายตัวเองแทบไม่ไหว เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเพิ่งผ่านการบาดเจ็บหนักมา!
“อู๋เสีย…” มั่วเฉี่ยนยวนมีคำถามมากมายในหัวของเขา และคำถามเหล่านี้มีเพียงจวินอู๋เสียเท่านั้นที่สามารถไขความกระจ่างให้แก่เขาได้
จวินอู๋เสียมองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “หากเจ้ายังไม่อยากตายก็ตามข้ามาเงียบๆ หุบปากของเจ้าซะ และเลิกพูดจาไร้สาระสักที ไม่อย่างนั้นอย่าโทษที่ข้าลงมือเอง”
“…” หัวใจของมั่วเฉี่ยนยวนสั่นสะท้าน
จวินอู๋เสียเดินเข้าไปที่ห้องจวินเสี่ยนอย่างรวดเร็วและทำการตรวจร่างกายของจวินเสี่ยนอย่างละเอียด ในวินาทีต่อมาหลังจากการตรวจสอบเสร็จสิ้น ดวงตาของนางก็ไหววูบ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาจนแดงก่ำ
“มันคือพิษ!” น้ำเสียงของจวินอู๋เสียสงบมาก แต่ในหูของผู้ที่สดับฟังอยู่ใกล้ๆ มันกลับเหมือนตกลงไปในบ่อน้ำแข็งที่เย็นเยียบ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ไม่เห็นหรือว่าปู่ในตอนนี้สบายดี” จวินเสี่ยนยิ้ม และค่อยๆ เอนกายพิงไปกับหัวเตียงอย่างเหนื่อยล้า ไม่สนใจความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนร่างกายของเขา เวลานี้การปลอบจวินอู๋เสียให้สงบลงสำคัญยิ่งกว่า จวินเสี่ยนพยายามฝืนบังคับตัวเองให้ยิ้มออกไปราวกับไม่เป็นอะไร
ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา ลุงฝูที่นางวานให้ไปหยิบกล่องยาก็มาถึง จวินอู๋เสียดึงเข็มเงินออกจากกล่องยาพลางบ่นเสียงอู้อี้ สีหน้ามึนตึงดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อย กระนั้นนางก็ยังฝังเข็มลงบนจุดต่างๆ ในร่างกายของจวินเสี่ยนอย่างระมัดระวัง โลหิตสีดำไหลตามเข็มเงินที่ฝังลงไปและหยดลงบนเตียงอย่างต่อเนื่อง จวินเสี่ยนหน้าซีดมากขึ้น ริมฝีปากของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อนดูน่าตกใจ
“ท่านพ่อ…” จวินชิงเอ่ยปากเรียกออกไปด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียตอบแทนและก้มศีรษะลง มือทั้งสองข้างยังคงฝังเข็มต่อไปไม่หยุด
ตราบเท่าที่นางยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่พญามัจจุราชก็อย่าได้คิดที่จะพรากท่านปู่ของนางไป!
เลือดที่สกปรกค่อยๆ ถูกระบายผ่านเข็มเงินออกมาอย่างช้าๆ ริมฝีปากสีม่วงน่าเป็นห่วงของจวินเสี่ยนเริ่มจางลง และถึงแม้ว่ามันจะยังซีดอยู่ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวดังเดิมแล้ว
จวินอู๋เสียหยิบเม็ดยาลูกกลอนขนาดเล็กสองสามเม็ดออกมาและป้อนใส่ปากจวินเสี่ยนทันที
ในไม่ช้า สีหน้าของจวินเสี่ยนก็เริ่มมีสีเลือดกลับคืนมา คิ้วที่ขมวดแน่นของเขาค่อยๆ ยืดคลายออก จิตวิญญาณของเขาฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง
เขายังคงนอนพักอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยล้า
เมื่อเห็นจวินเสี่ยนฟื้นพลังกลับมา จวินชิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาถามว่า “ท่านพ่อ สรุปแล้วคืนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ด้วยทักษะของท่านและทหารองครักษ์ที่ติดตามท่านไป คนที่จะสามารถจับตัวท่านได้ในเมืองหลวงแห่งนี้ก็แทบนับนิ้วได้เลย”
จวินเสี่ยนขมวดคิ้วและคลายสลับกันเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ดวงตาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ “หลินเย่ว์หยางถูกวางยาพิษ! ตอนที่พ่อไปพบเขา เขาก็คลุ้มคลั่งไม่มีสติแล้ว เอาแต่พูดพึมพำว่าทำไมถึงต้องฆ่าล้างครอบครัวเขาด้วย ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปสักทีอยู่ท่าเดียว ในตอนแรกเขาจำพ่อไม่ได้เราจึงปะทะกัน แต่เพราะพ่อไม่กล้าทำร้ายร่างกายเขา จึงได้แต่สั่งการให้เหล่าทหารองครักษ์ที่ติดตามไปด้วยจับตัวเขาไว้ แล้วบังคับให้เขากลืนยาที่อู๋เสียให้พ่อนำติดตัวไปด้วยลงไป เขาถึงฟื้นคืนสติขึ้นมาเล็กน้อย”
นึกย้อนกลับไปถึงฉากที่ผู้มีพระคุณในอดีตบ้าคลั่งราวกับคนวิปลาส หัวใจของจวินเสี่ยนก็เศร้าสลด รู้สึกเจ็บปวดเกินจะกล่าว
“หลังจากที่หลินเย่ว์หยางฟื้นคืนสติกลับมา เขาก็ตะโกนใส่หน้าพ่อและบอกให้พ่อพาคนออกไปจากที่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้ บอกว่ามีคนคิดจะใช้เขาทำร้ายพ่อ โดยใช้ชีวิตของคนทั้งตระกูลเขาสังเวยเป็นเหยื่อ” จวินเสี่ยนกำหมัดแน่น ผู้มีพระคุณของลูกชายเขากลับต้องมาตายเพราะสกุลจวินของพวกเขา ทั้งเด็กและคนแก่ในบ้านไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตเดียว จะทำให้เขาทนรับสิ่งนี้ได้อย่างไร
“แต่หลังจากที่เขาพูดจบ จู่ๆ เขาก็กลายเป็นเสียสติอีกครั้ง ก่อนที่ร่างกายของเขาจะพองตัวขึ้นและระเบิดออกจากกันอย่างรวดเร็ว หลังจากการระเบิด พวกพ่อก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เริ่มรู้สึกอ่อนเพลียและร่วงลงไปจากหลังม้า…”