ตอนที่ 129 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น (3) ตอนที่ 130 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 129 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น (3)

หลังจากที่จวินเสี่ยนและคนอื่นๆ ตกจากหลังม้า กลุ่มคนชุดดำก็พุ่งเข้ามาหมายสังหารพวกเขา องครักษ์ที่จวินเสี่ยนพาไปด้วยไม่อาจรับมือกับเหล่ามือลอบสังหารได้เลยในสภาพไร้เรี่ยวแรงแบบนั้น ไม่นานคนที่เหลือก็ถูกสังหารไปจนหมด มีเพียงจวินเสี่ยนคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ คิดว่าอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของเขาได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีโดยจวินอู๋เสีย จึงมีความต้านทานพิษสูงกว่าทหารทั่วไป จึงสามารถต้านทานการโจมตีเหล่านั้นได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามสองมัดหรือจะสู้สี่มือ สุดท้ายเขาก็ปราชัยให้แก่กลุ่มคนที่มีจำนวนมากกว่าและถูกจับตัวโดยกลุ่มคนพวกนั้น ถูกพาตัวเข้ามาในเมืองหลวง

ทหารองครักษ์จากกองทัพรุ่ยหลินที่ติดตามจวินเสี่ยนออกไปด้วยกันนั้น กว่าครึ่งเป็นคนที่จวินเสี่ยนปลุกปั้นขึ้นมาเองกับมือ สนิทสนมและเห็นพวกเขาเป็นดั่งสมาชิกในครอบครัว เมื่อเห็นทหารของตนเองถูกสังหารโดยกลุ่มคนชุดดำ หัวใจของจวินเสี่ยนก็เหมือนเลือดมีไหลออกมา รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

เขาถูกนำตัวเข้าไปที่คุกใต้ดินแห่งหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋เย่ามาถึงทันเวลา เกรงว่าเขาคงไม่มีโอกาสได้กลับมาพบหน้าลูกชายและหลานสาวของเขาเช่นนี้แล้ว

จวินเสี่ยนเล่าถึงเหตุการณ์ที่ขึ้นทุกอย่างอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทุกฉากล้วนเต็มไปด้วยการนองเลือด…

บีบให้หัวใจของผู้ที่ได้ฟังใจเต้นไม่เป็นส่ำ

ในฐานะคนที่มาจากราชวงศ์ มั่วเฉี่ยนยวนทำได้เพียงก้มศีรษะลงและไม่กล้าพูดอะไร เขารู้สึกอับอายยิ่งนัก ด้วยเข้าใจชัดเจนยิ่งกว่าใครที่อยู่ในนี้ทั้งหมดว่าผู้ใดคือผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารโหดครั้งนี้กันแน่

สีหน้าของจวินชิงน่าเกลียดถึงขีดสุด คราวนี้เพื่อกำจัดสกุลจวิน ฮ่องเต้ไม่ลังเลเลยที่จะใช้หลินเย่ว์หยางและชีวิตของคนทั้งตระกูลเขาเหยื่อล่อ! อาจเป็นเพราะพระองค์ทรงรู้ดีอยู่แล้วว่าสกุลจวินของพวกเขาไม่มีทางยืนดูผู้มีพระคุณของตนเองเสียชีวิตไปโดยไม่ช่วยเหลือเป็นแน่ โศกนาฏกรรมของสกุลหลินทั้งหมด สกุลจวินของพวกเขาต้องรับผิดชอบ!

“ล้วนเป็นเพราะสกุลจวินของพวกเรา สกุลหลินเลยพลอยติดร่างแหไปด้วย” จวินเสี่ยนหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เขาเป็นชายชาติทหารมาทั้งชีวิต มองชีวิตและความตายเป็นสิ่งไม่จีรังมานานแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้มีพระคุณ ทำให้เขารู้สึกผิดหวังต่อฮ่องเต้อย่างสุดซึ้ง ไม่คาดคิดเลยว่าความจงรักภักดีที่เขาอุทิศทุ่มเทให้กับรัฐชีอย่างไม่ย่อท้อ จะถูกตอบแทนด้วยสิ่งนี้

ฮ่องเต้…พระองค์ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน!

ความเจ็บปวดทางใจที่ได้รับ เหนือล้ำยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายอย่างไม่อาจเทียบเทียมได้

“ร่างกายของท่านปู่ จะฟื้นตัวขึ้นในสองสามวัน” หลังจากที่จวินอู๋เสียได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากจวินเสี่ยน นางก็พูดขัดขึ้นก่อนจะเก็บของเข้าที่อย่างเงียบๆ

ตั้งแต่ออกจากวังหลวง นางก็ดูนิ่งเงียบผิดปกติ

ความเงียบนี้ ทำให้มั่วเฉี่ยนยวนที่เคยได้เห็นด้านที่โหดร้ายทารุณของนางเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

“วันนี้ทั้งท่านปู่และท่านอาเล็กคงเหนื่อยมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียเตือนขณะที่นางค่อยๆ ยืนขึ้น

“อู๋เสีย รอเดี๋ยวก่อน” จวินเสี่ยนเรียกรั้งนางไว้ เขาลุกขึ้นนั่งและมองไปที่มั่วเฉี่ยนยวน

มั่วเฉี่ยนยวนเข้าใจว่าจวินเสี่ยนต้องการจะพูดคุยกับจวินอู๋เสียเป็นการส่วนตัว เขาจึงค่อยๆ ลุกขึ้นหมายจะเดินจากไป แต่แล้วกลับถูกน้ำเสียงเย็นๆ ของจวินอู๋เสียทักขึ้นว่า “เจ้าอยู่ต่อ”

มั่วเฉี่ยนยวนผงะไปครู่หนึ่ง แล้วกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเชื่อฟัง

“ท่านปู่ ข้ารู้ว่าท่านจะพูดอะไร วันนี้ไม่ใช่ข้ามุทะลุใจร้อน แต่ข้าได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยให้คนที่มีจิตคิดร้ายต่อสกุลจวินมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป ข้ารู้ว่าท่านต้องการจะเกลี้ยกล่อมข้า แต่โปรดอภัยในความดื้อรั้นของหลาน เรื่องนี้หลานไม่อาจเชื่อฟังท่านได้จริงๆ เพราะสิ่งที่หลานได้ตัดสินใจลงไปแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” จวินอู๋เสียถกกระโปรงขึ้นและคุกเข่าลงข้างเตียงของจวินเสี่ยน ดวงตาฉายแววมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว

นางรู้ว่าจวินเสี่ยนมีพื้นเพชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย เป็นเพราะได้รับการยกย่องจากองค์ปฐมฮ่องเต้ ถึงได้มีโอกาสควบขี่อาชาบุกเข้าไปในสนามรบ สร้างผลงานทางการทหาร จนได้รับเกียรติยศมากมายรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ ด้วยเหตุนี้จวินเสี่ยนจึงอดทนต่อการกดขี่ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งหมดเป็นเพราะสำนึกในบุญคุณขององค์ปฐมฮ่องเต้ผู้ล่วงลับนั่นเอง

แต่ความอดทนของจวินเสี่ยนนั้น ไม่ได้รวมถึงนางด้วย!

จวินเสี่ยนทนได้ แต่นางทนไม่ได้!

จวินเสี่ยนจ้องมองไปที่จวินอู๋เสียซึ่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงด้วยความตกใจ ไม่มีเวลาจะมาสนใจความอ่อนล้าของร่างกายอีกแล้ว รีบยื่นมือออกไปดึงร่างของจวินอู๋เสียให้ลุกขึ้น

“นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่!”

“ท่านปู่ หลานตัดสินใจแน่แล้ว” แม้ว่าจวินอู๋เสียจะยอมให้ตัวเองถูกดึงตัวขึ้นมาโดยจวินเสี่ยน แต่นางจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเป็นอันขาด

“เจ้าเด็กนี่…ไปได้นิสัยดื้อรั้นเช่นนี้มาจากผู้ใดกัน” จวินเสี่ยนถอนหายใจอย่างจนปัญญา

“จริงอยู่ที่ปู่อยากเกลี้ยกล่อมเจ้า แต่เป็นเพราะกลัวว่าเจ้าจะเผยคมที่ซ่อนอยู่มากเกินไป ยิ่งเจ้ากระทำเรื่องละเมิดต่ออำนาจของฮ่องเต้ แน่นอนย่อมต้องชักนำภัยร้ายมาสู่ตัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตามหากเจ้าตัดสินใจแน่แล้ว เช่นนั้นปู่ก็จะคอยสนับสนุนอยู่เคียงข้างเจ้า ปัดป้องภัยร้ายที่จะเข้ามากล้ำกรายให้เอง ร่างกายแก่ๆ นี้จะปกป้องเจ้าเองแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม! ที่เจ้าสังหารผู้คนไปมากมายในค่ำคืนนี้ ปู่รู้ว่าเจ้าทำไปเพื่อปกป้องสกุลจวิน แม้ว่ากระดูกเก่าๆ นี้จะไม่มีประโยชน์มากนัก แต่ก็จะไม่ยอมปล่อยให้เด็กอย่างเจ้าแบกรับแรงกดดันมหาศาลเพียงลำพังเด็ดขาด!”

ตอนที่ 130 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น (4)

เมื่อความจงรักภักดีสูงสุดตลอดมาต้องแลกมาด้วยภัยคุกคามและหายนะของตระกูล ต่อให้จวินเสี่ยนจะโง่เขลาและภักดีมากแค่ไหน เขาก็ตื่นขึ้นแล้ว

ในเมื่อฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัยแล้วว่าไม่อาจอยู่ร่วมกับสกุลจวินของพวกเขาได้อีก หากวันนี้จวินอู๋เสียไม่ตอบโต้กลับไปอย่างเด็ดขาดรุนแรง จนตัดเส้นทางของฮ่องเต้ เกรงว่าฝ่ายที่จะล้มครืนลงไปก็คือจวนหลินอ๋องของพวกเขาเอง

เมื่อเห็นจวินเสี่ยนยอมรับการตัดสินใจของนาง จวินอู๋เสียก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางไม่กลัวว่าจะถูกคนทั้งใต้หล้าก่นด่าสาปแช่ง ไม่กลัวว่าจะมีผู้ใดลุกขึ้นมาฉีกหน้าก่อกบฏกับนาง แต่กลัวเพียงท่านปูและท่านอาเล็กจะรับไม่ได้และโกรธเกลียดนาง

“ท่านปู่โปรดวางใจเถอะ ข้าได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว จะไม่ปล่อยให้สกุลจวินต้องตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเป็นแน่”

“ข้าได้ยินจากอาเล็กของเจ้า ว่าเจ้าเป็นคนปล่อยพลุสัญญาณหลิงอวิ๋น เจ้าเด็กนี่ จะอาจหาญใจใหญ่ไม่กลัวใครเกินไปแล้ว! ข้ารู้ทุกสิ่งที่เจ้าทำในคืนนี้ทั้งหมดแล้ว ไม่อาจไม่กล่าวว่าการจัดการทุกอย่างอย่างเป็นระบบและครอบคลุมถี่ถ้วน น่าชื่นชมและน่าประทับใจมาก อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเจ้าก็ยังต้องระวังวางแผนให้ดี หากมีสิ่งไหนเหลือบ่ากว่าแรงหรือต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกข้าได้ตลอดเวลา อย่าได้ปกปิดปิดบังมันจากข้าเชียว!” จวินเสี่ยนแสร้งทำเป็นเคร่งขรึมกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มงวด แต่แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูนั้นไม่อาจปิดซ่อนไว้ได้เลย

“เจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียพยักหน้า

“หลานกำลังวางแผนบีบให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติ แล้วดันองค์รัชทายาทขึ้นครองราชบัลลังก์แทน”

คำพูดสั้นๆ ของจวินอู๋เสีย ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นตกตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้น!

บีบบังคับให้สละราชสมบัติ?!

นี่นางยังหวังกดดันให้ฮ่องเต้ลงจากราชบัลลังก์อยู่อีกหรือ!

หัวใจของจวินเสี่ยนเกือบถูกหลานสาวของตัวเองทำให้กระดอนออกมาจากอกแล้ว

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำในคืนนี้ หนึ่งเพื่อบังคับให้ฮ่องเต้ส่งมอบท่านปู่กลับคืนมา สองเพื่อกำจัดลูกไล่มือไม้ชั่วช้าขี้ขลาดของฮ่องเต้ และสุดท้ายก็เพื่อสร้างขุมกำลังของเราเอง ปูทางสู่การดึงฮ่องเต้ลงจากราชบัลลังก์!”

การช่วยชีวิตจวินเสี่ยน เป็นจุดประสงค์หลักของการเข้าจู่โจมของจวินอู๋เสียในค่ำคืนนี้ ส่วนอีกสองเป้าหมายที่เหลือ นางล้วงทำไปเพื่อเหยียบย่ำศักดิ์ศรี ทำลายเกียรติและจุดยืนของเชื้อพระวงศ์

ตราบเท่าที่การสังหารหมู่เหล่าขุนนางในค่ำคืนนี้ประสบความสำเร็จ แรงกดดันจากขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อจวนหลินอ๋องและคอยสนับสนุนฮ่องเต้อยู่ก็จะไม่มีอีกต่อไป และตราบเท่าที่พวกเขาถูกกำจัดจนหมดสิ้น การที่ฮ่องเต้จะกระทำสิ่งใดในราชสำนัก ก็จะไม่ราบรื่นสมหวังดั่งพระทัยเหมือนอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการวางแผนกำจัดสกุลจวินอีกครั้ง ย่อมมิใช่เรื่องง่ายดายอีกต่อไป

ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนแน่นหนา ภายใต้นามกฎหมายของรัฐ การประหารชีวิตเหล่าขุนนางทุจริตและชั่วร้าย ได้ผลักดันให้ชื่อเสียงของจวนหลินอ๋องในหมู่ประชาชนทะยานขึ้นไปสู่จุดสูงสุด!

“เจ้าวางแผนเช่นนี้ไว้นานแล้วใช่หรือไม่ ที่เจ้ามอบความดีความชอบทั้งหมดให้กับองค์รัชทายาท ทั้งหมดก็เพื่อปูทางไปสู่การบรรลุเป้าหมายสุดท้ายของเจ้ากระมัง” จวินเสี่ยนเข้าใจเจตนาของจวินอู๋เสียแล้ว บัดนี้ปีกของฮ่องเต้ถูกตัดไปกว่าครึ่ง นับเป็นโอกาสดีที่จะผลักดันให้มั่วเฉี่ยนยวนเข้าไปอยู่ในหัวใจของประชาชน ลบเลือนภาพลักษณ์ฉาวโฉ่ที่เคยสร้างไว้

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อวางรากฐานสำหรับการเข้ายึดอำนาจของฮ่องเต้!

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียไม่ได้ปิดบังความตั้งใจของนาง

เนื่องจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่อาจทำใจยอมรับการดำรงอยู่ของสกุลจวินของพวกเขาได้ ดังนั้นนางก็จะเปลี่ยนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นมาครองราชย์แทน!

“หากองค์รัชทายาทต้องการขึ้นครองบัลลังก์อย่างถูกต้องชอบธรรม ชื่อเสียงของพระองค์ในหมู่ประชาชนถือว่ามีความสำคัญมาก” จวินอู๋เสียกล่าว

มั่วเฉี่ยนยวนที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างมาโดยตลอดคล้ายกับมีกลองตีรัวๆ ขึ้นในหัวใจ นับตั้งแต่ที่จวินอู๋เสียลงมือสังหารเว่ยฉวินหวา เขาก็พอเดาได้รางๆ แล้วว่านางมีเจตนาเข้ามาเป็นพันธมิตรกับเขาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะฮ่องเต้เริ่มลงมือกับสกุลจวินก่อน บางทีจวินอู๋เสียอาจไม่ตอบโต้กลับอย่างโหดเหี้ยมและรวดเร็วเช่นนี้

มันเป็นเพราะเจตนาฆ่าขององค์ฮ่องเต้ที่บีบบังคับให้จวินอู๋เสียต้องทำการสังหารหมู่!

“เช่นนั้นการที่เจ้าสั่งการให้กองทัพรุ่ยหลินปิดผนึกเมืองหลวง ก็เพื่อต้องการบีบให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติโดยเร็วที่สุดสินะ” ยิ่งจวินเสี่ยนฟังจวินอู๋เสียเล่าถึงแผนการมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของหลานสาวเขาผู้นี้ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก นางสามารถจัดการวางแผนทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งภายใต้อารมณ์โกรธที่ปะทุคุกรุ่น นางก็ยังสามารถดำเนินตามแผนการที่วางไว้ได้อย่างไม่มีผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้

“ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ในตอนที่ข้าเรียกรวมพลกองทัพรุ่ยหลินอีกครั้ง ข้าก็ได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้ว หากขณะนั้นฮ่องเต้ไม่ยอมปล่อยตัวท่านปู่กลับมา ข้าก็จะนำทัพบุกเข้าไปในวังหลวงแล้วฆ่ากวาดล้างให้เหี้ยน แต่หากฮ่องเต้ยอมปล่อยตัวท่านปู่ ใช่ว่าหลานจะไม่มีแผนสำรองเสียทีเดียว หรือก็คืออย่างที่ท่านปู่เห็น ที่หลานสั่งการให้กองทัพรุ่ยหลินปิดผนึกเมืองหลวงไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าออกเมืองหลวงได้ตามอำเภอใจ และบังคับให้เขาสละราชสมบัติ! ตราบเท่าที่เมืองหลวงยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพรุ่ยหลิน ฮ่องเต้คิดจะส่งพระราชสาส์นออกไปเรียกกองกำลังของพระองค์ให้เข้ามาช่วยเหลือย่อมมิอาจทำได้โดยง่าย และขอเพียงแค่มั่วเฉี่ยนยวนขึ้นนั่งครองบัลลังก์แล้ว สกุลจวินของพวกเราก็จะไม่ต้องวิตกกังวลอีกต่อไป” ดวงตาของจวินอู๋เสียหรี่ลงอย่างอันตรายขณะที่นางพูด แววตาเต็มไปด้วยประกายคมกริบและเยือกเย็น

เปิดเผยข้อหาของเหล่าขุนนางชั่วต่อที่สาธารณะ ทำการประหารขุนนางที่มีความผิด จากนั้นนำกำลังเข้าปิดผนึกเมืองหลวง การพัฒนาดำเนินไปของเรื่องราวทั้งหมดนี้ ล้วนอยู่ภายใต้การคาดการณ์จวินอู๋เสียตั้งแต่ต้น

ไม่ว่าฮ่องเต้จะสั่งปล่อยท่านปู่ของนางหรือไม่ พระองค์ก็ต้องสิ้นพระชนม์อยู่ดี!