ตอนที่ 54 แกะย่างทั้งตัว
หลายคนร่วมแรง งานย่อมเป็นไปด้วยดี ยิ่งไปกว่านั้นพรรคชิงหลงมีแต่บุรุษร่างกำยำ หนึ่งคนเทียบได้กับสองคน พอมาทำนา ทำสิ่งใดก็ได้ดั่งใจไปเสียหมด
ชาวบ้านที่เดิมทีซ่อนตัวอยู่ในบ้าน เตรียมตัวเฝ้าดูฉากแก้แค้นต่างตกตะลึงตาค้าง
ไหนบอกว่าจะตีกัน
ไหนบอกว่าจะขยี้ให้กลายเป็นเนื้อบด
ทำไมแต่ละคนลงไปทำงานในทุ่งนา
แถมยังทำอย่างตั้งอกตั้งใจอีกด้วย!
จะไม่ตั้งอกตั้งใจได้อย่างไรก็เฉินต้าเตาถือดาบเล่มใหญ่คอยเดินตรวจงานอยู่ ผู้ใดเกียจคร้าน เขาก็เหวี่ยงดาบใส่คนนั้น! ทุกคนจนปัญญากับการใช้อำนาจโดยมิชอบของหัวหน้าพรรคจึงต้องรีดเค้นเรี่ยวแรงทุกหยาดหยดมาทำงาน
แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงภาพที่เห็นภายนอก อันที่จริงพวกเขาแอบดูหมิ่นการทำงานประเภทนี้อยู่ในใจ พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นเด็กยากจนในชนบท เพราะไม่อยากทำนาถึงได้มาเข้าร่วมกับพรรคชิงหลง มือของพวกเขาใช้สำหรับ ‘ปล้นสะดมชาวบ้าน’ ไม่ใช่พรวนดิน
แต่ในเมื่อลูกพี่ออกปากแล้ว พวกเขาจะทำอะไรได้
ชีวิตของลูกพี่รอดพ้นเงื้อมมือของอู๋ต้าจินมาได้เพราะนาง อีกทั้งนางยังเป็นคนมอบพรรคชิงหลงให้ลูกพี่ พวกเขาไม่คิดว่าการทิ้งผู้มีพระคุณจะมีจุดจบที่ดี
แต่แปลกมาก ทำไมนางจึงดีกับลูกพี่นัก ไม่สิ ควรพูดว่า ทำไมลูกพี่ใจดีกับนางเช่นนี้ ลูกพี่ขโมยรถม้าของอู๋ต้าจินเพราะนาง
คงไม่ใช่ว่า…นางเป็นคนรักของลูกพี่กระมัง
ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นสามีของนาง นางน่าจะไม่มีสามี ไม่เช่นนั้นมาทำนา เหตุใดจึงไม่เห็นสามีของนางเล่า
ทุกคนมองหน้ากัน แววตาดั่งล่วงรู้บางสิ่งแต่มิแพร่งพราย จากนั้นก็ยิ่งทำงานอย่างขยันขันแข็ง
จู่ๆ เฉินต้าเตาก็รู้สึกว่าสายตาที่ทุกคนมองมานั้นมีบางสิ่งผิดปกติ!
หลายคนร่วมแรง งานย่อมเป็นไปด้วยดี ไม่ถึงครึ่งวันที่ดินสิบหมู่ก็ถูกไถพรวนไปเกินครึ่ง หากเป็นเช่นนี้ยามบ่ายก็คงเสร็จ
ชาวบ้านต่างริษยา ความอิจฉาแทบจะทะลักออกมาจากอก
นี่มันไม่เห็นเหมือนกับที่คิดไว้! ไม่มีผู้ใดมาหาเรื่องเสี่ยวเฉียว! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้อื่นยังมาไถดินให้เสี่ยวเฉียวด้วย! ดูเรือนร่างกำยำของผู้อื่นสิ แต่ละคนแข็งแรงบึกบึนดั่งโคถึก หากมาช่วยพวกเขาบ้างก็คงดี ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทำนาไม่ไหว!
แต่ผู้อื่นจะมาช่วยได้เช่นไรเล่า หากพวกเขาไม่เคยล่วงเกินเสี่ยวเฉียวก็คงพอเป็นไปได้ แต่ช่วงหลายวันที่ผ่านพวกเขาหลบหน้าหลบตาเสี่ยวเฉียวราวกับกลัวโรคระบาด พวกเขาจะหน้าด้านกล้าเอ่ยปากได้เช่นไร
ทุกคนค่อยๆ ออกจากบ้านมาดูที่ดินร้างฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน น้ำลายไหลด้วยความอิจฉา
แม่ของเอ้อร์โก่วจื่อถอนหายใจ “ข้าควรฟังเอ้อร์โก่วจื่อ เอ้อร์โก่วจื่อบอกข้าเสมอว่าเสี่ยวเฉียวเป็นคนดี มีความสามารถ…”
สวีต้าจ้วงยืดอกพูดว่า “ข้าบอกเจ้าแล้ว! นางล่าเสือด้วยตัวนางเองจริงๆ! นางเก่งกาจมากนัก!”
แม่ของเอ้อร์โก่วจื่อกลอกตาใส่เขา “พูดเหมือนเจ้าไม่ได้หลบหน้าหลบตานางอย่างนั้นแหละ”
สวีต้าจ้วงเงียบ…
น้าหลิวแทะเมล็ดแตงโม เอ่ยออกมาอย่างเหยียดหยาม “อิจฉาอะไรกัน พวกเจ้าอิจฉาไปแล้วได้อันใด พวกเจ้ามีใบหน้าเช่นนาง มีเรือนร่างอ้อนแอ้นเช่นนางหรือไม่เล่า บุรุษมากมายปานนั้น นางก็อุตส่าห์กินไหวนะ!”
แม่ของเอ้อร์โก่วจื่อขมวดคิ้วมองนาง “นี่คนแซ่หลิว ปากของเจ้าเอ่ยวาจาดีๆ ออกมาเป็นบ้างหรือไม่ เสี่ยวเฉียวเป็นคนเช่นนั้นหรือ ตอนนั้นเจ้าก็ใส่ความนางกับสวีต้าจ้วง เจ้าใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ทำถูกต้องแล้วหรืออย่างไร”
“ใช่!” สวีต้าจ้วงกล่าว
น้าหลิวสะอึก แทบจะหาคำใดมาโต้แย้งมิได้
แม่ของเอ้อร์โก่วจื่อหัวเราะเยาะ “เพราะนางได้ที่ดินของเจ้าไปใช่หรือไม่ หากมีความสามารถ เจ้าก็อย่าไปขโมยสุนัขของผู้อื่นตั้งแต่แรกสิ!”
น้าหลิวโกรธมาก “เจ้าอยากเจ็บตัวใช่หรือไม่”
แม่ของเอ้อร์โก่วจื่อกลัวนางอยู่เล็กน้อย จึงฮึดฮัดเดินกลับเข้าบ้าน
คนในหมู่บ้านต่างรู้สึกว่าน้าหลิวช่างหน้าไม่อาย นาง ‘ลักพาตัว’ สุนัขของผู้อื่นและทำเหมือนทุกคนเป็นคนโง่ หัวหน้าหมู่บ้านยึดที่ดินของนางมาให้เสี่ยวเฉียวก็นับว่าสมควรแล้ว
เมื่อเห็นว่าทุกคนเมินตนเอง นางจึงเท้าสะเอว ตวาดเช่นหญิงปากร้าย “เก่งมากนักหรือ แค่ที่ดินร้าง ปลูกอันใดไม่ขึ้นมาหลายชั่วอายุคน! ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางจะปลูกดอกไม้สักดอกออกมาได้!”
แม้ทุกคนจะเกลียดน้าหลิว แต่พวกเขาก็เห็นด้วยกับคำพูดของนาง แม้กระทั่งซิ่วไฉเฒ่ายังจนปัญญากับที่ดินร้างผืนนั้น เสี่ยวเฉียวจะสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงหรือ
ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนก็ไถพรวนดินจนเสร็จ
เมื่อเทียบกับท่าทางกังวลของชาวบ้าน บุรุษทั้งหลายที่กำลังลงแรงดูนิ่งเฉยกว่ามาก ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่นาของพวกเขา ปลูกขึ้นหรือไม่ขึ้น เกี่ยวอันใดกับพวกเขาเล่า
ส่วนป้าหลัวเคยแอบถามเฉียวเวยมาแล้ว แต่เฉียวเวยมิได้บอกทั้งหมด เพียงบอกว่าให้รอถึงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงก็จะรู้คำตอบเอง
ในขณะที่ทุกคนกำลังง่วนทำงานอยู่ในทุ่งนา เฉียวเวยก็ย่างแกะทั้งตัว กระต่ายป่าสองตัว ไก่สองตัวและตุ๋นน้ำแกงหางวัวใส่ถั่วเหลืองหม้อใหญ่บนพื้นที่โล่งด้านข้าง
ตอนเที่ยงรีบทำงานจึงได้กินแต่หมั่นโถวพอให้อิ่มท้อง ตอนนี้เสร็จงานแล้ว เฉียวเวยย่อมมิอาจปล่อยพวกเขากลับไปทั้งๆ ที่ท้องหิว
นางซื้อแกะ หางวัว ถั่วเหลืองกับไก่มาจากตลาดตั้งแต่เมื่อวานหลังจากซื้อเครื่องมือทำนา ส่วนกระต่ายป่า นางเป็นคนล่ามาเอง เมื่อคืนวานนางขึ้นเขาย้ายกรงไปวางที่ใหม่ แล้วก็มีกระต่ายโง่หลงเข้ามาตัวหนึ่งจริงๆ
เดิมทีนางคิดว่าจะทำอาหารที่บ้าน แต่นางอาศัยอยู่บนภูเขา ที่นั่นไกลเกินไป ส่วนบ้านของป้าหลัวอยู่ใกล้ แต่ไม่สะดวกให้ชายฉกรรจ์โขยงหนึ่งเดินเข้าเดินออก เพราะมีทารกแรกเกิดและชุ่ยอวิ๋นที่กำลังอยู่ไฟ
เมื่อไตร่ตรองถึงตอนสุดท้าย จึงได้แต่เลือกทำอาหารกลางแจ้ง
การทำอาหารกลางแจ้ง สิ่งที่สะดวกที่สุดย่อมไม่พ้นการย่าง
อาหารหลักคือหมั่นโถวที่นึ่งมาจากบ้านของป้าหลัว มีมากถึงหนึ่งร้อยลูก กินได้ไม่อั้น!
เฉียวเวยตักน้ำแกงหางวัวใส่ถั่วเหลืองออกมาก่อนชามหนึ่ง ให้หลัวหย่งจื้อยกกลับไปให้ชุ่ยอวิ๋น
“โอ๊ะ! สิ่งใดหอมน่ากินเช่นนี้ มีของข้าหรือไม่”
ซิ่วไฉเฒ่าจูงจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูเดินมาพร้อมรอยยิ้ม เขาไม่มีทางยอมรับว่าเขาจงใจมาส่งเด็กๆ เพราะได้กลิ่นหอม จึงตั้งใจมาขอทานอาหารด้วย
เด็กทั้งสองคนโถมเข้าไปในอ้อมแขนของเฉียวเวยอย่างรวดเร็ว วั่งซูตื่นเต้นมาก กลิ่นหอมมาก ผู้คนก็มากมาย! ทุ่งนาของพวกเขาครึกครื้นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด
เฉียวเวยทักทายซิ่วไฉเฒ่าแล้วชวนให้นั่ง จากนั้นส่งชามน้ำแกงให้เขา เพียงได้กลิ่น เขาก็น้ำลายสอ หลังจากกินไปคำหนึ่ง รสชาตินี่มันช่าง…ทำให้เขารู้สึกว่าอาหารที่กินมากว่าครึ่งชีวิตนั้นกินมาเสียเปล่าจริงๆ!
น้ำแกงหางวัวตุ๋นถั่วเหลืองผ่านการเคี่ยวมาตลอดทั้งบ่าย รสชาติของทั้งสองจึงเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ หางวัวนุ่มละลายในปาก น้ำแกงรสชาติเข้มข้นทั้งยังหอมฉุย แต่ไม่เลี่ยนสักนิด
พี่น้องพรรคชิงหลงต่างทำหน้าเคลิบเคลิ้ม
“อร่อยหรือไม่” เฉียวเวยถามเจ้าซาลาเปาน้อยที่นั่งอยู่บนคันนา
ทั้งสองพยักหน้าหงึกหงัก!
วั่งซูตอบเจื้อยแจ้ว “อาหารที่ข้าชอบที่สุดตอนนี้ไม่ใช่แกงวุ้นเส้นเนื้อแพะแล้ว แต่เป็นแกงหางวัวตุ๋นถั่วเหลือง!”
เฉียวเวยยิ้มอย่างรู้ทัน “หากชอบ แม่จะทำให้พวกเจ้ากินอีก”
สองคนตอบพร้อมกัน “เจ้าค่ะ/ขอรับ!”
ไม่นานลูกแกะย่างทั้งตัวก็ทำเสร็จ
เฉียวเวยตัดแบ่งให้ทุกคนคนละเล็กคนละน้อย ฝีมือการใช้มีดของนางยอดเยี่ยมนัก น้ำหนักการเฉือนแต่ละครั้งแทบจะเท่ากันทั้งหมด
หากเป็นการเฉือนเนื้อคนแล้วเล่าก็…
ทุกคนขนลุกชันพร้อมกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ!
เนื้อแกะย่างอร่อยมาก ความมันพอดี ปรุงรสไม่มาก ไขมันของเนื้อแกะย่างส่งเสียงดังซู่ซ่า แต่ยังเก็บรสชาติความอร่อยของเนื้อแกะไว้ได้ ที่สำคัญคือ เนื้อนุ่ม! ผิวกรุบกรอบ กัดเข้าไปคำหนึ่งน้ำชุ่มฉ่ำก็แตกกระจายทั่วปาก รสชาติเอร็ดอร่อยจนอยากจะกลืนลิ้นเข้าไปด้วย!
“ฝีมือพี่สะใภ้ช่างดีเหลือเกิน!” หู่จื่อเกือบจะร้องไห้ ตั้งแต่โตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยกินเนื้อที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน!
เฉินต้าเตาตบเข้าที่ด้านหลังศีรษะ “เจ้าพูดอะไร ต้องเรียกว่าฮูหยิน!”
“อ้อ” หู่จื่อถลึงตาใส่พี่น้องที่คาดเดาส่งเดชเหล่านั้นอย่างขุ่นเคือง ทุกคนแสร้งทำเป็นไม่เห็นแล้วหันหน้าหนี ในใจแอบรู้สึกโชคดี
หนึ่งฝ่ามือเมื่อครู่ของเฉินต้าเตา ทำให้น้ำมันบนมือเปื้อนศีรษะของหู่จื่อ ขณะเดียวกันคราบเหงื่อไคลเต็มศีรษะของหู่จื่อก็เปื้อนมือเขาด้วย เฉินต้าเตาเช็ดมือกับเสื้อผ้าของหู่จื่ออย่างรังเกียจ แต่เช็ดเสร็จกลับพบว่าสกปรกกว่าเดิม
มีแต่โคลน!
ทว่าโคลน…มิอาจหยุดยั้งความกระหายอาหารโอชะของหัวหน้าพรรค!
ลูกแกะย่างทั้งตัวถูกกินจนเกลี้ยงแทบจะในเวลาเดียวกับกระต่ายป่าและไก่ป่า หมาป่าหิวโซฝูงนี้ กินจนถึงตอนสุดท้ายก็แย่งกันแม้กระทั่งกระดูก!
จิ่งอวิ๋นและวั่งซูกินช้า ในจานยังมีอาหารหลืออยู่บ้าง ทุกคนจับจ้องจานของพวกเขาตาวาว
เพียงพอนหิมะกระโดดออกมาขวางอย่างดุร้าย!
เนื้อของนายน้อย! อย่ามาแย่งนะ!
ความจริงแล้วทุกคนอิ่มมาก แต่เนื้อย่างอร่อยมากจนพวกเขาอยากกินจนกว่าท้องจะแตก
เฉียวเวยยกอาหารจำพวกยำออกมา มีทั้งหมดสามอย่าง ยำผักกาด ยำถั่วลิสง ยำมันฝรั่งหั่นฝอย และ…
“นี่อะไร” เฉินต้าเตาถาม พลางชี้ชามที่มีของสีขาวกับสีเขียวอยู่ด้านใน
“ยำไข่เยี่ยวม้ากับเต้าหู้”
“ไข่อะไรนะ”
เฉียวเวยยิ้มอย่างนุ่มนวล “ไข่เยี่ยวม้าหรือเรียกอีกอย่างว่าไข่สำเภา ข้าหมักเอง ลองชิมสิ”
“มันดูน่าขยะแขยง” เฉินต้าเตาหยิบช้อนขึ้นมาลองกินดูคำหนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย!
หู่จื่อเขยิบเข้ามาถาม “พี่ใหญ่ อร่อยหรือไม่”
“อะ…” ดวงตาของเฉินต้าเตาทอประกายวูบหนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน “ไม่อร่อย! มองดูก็น่าขยะแขยง เจ้าคิดว่ามันจะอร่อยได้ถึงไหน”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” หู่จื่อเบะปาก บ่งบอกว่าตนจะไม่กิน
เฉินต้าเตาเบิกบานใจยิ่งนัก ในที่สุดเขาก็จะได้กินแต่เพียงผู้เดียว!