บทที่ 94 พระชายาชี้แนะด้วยตัวเอง

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 94 พระชายาชี้แนะด้วยตัวเอง
เฟิ่งชิงหัวจ้องมองไปที่เขา และเริ่มเขียนต่อไปด้วยอารมณ์โกรธ ปลายพู่กันออกแรงยิ่งขึ้น โกรธเกลียดจนอยากจะเอากระดาษแผ่นนี้ให้เป็นหน้าของจ้านเป่ยเซียวแล้วก็ขูดขีดอยู่ใต้มือของตนเอง

“เขียนหนังสือต้องใจสงบ ทำไมเหมือนรู้สึกว่าเจ้ายิ่งเขียนก็ยิ่งดูอารมณ์ขุ่นเคืองมากขึ้น หรือว่ากฎเกณฑ์ของตระกูลที่ข้าร่างขึ้นมานั้นมันเกิดผลที่แปลกประหลาดเช่นนี้เลยหรือ?” จ้านเป่ยเซียวนั่งอยู่ด้านในห้องโถง หนังสือในมือพลิกไปหนึ่งหน้า มาพร้อมกับเสียงที่ใสแจ๋ว แม้แต่คำพูดก็แฝงไว้ด้วยสัมผัสที่ผ่อนคลาย

เฟิ่งชิงหัวมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เคร่งขรึม: “แล้วมันไม่ใช่หรือ กฎตระกูล 4 ข้อ 4 หมื่นจบ แค่คิดถึงจำนวนตัวเลขก็มีผลลัพธ์แปลกประหลาดที่ทำให้สมองปลอดโปร่งเลย”

จ้านเป่ยเซียวหัวเราะเยาะออกมา: “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เหรอว่าเจ้าจงใจยั่วให้เหออานฉีกกฎตระกูล? ข้าแค่เพียงเพิ่มโทษอีกขั้นหนึ่ง ไม่ได้รับสั่งให้เจ้าต้องต้องโทษเพราะพัวพัน ให้เจ้าไปงมกฎตระกูลในน้ำด้วยกันกับเหออานก็เมตตามากพอแล้ว เจ้ายังมากล่าวโทษข้าอีกงั้นหรือ?”

เฟิ่งชิงหัวกลอกตามองบนอย่างไม่สุนทรีย์นัก ขี้เกียจจะพูดกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเต็มทน หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้นางก็จะหามาชดใช้กลับคืนมาให้ได้

เฟิ่งชิงหัวเริ่มคัดออกมาด้วยตนเองติดต่อกันหลายจบ ต่อเนื่องเรื่อยๆ จิตใจก็สงบลงมาจริงๆ ในห้องก็เงียบสงบไปหมด

ตอนที่หลิวหยิ่งเข้ามาก็เห็นนายท่านของตนเองกำลังจับตำราเล่มหนึ่งอยู่และสายตาก็มองไปยังพระชายาที่อยู่ข้างโต๊ะหนังสือพอดี ท่าทางที่มีสมาธิเช่นนั้น ราวกับว่ากำลังศึกษากลยุทธ์รูปแบบใหม่อะไรขึ้นมาอีก ดูค่อนข้างตั้งใจเป็นพิเศษ

“นายท่าน” หลิวหยิ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่งก็ไม่เห็นว่านายท่านของตนจะเห็นตนอยู่ในสายตาเลย ได้เพียงต้องเพิ่มการดำรงอยู่ของตนเข้าไปหน่อย

จ้านเป่ยเซียวถูกคนขัดจังหวะขึ้น จึงขมวดคิ้วและมองมายังหลิวหยิ่ง สายตาเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง มองจนหลิวหยิ่งแผ่นหลังสะท้อนเย็นเยือกไปหมด ไม่กล้าจะถ่วงเวลาอีก จากนั้นกล่าวออกมาทันทีว่า: “นายท่าน คนของในวังมา ฝ่าบาทได้ทราบข่าวว่าองค์หญิงเหออานกระทำความผิดอยู่ที่นี่ รับสั่งว่าจะมารับตัวนางกลับไปลงโทษทัณฑ์ ข้าน้อยไม่กล้าตัดสินใจ ขอให้นายท่านโปรดรับสั่งด้วย”

“คำพูดที่ข้าเคยพูดไปก่อนหน้านี้เจ้าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปแล้วหรือไง?” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา

หลิวหยิ่งก็นึกขึ้นมาได้โดยฉับพลัน ดูจากรูปการณ์แล้ว นายท่านไม่ได้คิดจะไว้หน้าฝ่าบาทเลย มีความคิดที่แน่วแน่ที่จะลงโทษองค์หญิงเหออานให้จงได้

“งั้นในวังทางนั้น ควรจะตอบกลับอย่างไรดี?” หลิวหยิ่งกล่าวถามออกมาด้วยความระมัดระวัง

เฟิ่งชิงหัวที่ถูกรบกวนความสงบมาตั้งนานแล้วได้ยินดังนั้นก็รีบกล่าวออกมาทันทีว่า: “เป็นฝ่าบาทส่งคนมางั้นเหรอ จวนอ๋องของพวกเราแม้แต่นายท่านยังไม่ออกหน้า แค่ส่งองครักษ์ไปส่งต่อคำพูดมันจะดูไม่ดีเอาหรือเปล่า?”

หลิวหยิ่งรีบพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง: “พระชายาพูดก็ถูก”

เฟิ่งชิงหัวโบนพู่กันทิ้งไป: “ท่านอ๋องไม่ว่าง งั้นข้าไปเอง”

จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้วและมองมาที่นาง เฟิ่งชิงหัวทำราวกับว่าเขาเป็นอากาศไปเลย จู่ๆ ก็ล่องลอยเป็นควันแล้วก็วิ่งหายไปเลย

หลิวหยิ่งยืนอยู่ด้านนอกประตู มองมาที่นายท่านอย่างค่อนข้างกระวนกระวายเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง ได้ยินจ้านเป่ยเซียวเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า: “อย่าให้พวกคนมีตาแต่หาไร้แววไม่มารังแกนางได้”

“ขอรับ”

ในขณะที่หลิวหยิ่งพูดอยู่นั้นก็ขับเคลื่อนวิชาตัวเบาไปทางด้านโถงกลางทันที ในหัวสมองกลับเรียบเรียงสถานการณ์ของคนที่มาอยู่

คนผู้นี้เป็นแม่นมที่อยู่ข้างกายของฮองเฮา บอกว่าฝ่าบาทส่งมา ก็เป็นเพียงคำพูดถ่วงเวลาก็เท่านั้นเอง แต่อันที่จริงแล้วกลับเป็นฮองเฮาเองที่ได้ทราบข่าวว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเองโดนรังแก ดังนั้นก็เลยรีบมาเพื่อปกป้องเท่านั้นเอง

ตอนที่หลิวหยิ่งไล่ตามมาถึงนั้น พอดีกับที่ได้เห็นร่างของแม่นมในวังท่านนั้นพุ่งกระเด็นออกมาจากในโถง วาดส่วนโค้งกลางอากาศไปรอบหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ร่วงหล่นลงพื้นอย่างรุนแรง ล้มลงไปขดเป็นก้อนทั้งร่างเลย

หลิวหยิ่งอ้าปากค้างด้วยความตกใจ และยังดึงสติกลับมาไม่ได้ด้วย

เฟิ่งชิงหัวเดินออกมาจากด้านใน บนร่างเปี่ยมไปด้วยความดุดันทั้งร่าง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาว่า: “เจ้าไม่ใช่บอกว่าไม่ทราบกฎระเบียบในจวนอ๋องไม่ใช่หรือ บัดนี้ข้าจะชี้แนะให้เจ้าเอง ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง?”

“เจ้า เจ้ากล้าแตะต้องข้า ข้าเป็นถึงคนขององค์ฮองเฮาเชียวนะ”

“คนของฮองเฮาแล้วจะทำไมหรือ บ่าวชั้นต่ำข้างกายฮองเฮาก็กล้ามาจัดการดูแลเรื่องของบ้านท่านอ๋องอย่างใจกล้างั้นหรือ? โชคยังดีที่เจ้าเป็นบ่าวชั้นต่ำข้างกายฮองเฮา หากเป็นคนของจวนอ๋องละก็ บ่าวเจ้าเล่ห์ไม่มีสมองอีกทั้งความจำยังไม่ดีเช่นเจ้าแบบนี้ ก็คงจะเอาไปทำเป็นปุ๋ยคอกไปนานแล้ว”