บทที่ 72 ระดับสุญตาขั้นหก ต้นฝูซัง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 72 ระดับสุญตาขั้นหก ต้นฝูซัง
การที่หานเจวี๋ยสร้างพลังวิเศษหมื่นบรรพกาลขึ้นมานั้น นำพาให้สถานการณ์ทั่วทั้งใต้หล้าเกิดการเปลี่ยนแปลง

ฟ้าดินกว้างใหญ่ ต้าเยี่ยนเป็นเพียงสถานที่เล็กๆ นอกจากนักพรตแซ่หวงไม่กี่คนแล้ว ไม่มีใครคิดว่าผู้มีความสามารถสร้างมรรคากระบี่หมื่นบรรพกาลออกมาได้นั้นจะซ่อนตัวอยู่ในต้าเยี่ยน

สิบสามปีต่อมา

เหตุการณ์นี้ก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงอีก

ตบะของหานเจวี๋ยเองก็ทะลวงถึงระดับสุญตาขั้นหกได้สำเร็จ

ต้องขอบคุณสวินฉางอัน เพราะการเข้ามาของเขาทำให้พลังวิญญาณของถ้ำเทวาเพิ่มระดับขึ้น การฝึกฝนของหานเจวี๋ยสำเร็จจึงรวดเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน

อย่างไรเสียเจ้าหมอนี่ก็เป็นโสมวิญญาณบรรพกาล เทียบได้กับของล้ำค่าฟ้าดินในคราบมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นของล้ำค่าฟ้าดินระดับแดนเซียน

[ท่านอายุครบสามร้อยปีเต็ม ผ่านสารทวสันตฤดูในเส้นทางอีกร้อยปี ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที เผยพลานุภาพที่แข็งแกร่งให้ผู้คนในใต้หล้ารับรู้ จะได้รับไข่สัตว์เทพโชคชะตาหนึ่งใบ]

[สอง ถ่อมตนฝึกฝน เก็บซ่อนความสำเร็จและชื่อเสียง จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ

[ท่านเลือกเก็บตัวฝึกฝนเ ได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณระดับสาม–สร้อยเซียนคุ้มจิต]

[สร้อยเซียนคุ้มจิต: สมบัติวิญญาณการป้องกันระดับสาม สามารถดูดซับพลังงานวิญญาณฟ้าดินด้วยตนเอง จนถึงสภาวะที่สมบูรณ์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการฝึกฝนของเจ้าของ ขณะต่อสู้จะปกป้องเจ้าของด้วยตนเอง]

สมบัติวิญญาณการป้องกันอีกแล้ว อีกทั้งตำแหน่งไม่ซ้ำกันอีกด้วย!

ระบบช่างเข้าใจข้าจริงๆ!

หานเจวี๋ยคิดอย่างยินดี เขานำสร้อยเซียนคุ้มจิตออกมา นี่เป็นสร้อยผลึกหินเส้นหนึ่ง ประณีตงดงามเป็นอย่างมาก

ใช้เวลาไม่นาน สร้อยเซียนคุ้มจิตก็ยอมรับเจ้าของสำเร็จ หานเจวี๋ยนำมันมาสวมไว้ที่คอของตน

สวินฉางอันแอบรู้สึกอิจฉาอย่างเงียบๆ

ของวิเศษของอาจารย์ก็ช่างเยอะจริงๆ!

หรือจะเป็นวิชาสืบทอดจากอาจารย์?

หลังจากที่อาจารย์ทะลวงตบะได้ระดับหนึ่งแล้ว จึงสามารถนำมันออกมาสวมใส่ได้หรือ

หานเจวี๋ยกำลังอยู่ในอารมณ์ยินดีปรีดา จึงไม่ได้สนใจสายตาของสวินฉางอัน เขาเรียกดูค่าความสัมพันธ์พร้อมตรวจสอบจดหมาย

ไม่รู้ว่าเวลาหลายปีนี้ใครจะถูกทุบตีอย่างน่าอนาถที่สุดกัน

[หยางตงเทียนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x3911

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x672

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x3028

[โจวฝานสหายของท่านฆ่าสังหารนับไม่ถ้วน แรงกรรมมหันต์]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x105

[สุนัขสวรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x4003

[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกราชนิกุลราชวงศ์ต้าจิ้นจับเป็นเชลย]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแผ่กระจายความโชคร้าย ราชวงศ์ต้าจิ้นประสบภัยพิบัติที่พบเจอได้ยากในรอบพันปีจากแมลง อุทกภัย โรคระบาด ธรรมชาติใกล้ถึงคราววิกฤต]

……

ใช้ได้นี่!

ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละ ในที่สุดศิษย์และสัตว์เลี้ยงเทพของหานเจวี๋ยก็ขึ้นเป็นสามอันดับแรกของผู้ที่ถูกโจมตีมากที่สุด อีกทั้งยังโดนทุกอย่าง!

ส่วนซูฉีนั้นก็ช่างเถอะ ดาวตัวซวยนี่นะ

หยางเทียนตงและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็น่ากังวลจริงๆ

ส่วนเจ้าโจวฝานนี่ก็กลายเป็นมารจริงๆ แล้วสินะ!

หานเจวี๋ยรู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่าง

โม่ฟู่โฉวอาจถูกบีบบังคับจนไม่มีทางเลือก แต่โจวฝานนั้นเป็นมารโดยเนื้อแท้

เรื่องที่เจ้าหมอนี่ก่อไว้ในสำนักสายในคราวก่อนก็ทำให้คนรุมประณามกันไปทั่ว

หานเจวี๋ยส่ายหน้าไปมา ไม่เก็บมาคิดให้มากความอีก

เขาลุกขึ้นพลางเอ่ย “ศิษย์ข้า ตามอาจารย์ออกไปข้างนอก อาจารย์จะถ่ายทอดวิชาเวทให้เจ้ากับไก่คุกรัตติกาล”

ได้ยินเช่นนั้น สวินฉางอันก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาในทันที รีบร้อนลุกขึ้นตามไป

……

ในพื้นที่เวิ้งว้างว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด ตั๊กแตนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนกลาดเกลื่อนเต็มพื้นที่ราวกับพายุฝุ่น

เงาร่างสายหนึ่งเคลื่อนไปข้างหน้าท่ามกลางพายุตั๊กแตน เขาก้าวเดินอย่างไม่เร่งร้อน ราวกับกำลังทอดเดินอยู่ในโถงพระโรง ตั๊กแตนตามรายทางไม่กล้าย่างกรายเข้าใกล้เขาแม้แต่น้อย

เขาก็คือซูฉี!

ใบหน้าของซูฉีเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ ลอบกล่าวว่า “ความสามารถของอาจารย์แข็งแกร่งจริงๆ สามารถทำให้ตั๊กแตนที่ทำลายล้างราชวงศ์หนึ่งไม่กล้าเข้าใกล้ข้าได้”

หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาได้พบเจอความทุกข์ทรมารมากมายอีกครั้ง หากแต่เขามักจะผ่านมันมาได้อย่างปลอดภัยเสมอ

เขาเคยลองเรียกหาหานเจวี๋ย แต่ลับไม่เคยได้รับการตอบรับเลยสักครั้ง

หลังจากนั้นเขาถึงได้เข้าใจ

นี่เป็นการทดสอบจากท่านอาจารย์

ให้เขาได้ลิ้มรสของความโดดเดี่ยวในการอยู่คนเดียว

อย่างไรเสียอาจารย์ก็มักปิดด่านกักตนอยู่อย่างสันโดษตลอดทั้งปี ไม่กล่าววาจาแม้สักคำ

มีเพียงมรรคจิตที่สามารถอดทนต่อความโดดเดี่ยว ถึงจะก้าวสู่หนทางแห่งความเป็นเซียน!

หลังจากนั้น ซูฉีก็ไม่ได้เรียกหาหานเจวี๋ยอีก เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายคง

ไม่นานมานี้เขาถูกราชวงศ์ต้าจิ้นจับตัวไป นอกจากเขาจะไม่ตื่นตระหนกแล้ว กลับยังมีความสุขเมื่ออยู่ในความทุกข์เสีย เขาต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกับราชนิกุล ผลสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เขาคาดเดาไว้ แต่หากถึงคราวที่เขาเอาชนะศัตรูหรือเข้าตาจนหมดซึ่งหนทางหลบหนีแล้วจริงๆ อาจารย์ก็คงลงมือช่วยเหลือ

ซูฉีครุ่นคิดพลางก้าวเดินไปข้างหน้า

เร่งเดินทางประหนึ่งเวลาหลายสิบปีเหมือนหนึ่งวัน ทำให้เขามีสภาพดูมอมแมม ใบหน้าแสดงความเหนื่อยล้า ทว่าดวงตากลับเปี่ยมไปด้วยแสงเจิดจ้าเป็นประกาย

ผ่านไปไม่นานเท่าไร

ซูฉีมองเห็นต้นไม้เก่าแก่ลำต้นคดเคี้ยวสูงสิบจั้งอยู่เบื้องหน้า ใต้ต้นไม้ยังมีเงาร่างของใครบางคน

ซูฉีพลันพุ่งตรงเข้าหา

พายุตั๊กแตนหยุดการเคลื่อนไหว เริ่มถอยร่น ไม่บินว่อนไล่ตามซูฉีอีก

ซูฉีไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ เขารีบเดินเข้าไปยังต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้น

ชายชราเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าดูราวกับเปลือกไม้ที่อยู่ด้านหลัของเขาก็มิปาน

ซูฉียกมือคาระวะพลางเอ่ย “ผู้อาวุโส เบื้องหน้าใช่เขตอุดรหรือไม่”

ชายชรายังคงหลับตา เอ่ยขึ้นว่า “อืม เขตอุดร”

ได้ยินเช่นนั้น ซูฉีก็พลันมีความรู้สึกดีใจจนอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที

หลายสิบปี!

เป็นเวลาเกือบหนึ่งร้อยปีแล้ว!

ในที่สุดเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมาย!

เขตอุดร!

เขาเคยวาดฝันนับครั้งไม่ถ้วน ฝันว่าตนเองนั้นได้มาถึงเขตอุดรแล้ว

ในที่สุดน้ำตาอุ่นร้อนสองสายก็ไหลออกจากดวงตาอย่างอดไม่ได้

เขารีบหมุนกายนั่งลงคุกเข่า คำนับท้องนภากว้างที่อยู่ด้านหลัง

สายตาของเขาราวกำลังเอื้อนเอ่ยว่า ‘อาจารย์ ท่านเห็นหรือไม่’

‘ศิษย์ไม่ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว!’

ชายชราลืมดวงตาขึ้นมองเขา เอ่ยถามด้วยสายตาแปลกประหลาด “มาถึงเขตอุดรต้องดีใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ เจ้าก็รู้หรือว่าเขตอุดรเป็นสถานที่เช่นไร”

ซูฉีลุกขึ้นพลางมองไปทางชายชรา เช็ดน้ำตาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “จริงอยู่ที่ข้าไม่รู้ แต่สำนักมารปีศาจก็อยู่ที่เขตอุดร ใช่หรือไม่”

ชายชราอดขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ เอ่ยถามขึ้น “เจ้ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับสำนักมารปีศาจ”

“ข้าอยากเข้าร่วมสำนักมารปีศาจ!”

ซูฉีเอ่ยอย่างมั่นใจและเด็ดเดี่ยว ท่าทางเหมือนกับยามที่เขาต้องการเข้าสำนักหยกพิสุทธิ์ในครั้งนั้นไม่มีผิด

ชายชราส่ายหน้ากล่าว “ธรณีประตูของสำนักมารปีศาจนั้นสูงนัก ถึงแม้ตบะของเจ้าจะอยู่ในระดับรวมแก่นปราณ แต่การที่จะเข้าไปได้ก็ไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น เขตอุดรเป็นสถานที่ที่มีพวกปีศาจพลุกพล่าน เจ้าหนู ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้เข้าไปในเขตอุดดรจะดีกว่า ที่นี่มันคือนรกบนดินดีๆ นี่เอง”

ซูฉีหัวเราะน้อยๆ

ข้าจะต้องกลัวอะไรกันล่ะ

ในเมื่อมีคนหนุนหลังข้าอยู่!

ไม่นาน ซูฉีประสานมือไปทางชายชรา เดินทางมุ่งหน้าไปยังเขตอุดรด้วยความมั่นใจอันเต็มเปี่ยม

ชายชราเผยใบหน้ายิ้มหยัน ไม่ได้เอ่ยห้ามแต่อย่างใด

……

ห้าปีต่อมา

ต้าเยี่ยนเผชิญกับพายุหิมะที่ยากจะได้พบ ทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน งดงามราวภาพวาด

หานเจวี๋ยเดินออกจากถ้ำเทวา ยืนอยู่บนขอบหน้าผาทอดสายตามองออกไป เบื้องหน้ากลับเต็มไปด้วยความขาวโพลน

มีชีวิตอยู่มาสามร้อยปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผืนหิมะกว้างใหญ่ขนาดนี้

เขาพลันนึกถึงดาวตัวซวยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

สัญญาณเช่นนี้…

หรือว่าดาวตัวซวยกลับมาแล้ว?

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังครุ่นคิด พลันก็มีอักขระปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าสามแถว

[ตรวจพบมารปีศาจหมื่นปีกำลังถือกำเนิด ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ประกาศตัวทันที สังหารมารปีศาจ ปกป้องอาณาประชาราษฎร์ จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังพิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง ฝึกฝนต่อไป หลบหลีกภัยอันตราย รักษาเอาตัวรอด จะได้สุ่มรับเมล็ดพันธุ์ของล้ำค่าฟ้าดิน]

มารปีศาจหมื่นปี?

ฟังดูแล้วร้ายกาจยิ่งนัก!

ข้าก็ไม่โง่ไปสังหารหรอก!

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างไม่ลังเล

เส้นทางการบำเพ็ญที่หานเจวี๋ยเลือกนั้นก็ไม่ใช่การปกป้องอาณาประชาราษฎร์ แต่เพราะอยากมีอายุยืนยาว

[ท่านเลือกฝึกฝนต่อไป หลบหลีกภัยอันตราย ได้สุ่มรับเมล็ดพันธุ์ของล้ำค่าฟ้าดิน]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับเมล็ดพันธุ์ต้นฝูซัง]

[ต้นฝูซัง: ต้นไม้เทพโลกาสวรรค์ สามารถเพิ่มพลังวิญญาณฟ้าดิน หลังจากหมื่นปีสามารถดึงดูดอีกาทอง และหลังผ่านไปหนึ่งล้านปีสามารถเชื่อมโยงกับฟ้าดินอื่นๆ ได้]

………………………………………………………………………