ตอนที่ 95 น้องชายคนนี้เกลี้ยกล่อมยากสุดๆ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 95 น้องชายคนนี้เกลี้ยกล่อมยากสุดๆ

“เอาล่ะๆ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้อย่าลืมเอาน้ำชามาให้ฉันด้วย” ชาที่ถังถังนำติดมือมาด้วยจากที่พักของเธอในหมู่บ้านนี้รสชาติวิเศษมาก!

ไม่รู้ว่าเป็นชาอะไร ทั้งหอมทั้งหวาน ไม่รู้ว่าเจ้าของพอจะตัดใจขายให้เขาบางส่วนได้หรือเปล่า

ผู้กำกับหนิงตัดสินใจแล้วว่าจะแวะไปทักทายที่บ้านนั้นหลังถ่ายทำเสร็จ

“โอเค งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“กลับเถอะๆ” ผู้กำกับหนิงโบกมือไล่ให้เธอไป

ถังถังไปเปลี่ยนชุดและลากผู้ช่วยกับบอดี้การ์ดของเธอออกจากกองถ่าย

ขากลับ ยังแวะทักทายชาวบ้านที่พบเจอระหว่างทาง

เธออยู่ที่นี่มายี่สิบกว่าวันแล้ว จึงไม่มีชาวบ้านคนไหนไม่รู้จักเธอ

ทั้งหน้าตาดี สุภาพ และเป็นกันเอง ถามหน่อยใครบ้างจะไม่ชอบเธอ!

ยกเว้นประธานเย่ว์ตาคนหัวแข็งนั่น!

“ฟางฟางเธอกับต้าหลิวกลับไปก่อนนะ ฉันอยากไปเดินเล่นรอบๆ อีกสักหน่อย” ดูว่าจะบังเอิญเจอประธานเย่ว์ไหม

ยากแค่ไหนเธอก็ต้องพิชิตใจเขาให้ได้! เธอไม่ยอมตัดใจง่ายๆ หรอก!

“ตกลง โทรหาเรานะถ้าเธอต้องการอะไร” ผู้ช่วยฟางฟางเอ่ยกำชับ

หมู่บ้านนี้ปลอดภัยมาก ไม่มีแฟนคลับบ้าๆ เลยไม่จำเป็นต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา

“อื้ม” ถังถังโบกมือของเธอ แยกทางกับผู้ช่วยและบอดี้การ์ด เท้าเล็กๆ เดินไปข้างหน้าพลางฮัมเพลงเบาๆ

เมื่อเธอเห็นเงาคนคนหนึ่งเดินมาทางนี้ ดวงตาคู่งามก็สว่างวาบ จากก้าวเดินธรรมดาเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาเป้าหมาย เสียงหวานตะโกนดังลั่น “คุณป้าคะ!”

หญิงผมขาวหันกลับมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวถังถัง หนูทำงานเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ”

“ใช่ค่ะ ฉากของหนูที่ต้องถ่ายทำในวันนี้เสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว”

“ป้าคะ ไม่ใช่ว่าประธานเย่ว์ควรพาคุณออกมาเดินเล่นหรอกเหรอ”

“อากวงติดธุระน่ะจ้ะ”

“ก็จริง ประธานเย่ว์งานรัดตัวซะขนาดนั้น” ถังถังจับแขนของเป่ยซีและยิ้มหวาน

“เสี่ยวถังถังสนิทกับลูกชายของป้าเหรอจ๊ะ”

“ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ บังเอิญว่าเรามีเพื่อนร่วมกัน” เธออยากสนิทกับเขามาก แต่เขาดันไม่ให้โอกาสเธอเลยนี่สิ!

น้องชายคนนี้เกลี้ยกล่อมยากสุดๆ !

“คุณป้าคะ หนูมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าป้าเหมือนเพื่อนของหนูอยู่นิดหน่อย”

“จริงเหรอจ๊ะ ในโลกนี้มีคนมากมายที่มีรูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอ และบุคลิกคล้ายกัน”

“อื้มๆ ใช่ค่ะ แม้แต่ประธานเย่ว์ก็ยังค่อนข้างคล้ายกับเพื่อนของหนู ดวงตาของพวกคุณทั้งสามคน…เหมือนกันทุกประการ!”

ถังถังไม่รู้ว่ามู่เถาเยากับเป่ยซีมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน

“อื้ม” เป่ยซียิ้ม

อากวงบอกเธอว่า เสี่ยวถังถังมาจากตระกูลถัง ตระกูลของผู้ใช้พิษและมีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์แม่เล็กของลูกสาว แถมยังเป็นเพื่อนของลูกสาวเธอด้วย ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะใกล้ชิดกับอีกฝ่าย

เธอป่วย ดังนั้นโดยจิตใต้สำนึกแล้วเธอจึงไม่ต้องการติดต่อกับใครสักคน แต่เธอก็อยากหายเร็วๆ เพื่อที่จะได้ไปพบหน้ากับลูกสาวสุดที่รัก ดังนั้นเธอจึงฟังคำแนะนำของหมอเทวดาหยวนและพยายามออกมาข้างนอกเพื่อสื่อสารกับผู้คนให้ได้มากที่สุด

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากได้รับรู้เรื่องราวของลูกสาวจากปากชาวบ้าน เธอก็ร่าเริงขึ้นและเริ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้า

ด้วยเหตุนี้ อากวงจึงรู้สึกโล่งใจและยอมปล่อยให้เธอออกมาข้างนอกเพียงลำพัง

เนื่องจากตัวตนที่พิเศษของพวกเขาและการมาที่นี่ก็แทบจะเป็นความลับ ดังนั้นจึงมีเพียงพวกเธอแม่ลูกและปาเฝ่ยสามคนเท่านั้นที่มาที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ไม่มีบอดี้การ์ดจากเผ่าหมาป่าพระจันทร์ติดตามมาด้วยแม้แต่คนเดียว

ถังถังแตะเส้นผมสีขาวของเป่ยซีแล้วถามว่า “คุณป้า ทำไมผมของคุณถึงได้เป็นสีขาวแบบนี้ล่ะค่ะ”

“เป็นเพราะคิดถึงลูกสาวมากน่ะจ้ะ”

“ลูกสาวของคุณไม่ได้อยู่กับคุณเหรอคะ”

“อืม ไม่อยู่”

“…คุณป้าคะ ให้หนูแนะนำหมู่บ้านนี้ให้คุณป้ารู้จักนะ หนูอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานมายี่สิบกว่าวันแล้ว และผู้คนที่นี่ก็ยอดเยี่ยมมาก…” ถังถังถ่ายทอดความงดงามเล็กๆ น้อยๆ ของหมู่บ้านนี้ให้เป่ยซีฟัง

เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของเป่ยซีเลยทำให้เธอคิดถึงอีกฝ่ายมากจนเส้นผมเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน แต่เธอรู้ว่าไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับคนอื่น ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างมีชั้นเชิง

ตราบใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเจาะป่า ไอคิวของเธอก็ออนไลน์อยู่เสมอ!

เป่ยซีฟังด้วยรอยยิ้มและตอบกลับเป็นครั้งคราว

เมื่อเย่ว์จือกวงเดินเข้าไปใกล้ทั้งสองคน เขาก็เห็นรอยยิ้มของแม่เขา ริมฝีปากทรงเสน่ห์หยักโค้งขึ้นทันที

“แม่ครับ ถังถัง”

“อากวง”

“ประธานเย่ว์” ถังถังระงับความปรารถนาที่จะพุ่งเข้าไปกระโดดเกาะเย่ว์จือกวง

แม่ของเขายังอยู่ตรงนี้ ดังนั้นเธอควรจะสงวนท่าทีไว้ให้มากหน่อย!

เย่ว์จือกวงพยักหน้า “ถังถัง ขอบคุณนะที่อยู่คุยเป็นเพื่อนแม่ผม”

“ไม่เป็นไร คุณป้าเองก็คุยเล่นกับฉันเหมือนกัน ถือว่าเราแลกเปลี่ยนกัน”

“อืม”

“ประธานเย่ว์ ถ้างั้นคุณอยู่เป็นเพื่อนคุณป้าต่อเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน” รั้งฉันไว้สิ รีบรั้งฉันไว้เร็วเข้า!

“ได้ ขอบคุณ”

ถังถัง “…คุณป้า งั้นหนูขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”

“อืม เจอกันที่บ้านนะจ๊ะ”

“โอเคค่ะ”

หลังจากที่ถังถังหันหลังให้กับทั้งสองคน มุมปากของเธอก็ตกลง

เฮ้อ! ต้องทำยังไงนะถึงจะทำให้ประธานเย่ว์ยอมเต็มใจมาเป็นบอดี้การ์ดให้!

สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ เธอไม่จำเป็นต้องคิดหาวิธีพิชิตใจอะไรอีกแล้วเพราะเย่ว์จือกวงตัดสินใจแล้วที่จะเข้าสู่เขตป่าชั้นในกับเธอ

ไม่สำคัญว่าพี่เลี้ยงเหมียวอวี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า พวกเขาก็ต้องเข้าไปในป่าสักรอบเพื่อค้นหาเบาะแสให้ได้มากที่สุด

เป็นเวลาถึงสิบแปดปีเต็ม แม้ความหวังที่จะพบเบาะแสริบหรี่ แต่มันก็เป็นหนทางหนึ่ง

ตราบใดที่ยังมีความหวัง แม้จะเพียงน้อยนิด พวกเขาก็ไม่อยากปล่อยมันไป

หาตัวคนร้ายที่ทำเรื่องนี้ไม่พบ พวกเขาก็จะไม่มีวันวางใจเรื่องความปลอดภัยของน้องสาวได้ และความหวังที่จะประกาศรับเธอกลับเข้าตระกูลอย่างเปิดเผยก็จะยิ่งห่างไกลออกไปไม่มีที่สิ้นสุด

เป็นเวลาหลายปีที่นอกเหนือจากเรื่องที่น้องสาวถูกลักพาตัวไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเผ่าหมาป่าพระจันทร์และพวกเขาทั้งหมดก็ยังอยู่ดีมีสุข ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะวิเคราะห์ว่าทำไมผู้ที่อยู่เบื้องหลังถึงต้องการขโมยตัวน้องสาวของพวกเขาออกไป

“อากวง วันนี้น้องสาวลูกติดต่อมาบ้างหรือเปล่า”

“แม่ครับ ปาเฝ่ยบอกว่าบ่ายวันนี้น้องต้องไปเก็บสมุนไพรให้ครอบครัวศาสตราจารย์ของเธอ”

“เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ถึงกับต้องไปเก็บสมุนไพรเองเลยเหรอ” เป่ยซีเป็นทุกข์อย่างมาก

“ได้ยินมาว่าสมาชิกในครอบครัวของศาสตราจารย์ของน้องสาวป่วยเป็นโรคอะนอเร็กเซียซึ่งค่อนข้างร้ายแรงมาก น้องสาวไม่อยากยื้อเวลาออกไปให้นานกว่านี้”

“แต่เธอเป็นเด็กผู้หญิง…”

“ใช่ครับ เป็นเด็กผู้หญิงที่วิเศษมากๆ ! แม่ครับ ผมอยากซื้อบริษัทยา จะได้หากลุ่มคนมาช่วยเก็บสมุนไพรให้น้องสาว”

“เอาสิ ลูกรีบไปหาเลยนะ ไม่ๆ ต้องให้น้องสาวของลูกยินยอมก่อน แม่กลัวว่า…เธอจะรู้สึกว่าเราเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของเธอ” พวกเธอไม่มีสิทธิ์

“เราสามารถเปิดร้านขายสมุนไพรสดเล็กๆ สักร้าน และขายสมุนไพรให้น้องสาวในราคาที่ต่ำที่สุด ตราบใดที่เธอยังต้องควักเงินจ่าย ผมเชื่อว่าเธอจะไม่สงสัยมัน”

เป่ยซีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และรู้สึกว่าวิธีการของลูกชายนั้นพอจะเป็นไปได้

“แล้วร้านขายสมุนไพรนี้จะไปเปิดที่ไหน”

“เริ่มที่เมืองเฟิงตูก่อนก็แล้วกันครับ จากนั้นค่อยขยายสาขาไปที่เย่ว์ตูในอีกสองปีให้หลัง จากนั้นก็เปิดทุกที่ที่น้องสาวต้องไปทำงาน”

การเลือกเปิดตัวในเมืองเฟิงตูก่อนนั้นน่าสงสัยน้อยที่สุด เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้กับเขตป่าเซียนโหยวมากที่สุด

“เอาตามนี้ อากวงลูกไปจัดการได้เลย…อากวง ลูกคิดว่าเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์จะกลับไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์กับเราหรือเปล่า”

“แม่ครับ ไม่ว่าน้องสาวจะทำงานหรืออยู่ที่ไหนในอนาคต เราต้องสนับสนุนเธอ”

“แม่รู้ เพียงแต่ ถ้าอาของลูกก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์…”

“แม่ครับ อาเพิ่งอายุสี่สิบปี เหลืออีกตั้งยี่สิบปีกว่าจะเกษียณ น้องสาวยินดีรับช่วงต่อก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ ก็ให้แขวนชื่อไว้แล้วผมกับพี่จะทำงานแทนเอง แม่ครับ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับแม่ในตอนนี้ก็คือรักษาตัวให้หาย ส่วนเรื่องอื่นยังมีผมกับพี่คอยดูแลอยู่ แม่ไม่ต้องกังวลหรอก”

“จ้ะ”

“แม่ครับ น้องสาวจะกลับมาที่นี่ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ถึงตอนนั้นแม่ต้องให้เธอได้เห็นแม่ที่ทั้งสาวทั้งสวยนะ”

เป่ยซีพยักหน้าอย่างแรง “ตกลง”

“ปู่กับย่าบอกว่าน้องสาวไม่ปฏิเสธเรา เพราะงั้นแม่สบายใจได้เลย การคิดมากจะทำให้โรคที่แม่เป็นอยู่หายได้ช้าลงนะครับ”

“แม่รู้จ้ะ แต่แม่ทำเธอหายไป…” เป่ยซีรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยขณะที่เธอพูด

เย่ว์จือกวงกอดเธอไว้แน่นและเอ่ยปลอบไปว่า “แม่ครับ น้องสาวไม่ใช่แม่ที่ทำหาย ถ้าแม่ทำเธอหาย พระเจ้าคงไม่สงสารแม่และส่งเธอกลับมาหาเราอย่างแน่นอน”

“จริงเหรอ”

“จริงสิครับ เป็นเพราะพระเจ้าปวดใจที่เห็นแม่เป็นแบบนี้ก็เลยส่งน้องสาวกลับคืนมา วันนี้ปาเฝ่ยโทรมาหาผม เขาเล่าให้ฟังด้วยว่าน้องสาวมีความคิดที่จะกลับไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนี้”

“เรื่องจริงเหรอ” สีหน้าของเป่ยซีเต็มไปด้วยความประหลาดใจและยินดี

“จริงสิครับ ปาเฝ่ยจะโกหกเราได้ยังไง อีกอย่างปู่กับย่าก็เข้ากับน้องสาวได้ดี ไม่รู้สึกว่ามีกำแพงหรืออุปสรรคใดๆ ขวางกั้นสักนิด”

“เยี่ยมๆ” ดวงตาของเป่ยซีเต็มไปด้วยประกาย