จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 59 สัตว์เลี้ยงที่อาภัพ
“มาวมาว เป็นเด็กดีแล้วมานี่ ปลาย่างนี่ให้เจ้า”
“มาวน้อยเป็นเด็กดี มิเช่นนั้นจะไม่นำเจ้าไปล่าสัตว์ปีศาจด้วยอีก”
“ไม่ต้องห่วง นี่ไม่ใช่เม็ดยา แต่เป็นปลาย่างตัวโตๆ…”
…………………………..
“ยังไม่มาอีก?” น้ำเสียงของฉินเทียนขึงขังขณะที่เขาแค่นเสียงกล่าว “ถ้ายังไม่มาอีกก็เลิกฝันได้เลยว่าเจ้าจะได้กินปลาย่างอีก!”
มาวน้อยที่อ่อนล้ากำลังหลบซ่อนตัวที่มุมหนึ่งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ร่างที่สั่นเทิ้มของมันไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าออกไปสักก้าว
แม้ว่าฉินเทียนจะกล่าวคำพูดหลอกล่อมากมาย หากแต่มันก็ยังเอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นช่นนั้นฉินเทียนที่หมดทางเลือกจึงจำต้องใช้ท่าไม้ตายออกมา
กลิ่นหอมเริ่มลอยตลบอบอวลในอากาศ มาวมาวจ้องปลาย่างในมือของฉินเทียนเขม็ง ประกายแสงสีทองไหววูบอยู่ในแววตาของมันขณะที่น้ำเริ่มไหลที่มุมปาก ขาของมันเริ่มก้าวออกมาพร้อมด้วยการแสดงออกที่ดูน่ารัก มันวิ่งมาหยุดที่เท้าของฉินเทียนก่อนจะหัวถูไถ
ฉินเทียนฉีกยิ้มพลางย่อตัวลง มือหนึ่งถือปลาย่างขณะที่อีกมือหนึ่งถือเม็ดยาดำปี๋เอาไว้ “กินนี่ก่อน จากนั้นปลาย่างจะเป็นของเจ้า”
มาวมาวมองดูเม็ดยาสีดำสนิทที่เปล่งกลิ่นอายของตัวยาดูร่างที่สั่นเทิ้ม จากนั้นจึงเบนหน้าไปมองปลาย่างที่อยู่อีกมือหนึ่งราวกับว่านี่เป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต มันหลับตาลงก่อนจะตัดสินใจอ้าปาก
“เด็กดี”
ฉินเทียนหัวเราะเบาๆขณะที่หย่อนเม็ดยาใส่ปากมาวมาวก่อนจะออกคำสั่ง “กลืนมันลงไป”
มาวมาวมีสีหน้ากล้ำกลืน มันรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกลืนเม็ดยาลงไปก่อนจะอ้าปากให้ฉินเทียนตรวจดู
“ดีมาก ต่อไปเจ้าต้องเชื่อฟังเช่นนี้ มิเช่นนั้นก็อย่าหวังจะได้ลิ้มรสปลาย่างอีก”
เขากล่าวพลางฉีกแบ่งปลาย่างครึ่งหนึ่งให้มาวมาว มาวมาวกระโดดคาบปลาย่างก่อนจะเริ่มกินอย่างอารมณ์ดี เมื่อหมดจากในปากมันก็เริ่มเลียริมฝีปากคล้ายยังไม่เพียงพอ มันมองปลาย่างอีกครึ่งที่เหลือในมือฉินเทียนก่อนจะกลืนน้ำลาย
“เจ้าตัวตะกละเอ๊ย”
“เจ้ายัดทุกอย่างเข้าไปก็ปีกว่าแล้ว แต่ดูเจ้าสิ แทบจะไม่โตขึ้นเลย”
“ค่าประสบการณ์ก็เอาไป กินเม็ดยาก็แล้ว เจ้ายังจะขอปลาย่างจากข้าทุกวันอีก”
“ตกลงผู้ใดเป็นนาย ผู้ใดเป็นบ่าวกันแน่?”
ฉินเทียนบ่นออกมาไม่หยุด มาวมาวที่ได้ยินก็ก้มหน้าก้มตาใช้ขาหน้าเขี่ยพื้นดินเล่นไม่กล้าสบตาฉินเทียนหรือส่งเสียงใดๆ
“เดี๋ยวนี้เจ้าเรียนรู้ที่จะวาดวงกลมสาปแช่งผู้อื่นแล้วหรือ?”
ได้ยินดังนั้นมาวมาวก็หยุดชะงัก ไม่กล้าขยับเคลื่อนไหวอีก
ฉินเทียนรู้สึกหงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวัง เขาถอนหายใจยาวจากนั้นจึงโยนปลาย่างอีกครึ่งที่เหลือให้มาวมาว เขาหยิบเม็ดยาหยางเฉิงออกมากลืนก่อนจะทรุดกายนั่งลง เขาเอนหลังพิงผนังหินก่อนจะเพ่งความสนใจจดจ่อกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับมาวมาว
เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่เฮยหยานจากไป ฉินเทียนใช้เวลาแทบจะทั้งหมดทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการปรุงยา หลังจากตรากตรำอยู่เป็นนาน ในที่สุดทักษะปรุงยาของเขาก็มาอยู่ที่ระดับ 1 และยังขาดค่าความชำนาญอีกเพียงไม่กี่ร้อยจุดเพื่อเลื่อนไประดับ 2 ความสำเร็จนี้คงไม่ได้มาหากไม่มีมาวมาวแบกรับหน้าที่เป็นหนูลองยา
เมื่อเขาเริ่มฝึกฝนทักษะการปรุงยาภายในเทือกเขาคุนหลุน มาวมาวก็กลายมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ทุกครั้งที่มีเม็ดยาแปลกๆถูกปรุงขึ้น หน้าที่ผู้ทดลองก็จะตกเป็นของมาวมาวโดยปริยาย เมื่อได้เห็นผลข้างเคียงของเม็ดยาแล้ว ฉินเทียนก็จะค่อยๆปรับปรุงไปทีละน้อย
มีวลีหนึ่งที่เขาท่องจำจนขึ้นใจ ความล้มเหลวเป็นมารดาของความสำเร็จ
หลังจากล้มเหลวมากกว่าหมื่นครั้ง ในที่สุดทักษะปรุงยาก็มาอยู่ที่ระดับ 1 และทำให้เขาสามารถปรุงยาระดับที่ 1 ได้ นี่ยังต้องขอบคุณเทือกเขาคุนหลุนที่มีวัตถุดิบให้ใช้อย่างเหลือเฟือ มิเช่นนั้นผู้ใดจะทราบเล่าว่าเมื่อใดเขาจึงจะสามารถเพิ่มระดับทักษะปรุงยาได้
หลังจากทุ่มเทแรงกายแรงใจฝึกฝน ท้ายที่สุดเขาก็สามารถปรุงเม็ดยาระดับต่ำได้สำเร็จ เม็ดยาหยางเฉิงที่เขาเพิ่งกลืนลงไปก็เป็นฝีมือของเขาเอง
สำหรับผู้ที่มีความสนใจใคร่รู้ระดับสุดยอดเช่นฉินเทียนแล้ว เขาได้ใช้โอกาสอันดีนี้ในการตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเขาและปรุงเม็ดยาแปลกๆจำนวนมากออกมา ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เม็ดยาเสริมความงาม หรือกระทั่งเม็ดยาที่ทำให้ท้องร่วง มีเม็ดยาแปลกๆหลายชนิดที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในทวีปเทียนหยวนมาก่อนถูกเขาปรุงขึ้นมา
แม้ว่าเม็กยาเหล่านี้จะไม่สามารถเปิดเผยต่อผู้คนได้ ฉินเทียนก็ยังคงรู้สึกพึงพอใจต่อมัน ประโยชน์ของเม็ดยาเหล่านี้มีมากมายนัก
ทว่า แม้จะผ่านมาปีกว่าแล้ว ฉินเทียนก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจมาวมาวได้
นับตั้งแต่ตอนที่มันเกิดก็ไม่มีสัญญาณใดบ่งบอกถึงการเติบโตของมันอีกเลย ค่าประสบการณ์ก็เอาไปไม่น้อย อาหารก็กินไปมาก ทว่าร่างกายของมันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ไม่แม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่มีสง่าราศีดั่งเช่นที่ราชสีห์เนตรโลหิตพึงมี นี่ทำให้ฉินเทียนผิดหวัง
เลี้ยงดูสัตว์ปีศาจประเภทต่อสู้นั้นยาก แต่มันก็คงไม่ยากไปกว่าตอนนี้ใช่หรือไม่?
มันคงพอเข้าใจได้หากว่ามาวมาวโตขึ้นสักเล็กน้อย ในหน้าต่างสัตว์เลี้ยงแสดงให้เห็นว่ามันอยู่ระดับ 5 แล้ว ทว่ารูปร่างของมันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ฉินเทียนจึงได้แต่จนปัญญา
สุดท้ายฉินเทียนก็สงสัยว่าที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเม็ดยา
เม็ดยาแปลกๆที่มาวมาวกินเข้าไปอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของมันและทำให้มันกลายเป็นสิงโตแคระ
ด้วยเหตุนี้ ในบางครั้งฉินเทียนก็จะรู้สึกผิด ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้การพัฒนาของมาวมาวกลับมาเป็นปกติ เขาจึงยังคงศึกษาค้นคว้าเม็ดยาชนิดใหม่ เม็ดยาที่เขาเพิ่งให้มาวมาวกินเข้าไปนั้นเป็นเม็ดยาชนิดใหม่ที่ระบบแสดงผลว่า ??? อยู่เต็มไปหมด สำหรับผลของมันนั้น มีเพียงต้องทดลองกินเข้าไปจึงจะทราบได้
หลังจากมาวมาวได้กลืนเม็ดยาลงไป มันก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย นี่ทำให้ฉินเทียนรู้สึกผิดหวัง ลึกๆในใจของเขาสงสัยว่ามันจะเกิดความผิดพลาด อาจเป็นเพราะปริมาณหญ้าวิญญาณที่ใส่เข้าไป หรืออาจเป็นเพราะใช้หญ้าวิญญาณผิดชนิด
เมื่อเห็นฉินเทียนจมอยู่ในภวังค์ มาวมาวก็ขนลุกชี้ชันขึ้นมา
มันทราบว่าเจ้านายผู้โฉดชั่วผู้นี้กำลังคิดค้นเม็ดยาชนิดใหม่อยู่
เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง
เสียงดังปานฟ้าผ่าดังมาจากนอกถ้ำ
ม่านตาของฉินเทียนเบิกกว้าง ขณะที่มาวมาวรีบวิ่งไปที่ปากถ้ำ มันสูดดมกลิ่นก่อนจะคำรามเบาๆ
ฉินเทียนรีบขยายสัมผัสออกไป ก่อนที่แววตาของเขาจะเป็นประกาย “มนุษย์?”
นับตั้งแต่เฮยหยานจากไป ฉินเทียนก็ไม่เคยพบเห็นมนุษย์ตัวเป็นๆในเทือกเขาคุนหลุนแห่งนี้เลย ส่วนใหญ่แล้วที่พบเห็นก็เป็นซากศพเหม็นเน่า
เสียงที่ดังเมื่อครู่แน่นอนว่าต้องเป็นการปะทะกันของทักษะที่ทรงพลัง ทักษะกลิ่นอายนักล่าของเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายห้ากลิ่นอาย และทั้งห้าคนสมควรมีฝีมือไม่ต่ำกว่าขั้นรวบรวมวิญญาณ
มาวมาวที่อยู่ด้านข้างเงยหน้ามองฉินเทียนด้วยความตื่นเต้น
“มา ไปดูกันเถอะ”
เมื่อได้ยินคำอนุญาติมาวมาวก็กระโดดออกจากปากถ้ำทันที
แม้ว่ามาวมาวจะตัวเล็กกระทัดรัด แต่มันก็คล่องแคล่วว่องไวและแข็งแรง การกระโดดลงจากปากถ้ำที่อยุู่เหนือพื้นนับร้อยเมตรไม่ได้ทำให้มันมีอาการบาดเจ้บแม้แต่น้อย
เมื่อมาวมาวกระโดดลงไปแล้ว ฉินเทียนก็กระโดดตามลงไป
…………………………
“ท่านพี่ กระทั่งสัตว์ปีศาจระดับสี่ก็ยังไม่อาจคุกคามพวกเรา”
หญิงสาวท่าทางเย่อหยิ่งที่สวมชุดสีชมพูและแต่งหน้าจัดก้มมองหมูป่าเพลิงที่ใต้ฝ่าเท้าของนางด้วยความรังเกียจ
“คุณหนู มอบสัตว์ปีศาจชั้นต่ำตัวนี้ให้พวกเราจัดการเถอะ”
บุรุษที่คล้ายผู้ติดตามโค้งตัวลงพลางเดินไปข้างหญิงสาวผู้นั้นด้วยความนอบน้อม
“โอ้ น้องหญิงผู้งดงาม เจ้าอยู่ในขั้นรวบรวมวิญญาณระดับแปดแล้ว สัตว์ปีศาจระดับสี่ย่อมไม่ใช่คู่มือของเจ้าอีก”
ชายหนุ่มหล่อเหลาชุดขาวโบกพัดจีบในมือพลางเดินไปหาหญิงสาวนั้น ชุดของมันกระพรือโดยปราศจากแรงลม แสดงให้เห็นถึงระดับฝีมือที่ไม่ต่ำทราม ขณะที่ด้านหลังของมันติดตามด้วยบุรุษอีกสองคน
“จุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อล่าราชาซากศพ อีกไม่นานภารกิจของพวกเราก็เสร็จสิ้นแล้ว เมื่อนั้นพวกเราก็จะรับเงินและเสาะหาอาวุธชิ้นใหม่ให้เจ้า” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มพลางเขี่ยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของหญิงสาว
หญิงสาวเบี่ยงตัวไปด้านข้างขณะที่ประกายตาฉายแววขุ่นเคือง นางกำหมัดแนบแน่น อย่างไรก็ตาม ท่าทีเหล่านี้ไม่ถูกผู้ใดพบเห็น
เมื่อชายหนุ่มจัดผมให้หญิงสาวเสร้จแล้ว มันก็กล่าวอย่างนุ่มนวล “ข้าทราบว่าเจ้าต้องการกระบี่ประกายเพชรมาตลอด เมื่อพวกเราสังหารราชาซากศพได้แล้ว พวกเราก็จะมีเงินพอซื้อมันมา”
“ท่านพี่ ท่านดีต่อข้าที่สุด” หยิงสาวหัวเราะคิกคักพลางเอนตัวซบแขนของชายหนุ่มราวกับทั้งสองสนิทสนมกันยิ่ง สร้างความอิจฉาให้บุรุษอีกสองคนที่อยู่ด้านข้าง
ทันใดนั้นการแสดงออกของหญิงสาวก็เปลี่ยนไป นางอ้าปากค้างก่อนจะกล่าวว่า “สัตว์ปีศาจที่น่ารักนัก! ท่านพี่ ท่านพี่! รีบจับมันให้กับข้าเร็วเข้า!”
ก่อนที่ชายหนุ่มผู้นั้นจะทันมีปฏิกิริยาใด บุรุษที่ด้านข้างทั้งสองคิดจะใช้โอกาสนี้สร้างความประทับใจให้หญิงสาว พวกมันพลันพุ่งตัวออกไป….