ตอนที่ 103 เชื้อเชิญ

ตอนที่ 103 เชื้อเชิญ

ในตอนที่ชื่อเสียงของฉินมู่หลานขจรขจายไปทั่วฐานทัพ ถานเล่อเวยเองก็ได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน

หลังจากทราบข่าวว่าขาของเซี่ยเจ๋อหลี่หายดีแล้ว จิตใจพลันรู้สึกสับสนอย่างมาก ใจหนึ่งก็อยากให้ขาของเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่มีผลกระทบใด แต่อีกใจหนึ่งนั้นก็ไม่อยากให้เซี่ยเจ๋อหลี่หายขาด

ในขณะนี้ เสียงของเฉินเฉี่ยวเซียงก็ยังคงดังเข้ามา “ได้ยินว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กลับเข้าร่วมกองทัพหลังหายจากอาการบาดเจ็บที่ขาแล้วนะ ตอนนี้เริ่มฝึกพร้อมกับคนของเขาแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของถานเล่อเวยก็ดูยับยู่ไม่พอใจ

ไม่คิดว่าทักษะการแพทย์ของฉินมู่หลานคนนั้นจะยอดเยี่ยมขนาดนี้ ครั้งก่อนหล่อนยังเหน็บแนมฉินมู่หลานต่อหน้าที่สาธารณะอยู่เลย ตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป ใบหน้าของหล่อนก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อน

การโดนตบหน้าเข้าอย่างจังเช่นนี้ทำให้ถานเล่อเวยรู้สึกโกรธมากขึ้นกว่าเดิม

“ทำไมทุกคนถึงฟังเสียงลมเป็นเสียงฝนล่ะ เซี่ยเจ๋อหลี่หายดีแล้วต้องเป็นเพราะการรักษาของฉินมู่หลานเหรอ อาจเป็นผลพลอยได้จากการรักษาของหมอเลี่ยวก็ได้”

เฉินเฉี่ยวเซียงได้ยินสิ่งนี้จึงปรายตามอง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับ “บางทีอาจจะเป็นอย่างนั้น หมอเลี่ยวเป็นคนแรกที่ทำการผ่าตัดเซี่ยเจ๋อหลี่ แล้วฉินมู่หลานค่อยทำมันซ้ำอีกครั้ง ใครจะไปรู้ว่าหล่อนไม่ได้หวังยึดผลการรักษาของหมอเลี่ยวมาเป็นของตัวเองกันล่ะ หล่อนเป็นแค่หมอเท้าเปล่าในชนบท คงเหมือนแมวตาบอดที่ได้เจอหนูที่ตายแล้ว ฉินมู่หลานเลยได้อานิสงส์นี้ไปเต็ม ๆ”

“เธอพูดถูก ฉินมู่หลานที่โตมาในหมู่บ้านชนบทจะไปรู้อะไรได้ หมอเลี่ยวรักษาเซี่ยเจ๋อหลี่ได้สำเร็จตั้งแต่แรกแน่ ๆ ไม่ใช่ฝีมือของฉินมู่หลานหรอก”

ยิ่งถานเล่อเวยเอ่ยก็ยิ่งเห็นความสมเหตุสมผลมากขึ้น

เฉินเฉี่ยวเซียงก็คอยตามถานเล่อเวยมาโดยตลอด อีกฝ่ายเอ่ยอะไร หล่อนก็มักจะเออออตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนเองก็ไม่ชอบฉินมู่หลานเช่นกัน ก็แค่หญิงสาวจากบ้านนอก เหตุใดจึงมีชีวิตดีกว่าพวกเธอได้

หลังจากที่ทั้งสองรวมหัวกันพูดคุยเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับฉินมู่หลานมาได้สักพักแล้ว จึงตัดสินใจไปกินข้าวกัน

อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานก็นำกล่องอาหารมาเพื่อรับอาหารที่โรงอาหารเช่นกัน วันนี้เธอรู้สึกขี้เกียจทำอาหารนิดหน่อย จึงมาขอตักอาหาร แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อมาถึงโรงอาหารแล้วจะได้เจอกับถานเล่อเวยและเฉินเฉี่ยวเซียงอีกครั้ง เธอไม่ได้เห็นสองคนนี้มาได้สักพักหนึ่งจนเธอเกือบลืมไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเจอกันอีก

ฉินมู่หลานคร้านจะสนใจทั้งสองคน จึงเดินตรงไปข้างหน้า

แต่ถึงอย่างนั้น ถานเล่อเวยก็เข้ามาขวางทางฉินมู่หลานไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉินมู่หลาน เธอนี่คาดเดาเก่งจังเลยนะ หมอเลี่ยวเคยผ่าตัดให้เซี่ยเจ๋อหลี่มาก่อน เธอเลยไปทำซ้ำอีกครั้ง พอตอนนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ฟื้นตัวดีแล้วก็ได้เอาดีเข้าตัว เธอนี่มันหน้าด้านจริง ๆ”

เฉินเฉี่ยวเซียงตามมาแล้วเอ่ยสมทบ “ใช่แล้ว เธอได้ความดีความชอบต่อมาจากหมอเลี่ยว ตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าฝีมือการรักษาของเธอยอดเยี่ยม เธอไม่รู้สึกละอายบ้างเลยเหรอ”

ฉินมู่หลานไม่คิดเลยว่าสองคนนี้จะกล้าตามมาราวี นอกจากนี้ยังคิดตุตะไปเรื่อยเปื่อยอีกด้วย

“ครั้งก่อนพวกเธอสองคนเพิ่งจะใส่ร้ายฉันเองนะ ทำไม? ครั้งนี้ยังคิดก่อกวนฉันอีกเหรอ”

ตอนแรกคนรอบตัวก็ได้ทราบจากการบอกกล่าวของถานเล่อเวย จึงอดสงสัยขึ้นมาเสียไม่ได้เช่นกัน ฉินมู่หลานยังดูอายุน้อย ทว่าทักษะการแพทย์ของเธอกลับดูยอดเยี่ยมเกินอายุ แต่หลังจากได้ยินคำกล่าวของฉินมู่หลาน พวกเขาก็คิดขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากถานเล่อเวยชอบเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงคอยตามรังควานฉินมู่หลานตลอด ครั้งนี้เธอคงต้องการก่อกวนอีกครั้งเป็นแน่

หลังจากถานเล่อเวยได้ยินฉินมู่หลานพูด สีหน้าก็แดงก่ำด้วยความโกรธ

“อย่าไปพูดถึงเขา ตอนนี้ที่พวกเรากำลังพูดคือเรื่องฝีมือการรักษาของเธออยู่”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงจ้องมองถานเล่อเวยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฝีมือการรักษาของฉันยอดเยี่ยมหรือไม่มันก็ไม่ใข่กงการอะไรของเธอ ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะชี้นิ้วสั่งเพื่อให้เป็นไปตามนั่นได้ หลีกไปซะ ฉันจะไปตักอาหาร”

เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของฉินมู่หลาน ราวไม่ได้ใส่ใจอะไรตนเองเลย ถานเล่อเวยจึงรู้สึกคับแค้นใจโนเวลพีดีเอฟ

ครอบครัวหล่อนมีฐานะค่อนข้างดี ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อแม่คอยเอาอกเอาใจมาตลอด หลังจากต้องเข้าทำงานก็ได้เข้าร่วมกับคณะสันทนาการ เป็นงานที่ดีงานหนึ่ง นอกจากนี้รูปร่างหน้าตาหล่อนยังงดงาม ชีวิตของหล่อนโรยด้วยกลีบกุหลาบมาโดยตลอด เพียงแต่หลังจากได้พบเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลาน ชีวิตหล่อนก็ไม่ค่อยดีเท่าใด

การที่หล่อนจะตกหลุมรักผู้ชายสักคนเป็นเรื่องยาก แต่อีกฝ่ายกลับเย็นชาใส่มาโดยตลอด ไม่เคยทำตัวดีกับหล่อนเหมือนผู้ชายคนอื่นเลย หลังจากนั้นเขาก็แอบแต่งงานไปอย่างเงียบ ๆ มันคงดีกว่านี้หากภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่มีฐานะสูงเสมอกัน แต่เขากลับแต่งงานกับผู้หญิงบ้านนอกอย่างฉินมู่หลาน หล่อนจึงเอาแต่ถามตัวเองว่าหล่อนดีกว่าฉินมู่หลานขนาดนี้ ทำไมเซี่ยเจ๋อหลี่ถึงไม่ตกหลุมรักหล่อน แต่กลับไปมองฉินมู่หลานแทน

ยิ่งกว่านั้นพวกเขาแต่งงานกันมานานไม่เท่าใด ตอนนี้กลับมีลูกด้วยกันแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ถานเล่อเวยก็รู้สึกว่าในหูดังอื้ออึง โทสะฉาบไปทั่วร่าง

เมื่อเห็นสายตาเฉยเมยของฉินมู่หลาน ถานเล่อเวยจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกตน แสดงว่าตนแข็งแกร่ง หล่อนจึงไม่คิดอะไร เดินจ้ำไปหาฉินมู่หลานทันที

ฉินมู่หลานเห็นเช่นนี้ สายตาจึงแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา แอบหยิบเข็มทองออกมาช้า ๆ รอขณะที่ถานเล่อเวยกำลังพุ่งเข้ามา แล้วปักเข็มสองเล่มเข้าที่ร่างกายหล่อนทันที

เฉินเฉี่ยวเซียงที่ได้เห็นท่าทางของถานเล่อเวยก็รู้สึกตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าถานเล่อเวยจะหุนหันพลันแล่นขนาดนี้ หล่อนเองก็ทราบว่าฉินมู่หลานตั้งครรภ์อยู่ หากเกิดอะไรขึ้นมา เช่นนั้นคงกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต

เพียงแต่หล่อนก็อดทนกับฉินมู่หลานไม่ได้เหมือนกัน จึงลังเลอยู่สักพัก และไม่ได้เข้าไปห้ามปราม

ส่วนคนอื่นรอบตัวก็ต่างถอยกรูดออกไปเล็กน้อย ถึงแม้จะอยากเข้ามาช่วย แต่ก็สายเกินไปแล้ว

ฉินมู่หลานไม่เคยหวังให้คนอื่นเข้ามาช่วย สำหรับเรื่องกะทันหันที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกแต่อย่างใด เฝ้ารอจนกว่าถานเล่อเวยจะเข้ามาถึงตัว แล้วจะใช้เข็มแทงให้สลบไป

เพียงแต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้ลงมือ เวินเนี่ยนอันก็วิ่งเข้ามาโดยเร็ว ก่อนจะผลักตัวถานเล่อเวยออกไป แล้วหันมองสำรวจฉินมู่หลานพลางเอ่ยถามด้วยท่าทางประหม่า “พี่สะใภ้คะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ฉินมู่หลานมองเวินเนี่ยนอันด้วยสายตาประหลาดใจ จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่เป็นไร”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานเอ่ยเช่นนั้น เวินเนี่ยนอันก็เป่าปากโล่งใจ จากนั้นจึงขมวดคิ้วหันมองถานเล่อเวย แล้วเอ่ยถาม “สหายถาน เธอคิดจะทำอะไร”

หลังจากถานเล่อเวยโดนผลักจนล้มไปกองอยู่บนพื้น ในที่สุดก็ได้สติกลับมา แน่นอนว่าหล่อนก็รู้จักเวินเนี่ยนอันเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่าย จึงเม้มปากแน่นไม่ยอมพูดอะไร

ในตอนนั้นเอง เฉินเฉี่ยวเซียงก็วิ่งเข้าไปข้างหน้า แล้วช่วยประคองถานเล่อเวยขึ้นมา “เล่อเวย เธอไม่เป็นไรนะ”

ถานเล่อเวยโซซัดโซเซนิดหน่อย โดยเฉพาะตรงข้อศอกที่รู้สึกแสบร้อน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร เพราะเป็นฝ่ายเริ่มเข้าไปผลักฉินมู่หลานก่อนเอง

เฉินเฉี่ยวเซียงตอบโต้ทันที หันมองเวินเนี่ยนอันแล้วพูดขึ้น “สหายเวิน เล่อเวยก็แค่อยากพูดคุยกับหมอฉินเท่านั้น ยังไม่ได้จะทำอะไรเลย”

แต่เมื่อเอ่ยเช่นนั้นจบ หญิงสาวที่ถักเปียสองข้างหน้าตาอ่อนโยนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น “สหายเวิน พวกฉันเห็นเหตุการณ์อยู่ ถานเล่อเวยจะเข้าไปผลักพี่สะใภ้ และก่อนหน้านี้ก็สงสัยเรื่องมือการรักษาของหล่อน หล่อนก็แค่อยากก่อกวนพี่สะใภ้น่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ถานเล่อเวยก็หันไปมองด้วยสีหน้าดุร้าย ก่อนจะพบว่าหล่อนคือหญิงสาวจากครอบครัวชนบทที่ตนเคยดูถูกมาก่อน

ระหว่างที่หล่อนคิดอยากจะตวาดกลับ เวินโหย่วเหลียงก็พาหมอเลี่ยวมาหา

เมื่อหมอเลี่ยวเห็นฉินมู่หลาน จึงรีบตรงเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “หมอฉินครับ ในที่สุดก็ได้พบคุณ มีคนไข้ในโรงพยาบาลของเราที่ยังรักษาไม่ได้ จึงอยากมาพาคุณไปช่วยดูหน่อย ไม่รู้ว่าคุณพอจะมีเวลาไหมครับ”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา รอบข้างก็ตกอยู่ในความเงียบไปครู่หนึ่ง ทุกคนต่างหันมองฉินมู่หลานด้วยสายตาเหลือเชื่อ

เป็นภรรยาของหัวหน้าเซี่ยนี่เอง ทักษะการแพทย์ของเธอยอดเยี่ยมจนหมอเลี่ยวถึงกับมาเชื้อเชิญด้วยตัวเองเลยหรือเนี่ย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มาก่อกวนไม่เลิกเลย ต้องโดนย้ายไปที่ไกลๆ สักทีล่ะ

ไหหม่า(海馬)