บทที่ 112 – ความทรงจำที่เลื่อนลอย

 

เรนะใช้เวลาไม่นานในการบุกเข้ามาถึงหน้าประตูห้องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นกลางโบราณสถานแห่งนี้

แม้จะมีศัตรูอยู่ตามทาง แต่เรนะที่เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมาตลอดสิบกว่าวันก็ล้วนแล้วแต่ถูกจัดการลงอย่างง่ายดาย

อาจจะเป็นเพราะไม่มีคนควบคุมมันอยู่เหมือนสัตว์ประหลาดตัวก่อนหน้านี้ เลยสามารถจัดการได้ง่ายๆ แบบไม่เปลืองแรงมากนัก

เรนะเปิดประตูเข้าไปด้านใน สีหน้าเรนะถึงกับแปลกใจ เพราะที่แห่งนี้เหมือนป่าเลยมากกว่า เธอเดาว่าตอนแรกที่นี่ไม่ได้กว้างขนาดนี้

แต่ตอนนี้มันค่อนข้างกว้าง เพราะมองไปเหมือนว่าห้องนี้มันทำลายห้องอื่นและพืชหญ้าก็รุกรามไปห้องอื่นด้วย

ซึ่งถ้าแผนผังของโบราณสถานนี้ที่ปรากฏขึ้นในหัวของเรนะไม่ผิดจากการสำรวจมาตลอดหลายวัน เรนะมั่นใจว่าห้องที่เรนะและมิวยังไปไม่ถึง

หรือก็คืออีกด้านหนึ่งของห้องนี้ ต่างถูกพืชหญ้ารุกราม ซึ่งไม่รู้ว่ารุกรามได้อย่างไรทั้งที่ไม่มีดินพอจะให้พืชเติบโตขึ้นมาได้

แต่เรนะก็ไม่รู้ความกว้างที่แท้จริงของป่าเทียมแห่งนี้ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้ เพดานก็ถูกต้นไม้บางต้นโตไปจนติดเพดาน

แม้จะไม่ใช่ทุกต้น แต่ถึงเป็นแบบนั้นต่อให้ปีนไปด้านบนก็มีแต่ต้นไม้อยู่ดี .. ยังดีที่มีแสงเทียมจากไหนไม่รู้อยู่

ทำให้ป่าแห่งนี้ไม่ใช่ป่าทึบไปซะทีเดียว

“อย่างที่คิด.. ที่นี่กำลังทดลองสร้างสิ่งนั้นจริงๆ”

แม้ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเรนะจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม.. แต่ทว่าดูจากสภาพห้องทดลองและสิ่งต่างๆ ขึ้นมาแล้ว

มันโยงไปหาเรื่องเรื่องเดียวเท่านั้น แต่ว่าเรนะไม่เคยคิดว่ามันใช่.. เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันเหมือนกับว่าพวกศาสนจักรอิกดราซิลกำลังดึงให้อิกดราซิลลงมาต่ำต้อยด้วยตัวพวกมันเองน่ะสิ

แต่ทว่าสวนแห่งนี้.. ป่า ต้นไม้ หรือแม้แต่ใบหญ้า.. ทุกอย่างต่างออกแบบมาให้เหมือนกับสิ่งนั้นจริงๆ

แม้ในตอนนี้ต้นไม้ใบหญ้าจะเติบใหญ่กว่าแล้ว แต่ทว่ามันยังคงอยู่ในความทรงจำของเรนะ ในความทรงจำของเรย์น่า

“สร้างต้นอิกดราซิลขึ้นมา..”

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเรนะ.. หายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามาในโลกตอนนี้มันคือ…

เรนะพยายามส่ายหน้ากับความคิดของตัวเอง มันอาจจะแค่เหมือนเองก็ได้ หากพวกศาสนจักรอิกดราซิลพยายามสร้างต้นอิกดราซิลขึ้นมาจริง

เลยจำลอง ‘สวนเอเดน’ นี้ขึ้นมาเพื่อให้เกิดพลังสูงสุดเพื่อหล่อเลี้ยงต้นอิกดราซิล ถ้าแบบนั้นก็เท่ากับว่าพวกมันได้ยอมรับว่า..

ต้นอิกดราซิลไม่มีอยู่จริงมาตั้งแต่แรก.. เพราะเดิมทีแนวคิดของศาสนจักรต้นอิกดราซิลมันก็ขัดแย้งกับทุกแนวคิดของศาสนจักรอื่นๆ อยู่แล้ว

แต่เรนะไม่คิดว่าต้นอิกดราซิลไม่มีอยู่จริง เธอคิดว่ามันอาจจะมีจริงตามตำนานที่เล่าว่า.. ต้นอิกดราซิลนั้นเกิดอยู่ที่แกนกลางของโลก

ในสวนที่มีชื่อว่า ‘สวนเอเดน’ และเชื่อมต่อต้นไม้ทุกอย่างในโลกเข้าด้วยกัน แม้เรนะจะไม่เชื่อในคำสอนของศาสนจักรอิกดราซิล

แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่เชื่อในพลังของอิกดราซิล ประวัติศาสตร์ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าพวกศาสนจักรนี้ใช้พลังจากต้นไม้ใบหญ้าราวกับยืมพลังจากเจ้าแห่งพืชพรรณ

เรนะส่ายหน้า.. ข้อมูลตอนนี้มันน้อยเกินไป เธอตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องด้วยความระมัดระวัง.. ทว่าวินาทีที่เธอเหยียบลงผืนหญ้าเท่านั้นแหละ

เปรียบดั่งต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นนั้นตอบสนองกับการกระทำของเธอ ใบหญ้าเองก็ล้มลง ต้นไม้ก็ส่งเสียง ‘ซ่าๆๆ’ เหมือนกับมีสัตว์แตกตื่น

ทั้งที่ไม่มีวี่แววว่ามีสัตว์แตกตื่นเลย.. เรนะดีดตัวขึ้นไปเกาะผนังแทบจะทันที.. ซึ่งในจังหวะนั้นหญ้าที่เธอเคยเหยียบก็สีซีดเผือดลงก่อนจะ..กลายเป็นน้ำแหลมพุ่งขึ้นทันที

“นี่ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย..”

น้ำแหลมนั้นยาวขึ้นจากพื้นมากกว่าสองเมตรเลย.. แต่เหมือนมันจะไม่ได้พุ่งมาทางเรนะอยู่ มันพุ่งขึ้นใส่ตรงที่เรนะเคยยืนเท่านั้น

แต่ถึงแบบนั้น..มันก็หมายความว่า

“จะบอกว่าป่าแห่งนี้เป็นศัตรูหมดเลยหรือไง แล้วจะสู้ไงละนิ”

เรนะได้แต่เกาหัวด้วยความสับสน.. เพื่อที่จะหาวิธีไม่เสียเปรียบ เรนะจึงใช้วิธีต่างๆ เพื่อยืนยันว่าป่านี้เป็นศัตรูจริงไหม

หลังจากเรนะทดลองหาวิธีอยู่สองสามรอบโดยการเหยียบบนหญ้าบ้าง เหยียบบนต้นไม้บ้าง.. ผลลัพธ์ก็คือเหมือนเดิม

ต้นไม้ใบหญ้าทุกอย่างที่แห่งนี้สามารถกลายเป็นต้นหนามที่พิษและพุ่งแทงใส่เธอได้ แต่ว่ามันไม่ได้มีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง มันแค่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวเฉยๆ

บางทีคนที่ทำให้มันเป็นแบบนั้นก็คือเจ้าตัวบงการที่อยู่ด้านหลังนั่นแหละ ซึ่งทางเดียวที่จะไม่โดนต้นไม้นี่โจมตีคือ..ห้ามเหยียบหรือสัมผัสกับพวกมัน

ถ้าเป็นแบบนั้นพวกมันไม่สามารถโจมตีเธอได้นั่นเอง.. เรนะยืนบนผนังในลักษณะที่ไม่สนกฎแรงโน้มถ่วงด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์

กล่าวคือ แค่เธอไม่เหยียบหญ้าก็พอ.. ยังดีที่นี่ไม่ใช่พื้นที่โล่งกว้าง แต่เป็นห้องใต้ดิน มีทั้งกำแพง มีทั้งเพดาน

เรนะสามารถเดินบนผนังและเพดานได้.. หลังจากตัดสินใจได้เรนะก็เดินบนผนังขึ้นไปบนกำแพง..

“มองยากแฮะ.. ก็เคยเห็นในอนิเมะอยู่หรอกนะเดินบนเพดานแบบนี้.. แต่มันยากกว่าที่คิดนะเนี่ย”

เรนะพึมพำกับตัวเองพยายามหลบต้นไม้ที่สูงจนติดเพดาน และเดินตามหาเจ้าตัวบงการด้านบน..

แน่นอนว่าเจ้าตัวด้านบนก็ไม่สามารถสัมผัสถึงเรนะได้ เพราะมันสัมผัสถึงได้แค่ตอนที่เรนะสัมผัสกับต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น

ซึ่งทันทีที่มันมุ่งหน้าไปถึงจุดที่เคยสัมผัสถึงเรนะได้ เรนะก็เดินบนเพดานจากไปแล้ว เรียกได้ว่าทั้งคู่พลาดกันราวกับถูกด้ายแดงแห่งโชคชะตาขัดขวางไว้งั้นแหละ

…….

…..

มิวนั่งอยู่ในบาเรียที่มองไม่เห็นด้วยสีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอกังวลว่าเรนะจะเป็นอะไรไป ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันความกังวลนี้ไม่ได้มาจากความเข้าใจ

แต่มาจากสัญชาตญาณของตัวเธอเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาซึ่งมิวจำอะไรไม่ได้นั้น มิวถูกสัญชาตญาณที่เฉียบคมนี้ช่วยไว้หลายรอบแล้ว

และตอนนี้สัญชาตญาณของเธอมันกำลังกรีดร้องอยู่ว่า.. เรนะตกอยู่ในอันตราย ความสับสนกระวนกระวายในใจของมิวมันเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เวลาไหลผ่าน

ตลอดสิบกว่าวัน.. แม้จะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น.. แต่เรนะนั้นดีกับมิวมาก แม้ปากจะไม่ได้พูดเป็นห่วงอะไรชัดเจน

แต่ยัยนั่นก็คิดถึงแต่เรื่องของมิวเลยก็ว่าได้ อาจจะเพราะเป็นจุดตกต่ำที่ทำได้เพียงแค่พึ่งพากันและกันเท่านั้น

เรนะก็ไม่สิ้นหวังเพราะมีมิวที่อยู่ด้วย มิวก็ไม่ตายเพราะมีเรนะคอยช่วยเหลือ ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของทั้งสองมันอยู่ในระดับที่ไม่รู้ว่าควรอธิบายออกมาอย่างไร

คำว่าพึ่งพากันและกันอาจจะเป็นคำที่เหมาะที่สุดและไม่เหมาะที่สุดก็เป็นได้.. มิวได้แต่หวนนึกถึงระยะเวลาที่ผ่านมาตลอดสิบกว่าวัน

“มิวเป็นอะไรหรือเปล่า.. รอเดี๋ยวนะ ฉันจะช่วยเธอเอง”

ก่อนที่มิวจะหมดสติเพราะโดนจู่โจมดวงตาที่เหมือนกำลังสับสนและอยากร้องไห้ของเรนะมันสะท้อนอยู่ในดวงตาของมิว

ภาพนี้มันเหมือนกับที่มิวเคยเห็นมาก่อน.. มันคือภาพอะไรนะ ทำไมเธอนึกไม่ออกกันล่ะ ทำไมถึงลืมไปได้

เธอจำได้ว่านั่นเป็นเหตุผลที่เธอพยายามไม่ใช่เหรอ พยายามที่จะไต่หอคอยแห่งนี้..ไม่สิ หอคอยคืออะไร ไต่หอคอยคืออะไร

มิวไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ยิ่งพยายามคิดมิวก็ยิ่งปวดหัว.. แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่หยุดคิด เธอคิดต่อไป

สีหน้าร้องไห้ สีหน้าเศร้าโศกของเรนะ..

“เรย์น่า.. เป็นคนสำคัญของฉันเหรอ”

มิวพยายามจะนึกแต่ก็นึกไม่ออก.. ใช่ ทำไมเธอถึงลืม ลืมไปได้ยังไง..

ทว่าในวินาทีนั้นเองภาพอันเลือนรางของความทรงจำนั้นก็แว้บภาพผ่านมา

มันเป็นภาพมัวหมองเหมือนที่เรนะแสดงต่อมิว น้ำตาคลอเบ้าเหมือนร้องไห้และเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด

หูของมิวดับไปแล้วจึงไม่ได้ยินเสียงของคนที่แสดงสีหน้าแบบเดียวกับเรนะอยู่.. หน้าของเธอก็คล้ายเรนะแต่เป็นคนละเชื้อชาติ

มิวในตอนนี้เหมือนกำลังนอนอยู่บนอะไรสักอย่างที่เคลื่อนที่อยู่..

เธอเป็นใคร..เธอคนนั้นเป็นใคร..

ทำไมต้องเสียใจขนาดนั้น…

ฉันยังไม่ตายสักหน่อย..

ทำไมพอเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเธอแล้ว

หัวใจของมิวถึงรู้สึกเหมือนโดนบีบแน่น

เธอเป็น..

อ่า…

นึกออกแล้ว..

“เรนะ… เธอนั่นเอง ฉัน..ตายไปแล้วรอบหนึ่ง…”