บทที่ 70 มาหาความยุติธรรม

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 70 มาหาความยุติธรรม

“พี่เถาฮวา ฉันขอทำลายของในบ้านได้ไหม” มีผู้หญิงทนฟังไม่ไหวจึงเอ่ยถาม

“ให้สะใภ้สามเข้ามาดูที สินสอดทองหมั้นของหมานซิ่วเก็บมาให้หมด ส่วนอย่างอื่นของมันก็ทำลายไปซะ!”

“ฉันรู้ว่าสินสอดทองหมั้นของหม่านซิ่วคืออันไหน ให้สามีฉันทำลายแทนเถอะ” ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบแสดงตนเพราะไม่อยากรบกวนภรรยาของเหล่าซาน

ณ ลานบ้าน คุณย่าซูคร่อมร่างยายหวังแล้วทุบตีเธอ ผมของยายหวังกระเซิง เสื้อผ้าขาดวิ่น ใบหน้าถูกตบจนเป็นรอยฟกช้ำดำเขียว

คุณย่าซูเป็นกำลังหลักในการสู้ ส่วนลูกสะใภ้ที่อยู่ข้างกายรีบเข้ามาร่วมด้วย ไม่อาจทนเห็นคุณย่าซูทนทุกข์ทรมานได้

ยายหวังให้กำเนิดลูกชายสี่คนและลูกสาวสามคน นอกจากซูหม่านซิ่วก็ยังมีลูกสะใภ้อีกสามคน

แต่ปกตินางใจร้ายกับลูกสะใภ้ โดยเฉพาะในคืนที่เธอตะโกนให้ไอ้หมาหวังทุบตีซูหม่านซิ่วให้ตาย พวกลูกสะใภ้รู้สึกว่าแม่สามีคนนี้น่ารังเกียจเกินไป แม้จะถูกสามีที่บ้านบังคับให้ช่วยทำงาน แต่ก็ไม่ได้ออกแรงอะไรมาก

ส่วนลูกสาวของนางทั้งสามคนถูกขังอยู่ในบ้านใหญ่ ตอนนี้คิดจะออกมาช่วยเหลือแต่จะออกมาจากวงล้อมได้อย่างไรกัน?

ส่วนพวกลูกชายของบ้านหวัง พอเห็นว่าแม่เฒ่าเสียเปรียบจึงคิดจะมาช่วย ทว่าก็ถูกพวกผู้ชายในลานบ้านขวางทางเอาไว้

“แน่ใจหรือว่าพวกผู้ชายก็จะสู้ด้วย” ซูฉางจิ่วกล่าวอย่างเย็นชา

วันนี้เขาโกรธมาก แม้จะเคยเห็นพวกหน้าด้านมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านได้เท่าคนบ้านนี้เลย

เขายังได้ยินคำพูดของไอ้หมาหวังอย่างชัดเจน ซูหม่านซิ่วถูกบังคับให้ฆ่าตัวตาย ยายแก่ไร้ยางอายคนนี้ยังบอกอีกว่าหม่านซิ่วหนีไปกับใครบางคน!

คนตายไปแล้วแถมยังเสียชื่อเสียงอีก ไม่อาจยกโทษได้

พวกผู้ชายบ้านหวังมองดูท่าทางก้าวร้าวของพวกผู้ชายจากชุมชนการผลิตหงซินก็พลันตกใจกลัว

ครอบครัวผู้เฒ่าหวังใจร้ายเกินไป แถมคนในชุมชนการผลิตของตนยังไม่คิดจะช่วยอีก เอาแต่ยืนดูความสนุกสนานอยู่ใกล้ ๆ ไม่เฉียดเข้ามาใกล้แต่น้อย

ทำได้แค่พึ่งพาคนในครอบครัวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเอาชนะคนจำนวนมากได้อย่างแน่นอน

“หัวหน้า คุณทนมองคนจากชุมชนการผลิตอื่นรังแกพวกเราได้อย่างไร” ในที่สุดยายหวังก็ตอบโต้

หัวหน้าคือคนจากตระกูลหลี่ เขาเคยได้ยินเรื่องไร้ศีลธรรมที่ตระกูลหวังทำมาแล้ว เดิมทีไม่ได้คิดจะใส่ใจ แต่ยายหวังพูดถูก คนของชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางถูกคนจากชุมชนการผลิตหงซินมาทุบตีถึงบ้าน ถ้าเขาไม่พูดอะไรสักหน่อย หลังจากนี้ก็กลัวว่าจะไม่เหลือหน้าอะไร

“หัวหน้าซู ถ้ามีเรื่องอยากพูด ทำไมพวกเราไม่มานั่งพูดกันดี ๆ ล่ะ? มารุมกันแบบนี้มันดูไม่งามนะ!”

พอได้ยินหัวหน้าหลี่พูดจาล้อกันเล่น ซูฉางจิ่วจึงกล่าวเสียงเย็น “ต่อให้คุณไม่มาหาผม ผมก็ไปหาคุณเพื่อคุยด้วยอยู่ดี คุณดูแลชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางไม่ได้เรื่องเลยนะ รองเท้าขาดถึงขนาดนี้ยังไม่สนใจอีก แล้วจะได้รับความไว้วางใจจากทางเบื้องบนไหม?”

หัวหน้าหลี่ตกตะลึง จะไปไร้สามัญสำนึกขนาดนี้ได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าควรคุยกับเขาดี ๆ หรอกหรือ แล้วทำไมมันกลายเป็นเรื่องที่สู้กันทางความคิดได้ล่ะ?

แต่ที่ซูฉางจิ่วว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เพราะแม่ม่ายเสี่ยวหลิวชุ่ยเก็บสามเกี่ยวสี่*[3] กับผู้ชายในหมู่บ้านอยู่หลายคน เขาคิดว่าแม่ม่ายคนนี้มีชีวิตที่ไม่ดีจึงหลับหูหลับตาไป แต่ไม่คิดว่าจะทำให้ชีวิตคนอื่นถึงฆาต

“หัวหน้าซู นี่มันหมายจะเอาชีวิตกันเลยนะ มันไม่สมควรเลย!” หัวหน้าหลี่กล่าวอย่างกล้าหาญ “ถึงคนที่มาจะเยอะ แต่คนในชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางของพวกเราก็ไม่น้อยเช่นกัน!”

“เฮ้ย นี่มันใช้อำนาจแล้วไหม? หัวหน้าหลี่ คุณวางแผนจะใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์เพื่อล้อมพวกเราหรือ? ชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางช่างดีเหลือเกิน!” ซูฉางจิ่วไม่กลัวเลย วาจาล้วนเยาะเย้ยถากถาง

หัวหน้าหลี่จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้ชุมชนการผลิตหงซินมีคนเบื้องบนคอยดูแลอยู่ ถ้าชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางเสียท่าจริง ๆ จากนี้ไปคงไม่มีชีวิตที่ดีแน่

“หัวหน้าคะ อย่าสนใจเรื่องนี้เลย มันไม่ใช่เรื่องของสองชุมชน แต่เป็นเรื่องของบ้านซูกับบ้านหวังต่างหาก”

เจ้าหน้าที่ฝ่ายหญิงของชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางเก่งในเรื่องหาเหตุผลมาก จึงรีบช่วยหัวหน้าหลี่

หัวหน้าหลี่ก็คิดเช่นนั้นจึงพยักหน้า “คุณบอกว่าเป็นเรื่องของบ้านหวังกับบ้านซู งั้นเราก็อย่ายื่นมือไปเลย คนบ้านซูไม่อยู่แล้ว ไม่งั้นจะทำให้คนเขาโกรธเอาได้”

ซูฉางจิ่วพอใจ

ตอนนั้นเองก็มีคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามา แล้วยังพาผู้ชายที่มีพละกำลังอีกหลายคนเข้ามาด้วย

“กล้ามาวิ่งเล่นที่ชุมชนการผลิตของเรา คิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน?” ซูฉางจิ่วที่เป็นผู้นำก็รู้จักเขาเช่นกัน นั่นคือหลี่เต๋อเหลียง หัวหน้าทหารกองหนุนของชุมชนการผลิตเซี่ยงหยาง

ในเมื่อหัวหน้าหลี่ไม่คิดสนใจเรื่องนี้ แต่จู่ ๆ ก็มีคนออกมาสนใจแทน ซูฉางจิ่วจึงเหลือบมองผู้เป็นหัวหน้าชุมชนเล็กน้อย

หัวหน้าหลี่รีบดุ “เต๋อเหลียง แกกำลังทำอะไร?”

“หัวหน้า เราจะให้คนอื่นมาข่มเหงคนของชุมชนพวกเราไม่ได้นะ ถ้าข่าวแพร่ออกไปจากนี้เราคงไม่มีหน้าออกไปไหนแน่”

ถึงจะพูดถูก แต่ซูฉางจิ่วรู้สึกว่าตอนที่หลี่เต๋อเหลียงพูด แววตาดูล่อกแล่ก เหมือนจะมุ่งไปทางฝั่งบ้านเจ้าสาว

หลี่เต๋อเหลียงในความทรงจำของเขาเป็นคนที่ทำอะไรก็เพื่อผลประโยนชน์ ที่สอดมือเข้ามาแบบนี้เกรงว่าจะมีเหตุผลอื่น

จู่ ๆ เขาก็คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา!

ชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางนี้ช่างยุ่งเหยิงจริง ๆ

“พูดแบบนี้ก็น่าเกลียดไปหน่อยนะ คนของชุมชนเราล้วนมีเหตุผล”

“นี่คือมีเหตุผลแล้วหรือ? แม้แต่กางเกงของผู้หญิงก็ยังถอดเลย!” หลี่เต๋อเหลียงเห็นว่าหลิวเสี่ยวฉุยก็ถูกดึงกางเกงลงมา แถมร้องไห้อย่างน่าสมเพช จึงอดเอ่ยปากไม่ได้

“คนบางคนไม่สมควรใส่กางเกงหรอก งั้นก็อย่าใส่เลย!” ซูเถาฮวาว่า

อันที่จริงหลี่เต๋อเหลียงก็เป็นคนรู้จัก ไม่ใช่ใครอื่น ญาติผู้พี่ของนักบัญชีหลี่สามีของซูเถาฮวา

แต่ซูเถาฮวาก็ไม่ชอบญาติผู้พี่ตรงเบื้องหน้านี้อยู่ดี เพราะเนื้อแท้เป็นพวกเล่ห์เหลี่ยม

“แต่เธอเป็นสะใภ้ของตระกูลหลี่นะ!” หลี่เต๋อเหลียงกัดฟันกรอด

ผู้หญิงคนนี้ใจดำอำมหิตจริง ๆ!

“ท่าทางเหมือนอยากจะกินฉันเลยนะ เหมือนกับว่าฉันไปตบตระกูลหลี่อย่างนั้นแหละ” ซูเถาฮวาไม่กลัวเขาเลย

ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ใช้ชีวิตที่ชุมชนการผลิตนี้เสียหน่อย จะกลัวอะไร?

“หัวหน้าหลี่ คุณก็เห็นว่านอกจากคนเริ่มแล้ว สมาชิกของชุมชนเรายังไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียวเลย” ซูฉางจิ่วเยาะเย้ย

“เต๋อเหลียง อย่ามาทำให้ยุ่งเหยิงนะ!” หัวหน้าหลี่ดุ

“หัวหน้า คุณเพิ่งเห็นพวกเขาทำเรื่องไร้สาระมาเยอะ นี่มันจะไปต่างอะไรกับโจรล่ะครับ?” ยิ่งหลี่เต๋อเหลียงมองดูมันมากเท่าไรก็ยิ่งทุกข์มากขึ้นเท่านั้น และน้ำเสียงก็เจ็บปวดมาก

“คนของเราเสียไปแล้วหนึ่งคนเลยมาหาความยุติธรรม เลยมาช่วยชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางแก้พฤติกรรมสักหน่อย แล้วเราจะเป็นโจรได้อย่างไร ถ้ามันไม่ได้ออกมาจากปากคุณน่ะ? เรื่องนี้ผมคงต้องไปที่สำนักงานของผู้ดูแลเฉียนเพื่อพูดคุยกับเขาแล้ว” ซูฉางจิ่วพูดอย่างไม่ใส่ใจ