ตอนที่ 107 บทที่ 6 ตอนที่ 24

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6ตอนที่24

 

 

「เล็งไปที่อีคอร์สงั้นเหรอ!」

 

คามิลล่าตกใจกับคำพูดของเคน

 

「ก็ระดับนั้นมันไม่เพียงพอจะจัดการไอ้โนโซมุนี่? หากผู้อาศัยอยู่ในเมืองมันไม่พอ ก็ไม่มีทางเลือกต้องตั้งเป้าให้เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ที่ยิ่งใหญ่กว่าชาวเมืองไง」

 

「เพราะงั้นก็เลยเล็งเป้าใส่พวกเด็กเนี่ยนะ!?」

 

เนื่องจากมันยังไม่เพียงพอและยังบรรลุเป้าหมายไม่ได้ เขาจึงตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นและคิดว่าที่ทำไม่ได้ผิด

 

 

อย่างไรก็ตาม หากเล็งอะไรใหญ่ๆก็น่าจะพวกวีไอพีส่วนเหนือสิ

 

 

 

「ส่วนการรักษาความปลอดภัยทางเหนือมันเข้มงวดมาก แม้จะได้ความช่วยเหลือจากเธอ ก็อาจทำได้ยาก เพราะความไม่แน่นอนมันเยอะ」

 

วีไอพีจากแต่ละประเทศอยู่ที่นั่น และเป็นไปได้ที่ว่าเคนจะรู้ว่าการรักษาความปลอดภัยทางตอนเหนือมันเข้มงวดมาก

 

「แต่ว่าถ้าเป็นเด็กที่สถาบันอีคอร์สที่อ่อนแอและมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้น คิดว่าจิฮัดจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไหมล่ะ คิดว่าเขาจะปล่อยให้คนแบบนั้นทำร้ายเด็กๆที่น่ารักได้เหรอ?」

 

อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ที่ลงทะเบียนที่อีคอร์สเป็นเด็กเล็ก แม้จะมีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครปกป้องตัวเองได้

 

 

หากเรื่องราวที่ว่าทำร้ายเด็กตัวน้อยแพร่กระจายออกไป การที่โนโซมุถูกมองใหม่ ได้ล้มเหลวแน่นอน และเขาก็จะโดนตัดสินโทษว่าเป็นผู้กระทำความผิดอย่างสมบูรณ์ และถูกส่งไปเป็นทาสแรงงานในเหมืองหรือค่ายพักที่ไหนสักแห่ง อย่างน้อยที่สุดก็โดนไล่ออกจากสถาบัน

 

 

ใบหน้าของเคนบิดเบี้ยวอย่างมีความสุข อาจเป็นเพราะเขานึกถึงฉากนั้น

 

「บ้าไปแล้ว……」

 

ขระกัดฟัน คามิลล่ารู้สึกกลัวกับความหลงผิดในตัวของเคน

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม คามิลล่าไม่คิดว่าการโจมตีอีคอร์สจะง่ายขนาดนั้น อย่างที่เคนกล่าว

 

 

เด็กที่ลงทะเบียนในสถาบันอีคอร์สนั้นมีความสามารถ แต่พวกเขาก็เป็นไข่ที่ยังไม่ฝักตัวดี ซึ่งนั่นก็จะเป็นตัวกระตุ้นจิฮัดอย่างมาก

หอพักที่อาศัยอยู่ก็ใกล้กับสถาบัน และอาจารย์บางคนก็อาศัยอยู่ในนามดูแลความปลอดภัย

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่ามันไม่ง่ายหรอก

 

 

 

「ก็ไม่เชิงหรอก เมื่อเร็วๆนี้เห็นนักเรียนของอีคอร์สไปที่ห้องสมุดตอนดึกด้วย น่าจะแถวๆนี้……」

 

เคนเริ่มมองไปรอบๆด้วยตัวตนของโนโซมุ

 

「คามิลล่ารอยู่ห่างๆ หากเธอเอะอะเดี๋ยวคนจะมารวมตัวกันแน่นอนว่าพวกทหารเองก็จะมา แต่ว่าฉันเองก็ผ่านไปได้อยู่ดีและต้องหลบหนีขณะใช้ตัวตนอันแสนน่ารังเกียจนี้ ดังนั้นช่วยสนับสนุนหน่อย」

 

「เดี๋ยวก่อนสิเคน รอก่อน!」

 

คามิลล่าพยายามหยุดเขา อย่างไรก็ตามเคนพูดออกไปโดยไม่สนใจอะไร

 

 

คามิลล่ารู้สึกกลัวอย่างมากกับการที่เคนหายตัวไปในความมืด รีบหยิบหินเวทย์ออกจากอกเธอ

 

 

 

「บ้าเอ้ย ! อาจารย์จิฮัดได้ยินไหม??? อาจารย์จิฮัด!」

 

หากไม่ทำอะไรเด็กตัวน้อยๆจะต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

 

แม้ว่าพยายามจะขึ้นเสียงเพื่อสื่อสารแต่ว่ามันก็ปล่อยสีแดงจางๆที่ฝ่ามือเท่านั้น และไม่มีการตอบสนอง

 

「ทำไมไม่มีใครตอบเลย!?」

 

คามิลล่ากรีดร้อง

 

 

ถ้าไม่สามารถหยุดเคนได้ สิ่งเลวร้ายนั้นผุดขึ้นมาในใจเธอ

 

 

เด็กตัวน้อยๆจะต้องมาตาย และเคนที่อยู่ในร่างของโนโซมุจะยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยมขณะที่ยืนท่ามกลางทะเลเลือด

 

 

เมื่อพิจารณาถึงความผิดปกติของเคน ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมาไกลขนาดนี้

 

 

 

「บางทีอาจจะเสียแล้วงั้นเหรอ ? ทุกคนตอบหน่อย ! เคนเล็งเป้าไปที่พวกเด็กๆจากสถาบันอีคอร์ส!」

 

คามิลล่ากรีดร้องอย่างสิ้นหวัง แต่ทันใดนั้นก็จำคำพูดของจิฮัดว่าน่าจะมีตัวตนอยู่รอบๆเธอ

 

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายที่จะหาพบได้ คามิลล่าตะโกนด้วยความกังวลใจ

 

 

 

「นี่ คนที่ตามฉันมาน่ะ ! รีบเอาเรื่องนี้ไปแจ้งให้อาจารย์จิฮัดเร็วเข้า!」

 

แม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่ว่าน่าจะมีคนตามมาอย่างแน่นอน เมื่อคิดอย่างนั้นเธอเลยส่งเสียงออกไป แต่ว่าก็เงียบไม่มีคำตอบ

 

 

สถานการณ์ที่ไม่มีการตอบกลับเช่นนี้ยิ่งทำให้ใจร้อนรนขึ้นไปอีก

 

 

 

「บ้าเอ้ย!」

 

คามิลล่าโยนหินเวทย์ทิ้งไว้และไล่ตามเคน

 

 

ไม่มีเวลามากแล้ว เธอรีบวิ่งไปที่ห้องสมุด ขยับขาอย่างเร่งรีบ

 

 

ในไม่ช้าก็เห็นอาคารห้องสมุดเข้ามาในสายตา อาคารที่มีอิฐดินเหนียวสีแดงซ้อนกัน ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าบ้านเรือนโดยรอบ

 

 

ข้างหน้านั้นมีนักเรียนชายคนหนึ่งในชุดของสถาบันโซลมินาติและเด็กหญิงสองคนในเครื่องแบบอีคอร์ส

 

 

แม้ว่าจะเป็นแผ่นหลังของผู้ชายแต่เธอก็เข้าใจได้ว่านั่นคือเคนที่ปลอมตัวเป็นโนโซมุ

 

 

 

「อาา……..ไม่….ใช่…คุณ……」

 

ในบรรดานักเรียนหญิงสองคน สาวผมสั้นผมสีดำกำลังคุยกับเคน ยังมีระยะห่างและไม่ได้ยินบทสนทนา

 

 

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศของเคนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

 

 

เขาเกาหัวและข้างๆเขาก็มีของเหลวที่เริ่มแข็งตัวขึ้น

 

 

ในใจของคามิลล่าที่ร้อนรนนั้น บอกว่าเคนมันเอาจริงและพยายามจะฆ่าเด็กตรงหน้าด้วยร่างของโนโซมุ

 

 

อาการผิดปกติของเคนมันบ้าไปแล้ว จากนั้นก็หยิบแท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่เจาะเท้าของเด็กผู้หญิง

 

 

เด็กหญิงคนนั้นล้มฟุบลงไปพร้อมกับหมดสติ พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา และจากนั้นเคนก็ไล่ตามเด็กสาวที่ล้มลง

 

 

เคนก้าวไปข้างหน้าเพื่อเข้าไปหาเด็กสาวคนนั้นและเอื้อมมือจับดาบที่อยู่ที่เอว

 

 

 

「อาาาาาาาาาาาาาา!!」

 

มันสายเกินไปแล้ว เมื่อพิจารณาเช่นนั้น คามิลล่าก็หยิบไม้เท้าจากหลังเธอและร่ายเวทและสร้าง หอกดินขึ้นมาตรงหน้าอย่างรวดเร็วและกระแทกมันเข้ากับหลังของเคน

 

 

◆◇◆

 

 

เสียงครวญครางดังก้องไปทั่วห้องศูนย์กลางควันและฝุ่งฟุ้งกระจาย เมื่อหรี่ตามองก็มีหลายคนนอนอยู่บนพื้น

 

「ทุกคนปลอดภัยไหม!?」

 

「อ่า เอิ่ม ไม่เป็นไร」

 

「เจ็บโว้ย…..อะไรกันว่ะเนี่ย……」

 

คนแรกที่ลุกขึ้นคือจิฮัดและเมาส์ เดินทีที่มีความทนทานและสวมเกราะทั่วทั้งตัว เลยได้รับแรงกระแทกน้อยกว่า

 

 

ต่อมาอินด้ากับทอมก็ลุกขึ้น จากนั้นทิม่าและซีน่าก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน

 

 

จิฮัดตรวจสภาพทุกคนและแม้ว่าจะมีรอยขีดข่วนอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

 

จิฮัดโล่งฝจขณะลูบหน้าอก แต่จ้องมองไปยังใจกลางด้วยท่าทีเคร่งขรึม

 

 

มีหินรับสารที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งเผยให้เห็นภาพที่ไม่น่าพอใจ และเศษที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้น

 

 

 

「……ผิดพลาดในการควบคุมพลังเวทย์งั้นเหรอ?」

 

「ไม่ ก็เป็นความจริงอยู่หรอกที่ทิม่าซังปล่อยพลังออกมาจำนวนหนึ่ง แต่พลังเวทย์นั้นไหลออกมาเพียงเล็กน้อยและมีไว้รวบรวมพลังภูติ ไม่ใช่ส่งตรงไปที่หินรับสารและเป็นการยากที่จะจินตนาการ」

 

พลังเวทย์มหาศาลของทิม่านั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเทลงในหินรับสารที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ นั่นคือเหตุผลที่ใช้วงเวทย์เพื่อดึงดูดพลังภูติและเสริมการสื่อสารด้วยพลังของซีน่า

 

「และคิดว่าขนาดของการระเบิดมันเล็กเกินไป หากพลังเวทย์ของทิม่าทำให้ระเบิดจริง ห้องนี้พังสนิทแน่」

 

จิฮัดพยักหน้าเล็กน้อยกับคำอธิบายของอินด้า

 

 

ตราบใดที่พลังเวทย์ไม่ได้ถูกเทไปที่หินรับสาร อีกสิ่งหนึ่งก็คือซีน่าที่รับผิดชอบพลังภูติ

 

 

 

「อืมก็จริงนะ ถ้างั้นซีน่าด้านพลังภูติล่ะ?」

 

「จนกระทั่งก่อนเกิดการระเบิด ภูติก็เชื่อฟังดีนะคะ อย่างไรก็ตามก่อนระเบิดพวกภูติดูร้อนใจมากและคิดว่ารู้มาล่วงหน้าเลยค่ะ」

 

สิ่งนี้เองก็ไม่น่าเป็นไปได้ ทั้งพลังเวทย์และพลังภูติถูกใช้อย่างเหมาะสม

 

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นหินรับสารเอง

 

 

แน่นอนว่าการดทดสอบความทนทานอยู่ในระหว่างดำเนินการ และเป็นเทคโนโลยีที่สร้างเสร็จใหม่ๆ และถึงแม้ว่าจะสร้างขึ้นในสถาบันระดับท็อปของทวีป แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่มีปัญหาบางอย่าง

 

 

 

「อย่างไรก็ตามพอคิดดูแล้ว ก็ไม่ได้คำตอบไว้ให้ทอร์เกรนตรวจสอบที่หลัง……」

 

อย่างไรก็ตามจิฮัดตัดสินใจทันทีว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว

 

 

แม้จะมีเรื่องต่างๆให้คิดแต่ก็ยังต้องดำเนินการต่อ

 

 

 

「……แล้วการสื่อสารจะทำยังไง?」

 

「……ทำอะไรไม่ได้ เพราะหินรับสารพังแล้วเพราะงั้นวงจรถูกตัดโดยสมบูรณ์」

 

อินด้าชี้มือไปที่หินรับสารที่แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ไม่ได้ยินเสียงใครตอบกลับ

 

 

ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อพลังเวทย์ที่ใส่เข้าไป และมันก็เงียบสนิท

 

 

 

「ซ่อมได้ไหม?」

 

「อาจจะได้ แต่ถ้าหินรับสารเป็นแบบนี้……」

 

อินด้าและจิฮัดจ้องมองไปยังหินรับสารที่แตกกระจายอยู่บนพื้น จากมุมมองของมือสมัครเล่น เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางจะซ่อมได้แล้ว

 

「……ช่วยไม่ได้ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ผู้ส่งสารแล้ว」

 

ที่ศูนย์กลางยังมีคนส่งสารเตรียมการไว้อยู่

 

 

เนื่องจากวิธีการสื่อสารถูกทำลาย ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากส่งผู้ส่งสารไปทั้งสี่จุดเพื่อแจ้งให้ทราบ

 

「แล้วจะเอาไง?」

 

「หากไม่สามารถเชื่อมต่อกับแต่ละพื้นที่ได้ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดถี่ถ้วน บางทีเคน โนทิสอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ว่าก็จะเจาะลึกไปที่เขตปกครองกับเขตย่านการค้าเป็นพิเศษ」

 

ที่หน้าศูนย์กลาง ทหารส่งสารเตรียมตัวรอคำแนะนำของจิฮัด

 

 

จิฮัดยืนต่อหน้าทหารส่งสารที่รวมตัวกันและบอกเขาถึงสถานการณ์ปัจจุบันและคำสั่งให้แก่ทหารแต่ละพื้นที่

 

「ผู้ส่งสารทุกคนขอให้ออกกระจายสารไปทั่วเมือง ขอโทษด้วยที่ต้องให้มาตามเช็ดก้นแบบนี้……」

 

「ไม่ต้องกังวลหรอกครับ พวกเรามีไว้เพื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว」

 

ทหารส่งสารโค้งคำนับจิฮัดและหันหลังรีบกระจายเข้าไปในเมือง

 

 

เมื่อจิฮัดเห็นพวกนั้นออกไป อินด้าและทิม่าก็กำลังคุยกันเรื่องหินรับสารที่แตก

 

 

 

「แต่ว่ามันอันตรายนะ……」

 

「เห็นด้วย มันควบคุมยากกว่ามากและอันตรายมากกว่าเดิม แต่เวลาเรามีจำกัดนะคะ」

 

จิฮัดขมวดคิ้วกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

 

「เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?」

 

ซีน่าและคนอื่นๆหันไปมองจิฮัดที่ส่งเสียงทัก อินด้าถือของบางอย่างในมือและกำลังมองไปที่วงเวทย์

 

 

เมื่อจิฮัดมองเข้าไปในมือก็เห็นว่ามีหินเวทย์มากมายกองอยู่บนโต๊ะราวกับอะไหล่

 

 

 

「เป็นอะไรไป?」

 

「พวกเราก็แค่คิดว่าจะกู้คืนการสื่อสารกลับมาชั่วคราวค่ะ……」

 

ดวงตาของจิฮัดจ้องมองอินด้า

 

「อินด้ารีบอธิบายที」

 

「อืม แต่เดิมแล้วหินเวทย์ก็ทำมาจากหินรับสารนี้ และหินเวทย์ที่ใช้ในการทำงานก็คือหินรับสารที่แตกเป็นเสี่ยงๆ」

 

อินด้าหยิบหินเวทย์ขึ้นมาก้อนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะด้วยมือขวาแล้วชูไว้ข้างหน้าเพื่อให้ทุกคนมอง

 

 

นอกจากนี้ชิ้นส่วนของหินรับสารที่กระจัดกระจายบนพื้นยังถูกหยิบขึ้นมาในมือซ้ายและจัดเรียงเพื่อเปรียบเทียบกัน

 

 

 

「แม้ว่าจะมีการดัดแปลงบางอย่าง แต่เดิมหินแฝดนั้นก็ทำมาจากส่วนหนึ่งของหินรับสาร เดินทีไม่มีวิธีที่จะใช้หินแฝดสื่อสารกันอยู่ และการเชื่อมต่อระหว่างหินแฝดมันอ่อนกำลังมาก อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะเบาบาง แต่ถ้าการเชื่อมต่อของพลังเวทย์ไม่ได้พังโดยสมบูรณ์ ก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น……」

 

ในขั้นต้น หินรับสารนั้นมีความเกี่ยวพันทางพลังเวทย์ ในขั้นต้นก็ใช้เพื่อสร้างการสื่อสารที่ซับซ้อน

 

 

อย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อนั้นไม่มั่นคงและไม่เหมาะกับการใช้งานจริง

 

 

ดังนั้นโดยการสร้างวงเวทย์ขึ้นมาเพื่อเสริมพลังและใช้การเชื่อมต่อที่เฉพาะเจาะจง และสุดท้ายก็ใช้เป็นเครื่องวิเศษ อย่าง หินแฝดนี่

 

「กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเป็นไปได้ว่าจะทำให้เศษหินที่แตกมาจากหินรับสารทำหน้าที่เป็นตัวรับสารและใช้เป็นแกนกลาง?」

 

อินด้าพยักหน้า

 

 

หากสามารถทำได้ก็อาจสร้างการสื่อสารขึ้นมาได้อีกครั้ง

 

 

อย่างไรก็ตาม กลไกที่ใช้สำหรับหินรับสารและหินเวทย์ถูกสร้างขึ้นโดยสถาบันกลอวรัม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงในทวีป ถ้าแค่เศษหินสามารถใช้ในการสื่อสารได้มันก็คงจะเกินมือมนุษย์ไปหน่อย

 

 

 

「เป็นไปได้งั้นเหรอ?」

 

「ความเชื่อมโยงมันบางมากจนพูดได้ว่าแทบไม่มีเลย แต่ก็ไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ก่อนหน้านี้ด้วยความช่วยเหลือของทิม่าและซีน่า คิดว่าน่าจะพอสื่อสารได้ในระยะเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตาม หินแฝดก็ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อใช้สื่อสารอยู่แล้ว……」

 

เท่าที่ได้ยินเรื่องราว ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ถ้ามีความสามารถของซีน่าและทิม่า

 

 

ตามที่อินด้ากล่าว หินแฝดก็ถูกสร้างเป็นอุปกรณ์พกพาที่ใช้ส่องแสงไม่ได้ใช้ในการสื่อสาร และไม่มีตัวนำในการสื่อสารด้วย

 

 

 

「……แล้วมันอันตรายมากเลยนี่ใช่ไหม」

 

「อืม อย่างไรก็ตาม โอกาสสำเร็จก็น่าจะต่ำด้วยค่ะ」

 

อินด้าเหลือบมองซีน่าและคนอื่นๆที่กำลังลังเล  

 

 

ในขั้นต้นจิฮัดไม่ยอมให้ทำแน่ๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าอินด้าพูดก็แสดงว่ามันยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง

 

 

จิฮัดคิดครู่หนึ่ง

 

 

แน่นอนว่ามันอันตราย ความจริงแล้ว การระเบิดเหมือนก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ศูนย์

 

 

อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องใช้จริงๆ แม้ว่าจะมีทหารส่งสาร แต่ว่าความต่างของการสื่อสารมันชัดเจน

 

 

เมื่อสรุปได้ จิฮัดก็หันไปหาพวกซีน่า

 

 

 

「……งั้นก็จัดการเลย อินด้าและทอมใช้ตัวหินแฝดในการสื่อสารและทิม่ากับซีน่าคอยขยายและรักษาวงจรเวทย์ที่หายไป」

 

「ฮ่ะ!」

 

「เข้าใจแล้ว」

 

ทิม่าและเพื่อนๆเริ่มเคลื่อนไหวตามคำบอกกล่าว

 

 

จิฮัดกำลังลูบคางขณะที่เรียกเมาส์ที่อยู่ห่างๆ

 

 

 

「เมาส์ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉิน จะรีบทำลายหินนี่โดยทันที」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว ถ้างั้นจะให้เตรียมบาเรียเวทย์แบบพิเศษใช่ไหม」

 

ขณะที่พยักหน้าก็จ้องมองอินด้า

 

 

และไม่กี่นาทีต่อมา ณ ศูนย์กลางก็เต็มไปด้วยแสงอันทรงพลัง

 

 

◆◇◆

 

 

โนโซมุโกรธบารอซซ่าและเพื่อนของเขาที่บอกให้รอฟังเหตุการณ์เงียบๆ

 

「จิบิน ไม่มีการติดต่อใดๆมาจากศูนย์กลางเลยเหรอ?」

 

「ครับ การสื่อสารหายไปโดยสิ้นเชิง」

 

เมื่อบารอซซ่าพยายามจะถาม เขาก็วางมือบนหน้าผากและแหงนมองฟ้า

 

 

โนโซมุที่เฝ้าดูบรรยากาศของบารอซซ่าและคนอื่นๆที่อยู่ข้างกันกำลังไตร่ตรองถึงสาเหตุ แต่จริงๆแล้วมันมีข้อมูลน้อยเกินไป

 

「……เกิดอะไรขึ้นกันแน่?」

 

โนโซมุถามบารอซซ่าและจิบินกับสถานการณ์ในตอนนี้ แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วยังคงตัดสินใจอะไรไม่ได้

 

「อืม แต่เดิมหินเวทย์นี่ก็เป็นของต้นแบบที่เพิ่งสร้างขึ้นมาและไม่แปลกที่มันจะมีข้อผิดพลาด」

 

บารอซซ่ายักไหล่ราวกับว่าช่วยไม่ได้

 

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ดีเลยสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ แบบนี้มันก็ยืนยันข้อแก้ตัวของโนโซมุไม่ได้

 

 

ใบหน้าของโนโซมุนั้นเริ่มมีความร้อนรน

 

 

จนถึงตอนนี้ยังได้ข้อมูลไม่มากจนกระทั่งได้แลกเปลี่ยนกันนิดหน่อย แม้ว่าจะเห็นเคนเดินไปทั่วและรู้ตำแหน่งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ตอนนี้เขาเองก็เคลื่อนไหวตามใจชอบไม่ได้ หากไม่ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้าให้พวกจิฮัดฟัง สุดท้ายก็ต้องลากพวกพ้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับความวุ่นวาย

 

 

โนโซมุซูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่งและหายใจออกเพื่อทำใจให้สงบ

 

 

และในขณะที่เผชิญหน้ากับจิบินและบารอซซ่าที่กำลังพูดถึงหินเวทย์ที่ไร้ประโยชน์

 

 

 

「บารอซซ่าซัง ทำไมไม่ไปที่ศูนย์กลางเพื่อยืนยันเรื่องนี้ล่ะครับ? หากคอยติดตามผมอยู่ก็น่าจะทราบความจริงแล้วนี่……」

 

บารอซซ่าได้ยินคำแนะนำของโนโซมุ เอามือแตะคางแล้วเริ่มคิด เพราะคิดว่าข้อเสนอของเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

 

แน่นอนว่าภารกิจของเขาคือจับพิรุธโนโซมุ ถ้าไม่ได้ละสายตาขากเขา ก็สามารถทำภารกิจต่อไปได้

 

 

 

「อืม แต่ว่ามีทหารส่งสารอยู่ที่ศูนย์กลาง? นอกจากทีมอื่นๆที่ลาดตระเวนในเมืองแล้ว พวกเราก็ไม่ได้มีคำสั่งให้เคลื่อนไหว ดังนั้นรอจนกว่าผู้ส่งสารจะมาถึงดีกว่า มันจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น และจะได้เข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายขึ้นด้วย」

 

บารอซซ่าคิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็ต้องปฏิเสธข้อเสนอของโนโซมุเพราะมีผู้ส่งสารอยู่แล้ว

 

 

อย่างที่บารอซซ่าบอก ผู้ส่งสารนั้นถูกเตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉิน

 

 

หากเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าจะทำให้สถานการณ์ลำบากเข้าไปอีก

 

 

โนโซมุคิดว่าไม่มีปัญหาหากจะรอผู้ส่งสารมาและพยักหน้ารับ

 

 

ความร้อนใจยังกังวลอยู่ในส่วนลึกของอกโนโซมุ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็พอทำใจได้

 

 

 

「เอ๊ะ?」

 

ในเวลานั้นดวงตาของจิบินเองก็หรี่ลงเล็กน้อยเพราะพยายามสื่อสารติดต่อกับทีมอื่น

 

 

หินเวทย์ที่อยู่ในมือเอามาไว้ทาบหูและก็ได้ยินเสียงเล็กน้อย

 

 

 

「รุ่นพี่ มีเสียงใครบางคนดังมาจากหินเวทย์ครับ……」

 

「หืม ! ได้รับการแก้ไขแล้วงั้นเหรอ?」

 

บารอซซ่าทำสีหน้างงๆเมื่อได้ยินรายงานของจิบิน โนโซมุและบารอซซ่าต่างจ้องมองหินเวทย์

 

 

เมื่อทั้งสามคนกำลังฟังก็ได้ยินเสียงอู้อี้ผสมกับเสียงลมที่พัดผ่าน

 

 

 

“……แล้วก็……!”  

 

「เอ่อไม่ค่อยได้ยินเลยนะ?」

 

「ดูเหมือนว่าการสื่อสารยังไม่เสถียรเท่าไร」

 

เสียงที่ได้ยินมันเบามาก และคำพูดนั่นก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้

 

 

เสียงนั้นมันเบามากจนขนาดที่ว่าหากไม่ตั้งใจฟังก็ไม่ได้ยินเลย ทั้งสามพยายามทำความเข้าใจ

 

 

 

「……ไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับ?」

 

เสียงที่เปล่งออกมาจากหินเวทย์นั้นเล็กมากและแทบไม่ได้ยิน แต่โนโซมุก็รู้สึกได้ว่ามีความร้อนรนอยู่ในน้ำเสียง

 

 

บารอซซ่าเองก็เห็นด้วย  

 

 

 

「ดูท่าทางกำลังรีบมากด้วย จิบินอัดพลังเวทย์ลงไปอีกสิ」

 

「เข้าใจแล้วครับ」

 

เมื่อจิบินอัดพลังเวทย์ลงไป เสียงที่เหมือนลมกรรโชกก็ดังขึ้น และเนื้อหาก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นเพราะพลังเวทย์ที่ถูกใส่เข้าไป

 

 

ค่อนข้างเป็นปัญหาใหญ่เพราะต้องใส่พลังเวทย์เยอะเพื่อขยายเสียงของฝั่งตรงข้าม

 

 

ขณะที่ขมวดคิ้วกับเสียงที่ก้องอยู่ในหู พวกโนโซมุก็หลับตาและพยายามฟังให้ดี

 

 

 

“……! เคนบุกไปที่อีคอร์ส……”

 

เสียงนั้นสับสนจนแทบไม่ได้ยิน แต่คราวนี้นั้นเข้าใจได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม โนโซมุต่างตกตะลึงกับคำพูดนั่น

 

「หะ อีคอร์สเหรอ……」

 

「สถาบันที่อยู่ใกล้ๆกับสถาบันโซลมินาติอะนะ……」

 

ได้ยินชื่อผู้ต้องสงสัยกำลังจะบุกไปที่อีคอร์ส การคาดเดาของทั้งสามที่เหมือนกันก็ต้องตัวสั่นและขณะนั้นเองก็ร้อนใจมากขึ้น

 

 

จุดประสงค์ของเคนคือการทำให้โนโซมุโดนกดขี่จนถึงขีดสุด

 

 

การเข้าไปในสถาบันอีคอร์สซึ่งเป็นแหล่งขุมทรัพย์ที่จะเติบใหญ่ในวันข้างหน้าและมีความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุดนั้น

 

 

และเมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เขาเคยลงมือทำไปแล้ว เคนก็น่าจะลงมือโดยไม่ลังเลแน่ๆ

 

 

 

「บ้าเอ้ย!?」

 

ในเวลาเดียวกันความคิดอันแสนเลวร้ายก็ผุดเข้ามาในใจ

 

 

หากคิดว่าเคนตั้งเป้าไปที่นักเรียนของอีคอร์สและใครคือเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุดล่ะ?

 

 

สิ่งที่เข้ามาในหัวโนโซมุคือเด็กสาวที่มีผมสีดำสวยสดงดงามและมีรอยยิ้มดั่งแสงตะวัน

 

 

วินาทีต่อมาโนโซมุลุกขึ้นยืนและรีบไปที่ประตู

 

 

 

「เป้าหมายของเคนคือโซเมียจังครับ ! เพราะงั้นต่อจากนี้ไปผมจะรีบไปที่อีคอร์สทันที ! จิบินซัง ช่วยบอกผู้ส่งสารที่มาที่นี่ด้วยนะครับ!」

 

หลังจากได้รู้จักกับไอริสแล้ว ก็มีโอกาสได้พูดคุยและโซเมียเองก็มาหาที่สถาบันบ่อยๆ ไม่น่าแปลกใจที่เคนจะรู้จักโซเมีย ที่เป็นน้องสาวของเจ้าหญิงผมดำ

 

 

โนโซมุพังประตูห้องของเขาและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว บางทีเพราะไม่มีเวลามากพอแล้ว

 

 

บารอซซ่าตกใจกับการกระทำของโนโซมุขณะหนึ่ง แต่เขาก็คิดถึงการกระทำของเขาในทันที

 

 

บารอซซ่าคว้าดาบคู่ใจที่อยู่ในมือข้างๆและตามโนโซมุไปนอกห้อง บางทีอาจจะแปลกใจกับเสียงที่เตะประตูก่อนหน้านี้พวกนักเรียนเลยออกมากัน

 

 

ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ชายวัยกลางคนที่ออกมาจากห้องของโนโซมุ

 

「ข้าจะตามเจ้าหนูนั่นไปเอง จิบินรีบส่งรายงานให้ศูนย์กลางโดยด่วน!」

 

「อะ ครับ!?」

 

ขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับความอยากรู้อยากเห็นของเหล่านักเรียน  จากนั้นบารอซซ่าก็รีบวิ่งตามโนโซมุไปในทันที

 

「ฝากด้วยนะ ! เจ้าหนู ! รอก่อนสิเฟ้ย!」

 

บารอซซ่าขยับขาอย่างสิ้นหวังขณะไล่ตามโนโซมุไป

 

 

โนโซมุเอนกายไปที่ทางเดินบันไดและกระโดดลงทันที เมื่อลงถึงชั้นหนึ่งเขาก็รีบออกตัวอย่างรวดเร็ว

 

 

ประตูหน้านั้นส่งเสียงดังเหมือนกับกำลังถูกทำลาย และโนโซมุที่เปิดประตูได้ก็รีบออกไปและเข้าไปในเมืองยามราตรี

 

 

บารอซซ่ายังคงไล่หลังโนโซมุต่อไป แต่ดูเหมือนโนโซมุจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด

 

 

ในขณะที่ละเลยเสียงเรียกของผู้คุม โนโซมุยังคงวิ่งต่อไปโดยไม่รอช้า

 

 

 

「รุ่นพี่! โนโซมุคุง อาาาาาาาาาาาา!」

 

เป็นจิบินนั่นเองที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเขาเองก็รีบเก็บสัมภาระและกระโดดออกจากหอพัก

 

 

ขณะที่วิ่งผ่านพื้นที่อันมืดมิด เพื่อไปยังสถาบันโซลมินาติเพื่อรายงานเหตุการณ์

 

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ! กึก!」

 

ขณะที่หายใจด้วยความเร่งรีบเพื่อไปส่งข่าวโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามเขารู้สึกเจ็บที่หน้าอกอย่างรุนแรง

 

「อะไรวะเนี่ย!」

 

จิบินหยุดเพราะความเจ็บปวดที่ไหลเข้ามาทั่วร่าง ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงไม่พึงประสงค์ดังก้องในหัว

 

“เจอแล้ว……”

 

แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ แต่เสียงนั้นก็ได้ยินอย่างชัดเจน และความเจ็บปวดที่อกก็แล่นมากขึ้นไปอีก

 

“เจอแล้ว เจอแล้ว เจอแล้ว ผู้มีคุณสมบัติอันแสนเหมาะสมยิ่ง……”

 

「หะ เจออะไรวะ ! นี่มันอะไรกันเนี่ย โอ้ย เชี่ยเอ้ย ! อ๊ากกกกกก!」

 

ความรู้สึกคลื่นไส้ราวกับว่ามีอะไรคลืบคลานเข้ามาในร่างกายและความเจ็บปวดราวกับอวัยวะภายในถูกกลืนกิน ผิวของจิบินซีดและมี่เหงื่อไหลออกมาจำนวนมาก

 

 

แม้ว่าจะคุกเข่าลงอยู่ตรงพื้นและกอดร่างเอาไว้ แต่ความเจ็บปวดก็ไม่บรรเทาลง

 

 

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายทำให้ตาพร่ามัว และทั่วทั้งร่างยังแข็งทื่อ

 

 

ในที่สุดก็ฉึก ! มีเสียงฉีกขาดจากนั้นก็มีความร้อนที่ราวเหมือนกับเหล็กกล้าเข้ากระทบตัวจิบิน

 

 

 

「……เอ๋?」

 

เมื่อจิบินพยายามขยับร่างเขาก็เห็นของเหลวสีแดงเหนียวๆโปรยปรายอยู่

 

 

และพร้อมกับมวลสีแดงที่ชุ่มไปด้วยเลือดสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับงูกำลังมองเข้าไปในร่างกายจากท้องของเขา

 

 

งูที่ไม่มีตามีเกล็ดสีดำคลุมทั่วตัว งูมองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับเขี้ยวที่ยกขึ้นมา ขณะที่จินรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกมาจากร่างของเขา

 

 

ในที่สุดเนื้อของส่วนที่คล้ายกับศีรษะก็แยกออกเป็นสี่กลีบและมีเขี้ยวนับไม่ถ้วนงอกออกมาจากด้านใน และเมื่องูนั่นหันกลับมาก็จ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาสีแดงนับไม่ถ้วน

 

 

 

「……อา」

 

ตาสีแดงที่จ้องจิบินราวกับเลือดสดๆ โดยไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า จิบินก็หมดสติไป