ตอนที่ 118 พาไปสู่เส้นชัย!

ไม่มีใครคิดว่าเสี่ยวจือหลงจะเป็นคนที่ใจแข็ง และมีจิตใจเย็นชาถึงเพียงนี้

แต่เย่เข่อเอ๋อเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย..

ใช่.. เธอชื่นชอบและหลงใหลใบหน้าที่หล่อเหลา กับทักษะการขับรถแข่งที่เหนือชั้นของเขา แต่กิริยาของเสี่ยวจือหลงก็น่ารังเกียจเกินที่เธอจะรับได้

ความชื่นชอบ และความศรัทธาของเธอนั้นมีขีดจํากัด ใช่ว่าศักดิ์ศรีของเธอจะสามารถถูกใครเหยียบย่ำเล่นได้ง่ายๆ

“พี่เขย.. พวกเรากลับ!”

หลังจากพูดจบ เย่เข่อเอ๋อก็สะบัดหน้าเดินกลับไปที่รถเฟอรารี่สีแดงของตนเองทันที!

พอกันทีกับผู้ชายนิสัยห่วยแตกแบบนี้!!

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จู่ๆเสี่ยวจือหลงที่ร้องตะโกนไล่หลังหลินหนานไปว่า “แต่นายยังกลับไปไม่ได้!”

หลินหนานได้ยินถึงกับต้องหันไปถามเสี่ยวจือหลง พร้อมกับหัวเราะอย่างนึกขัน “หึ! ถ้าฉันจะไปซะอย่าง นายมีปัญญาขวางฉันเหรอ? ฮ่าๆๆ”

“นายคิดว่าทําร้ายคนในกลุ่มของฉันแล้ว จะสามารถเดินจากไปง่ายๆได้งั้นเหรอ? ที่นี่ไม่ใช่สนามหลังบ้านของนาย ที่จะสามารถทําอะไรตามใจก็ได้ตามใจชอบ..” เสี่ยวจือหลงตอบกลับเสียงเบา

“โอ้ ?!”

หลินหนานร้องอุทานออกมาเบาๆ เขาจงใจหยุดนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“แล้วถ้าฉันยืนยันที่จะไปล่ะ?”

“ถ้านายกล้าก็ลองดู!”

เสี่ยวจือหลงก้าวเดินเข้าไปหาหลินหนานอย่างช้าๆ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจ้องมองหลินหนานแน่นิ่ง

บรรยากาศในเวลานี้เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ

กลุ่มนักแข่งรถดูเหมือนจะเข้าใจอะไรได้ดี แต่ละคนต่างก็เดินเข้าไปยืนข้างเสี่ยวจือหลงทีละคน และหากหลินหนานคิดที่จะลงมือจริงๆ พวกเขาทั้งหมดก็ไม่รีรอที่จะบุกเข้าไปตะลุมบอนหลินหนานแน่ ในเมื่อไม่สามารถเอาชนะแบบตัวต่อตัวได้ ก็ต้องใช้วิธีหมาหมู่

แต่หลินหนานกลับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เพราะเด็กหนุ่มพวกนี้ล้วนแล้วแต่ไม่อยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว..

ดวงตาของหลินหนานจ้องมองเสี่ยวจือหลงอย่างสงบนิ่ง ในขณะที่เสี่ยวจือหลงเองก็จ้องมองหลินหนานกลับมาด้วยสายตาระแวดระวังเช่นกัน

รูปร่างของเสี่ยวจือหลงนั้นไม่นับว่าสูงมากนัก อีกทั้งยังบอบบาง ออกไปทางเอวบางร่างน้อยคล้ายกับผู้หญิงเสียมากกว่า

ใบหน้าของเขาอ่อนหวา ราวกับภาพวาด ที่ผู้วาดจงใจตวัดลายเส้นอย่างอ่อนช้อย และพิถีพิถัน นัยน์ตาทั้งสองข้างก็เป็นประกายระยิบระยับราวกับแสงของดวงดาว ในขณะที่คู่คิ้วชี้ตรงประหนึ่งกระบี่นั้น ทําให้เขายิ่งดูหล่อเหลาราวกับพระเอกในภาพยนตร์

แต่สิ่งที่มักทําให้หลายคนตกตะลึงเมื่อได้พบเห็นเสียวจือหลงก็คือ ผิวพรรณที่ขาวนวล ละเอียดละออ และผุดผ่องเสียยิ่งกว่าผิวพรรณของหญิงสาวหลายๆคนเสียอีก..

แม้กระทั่งหลินหนานเองยังอดไม่ได้ จนถึงกับเอื้อมฝามือของตนออกไป เพื่อที่จะลองสัมผัสลูบไล้ผิวพรรณที่ละเอียดละออของเสี่ยวจือหลงดูสักครั้ง

อาจเป็นเพราะหลินหนานตัดสินใจและลงมืออย่างรวดเร็ว ทําให้เสี่ยวจือหลงไม่ทันได้ตั้งตัวและปัดป้อง ฝ่ามือของหลิงนหนานจึงตรงเข้าไปสัมผัสกับใบหน้าของเขาในทันที

“เฮ้ย..”

ผู้คนที่พากันยืนมองอยู่นั้น ได้แต่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง..

หมอนี่ท่าทางแปลกๆ?

นี่มันอะไรกัน?! ผู้ชายลูบไล้ผู้ชายด้วยกันนี่นะ?

จนกระทั่งฝ่ามือของหลินหนานสัมผัสเข้ากับใบหน้าของเสี่ยวจือหลง และด้วยสัญชาติญาณทําให้เสี่ยวจือหลงถึงกับผงถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว

ขึ้นมาทันที พร้อมกับร้องตะโกนถามหลินหนานออก

ใบหน้าของเสี่ยวจือหลงเปลี่ย ไปอย่างหมดความอดทน

“นี่แกคิดจะทําอะไร? ป่วยจิตหรือยังไง?”

“พระเจ้า!! ผิวพรรณของนายทั้งอ่อนนุ่ม แล้วก็นวลเนียมนุ่มมือมากจริงๆ แม้แต่เสียงยังแหลมใสกังวาลราวกับผู้หญิง นี่นายไม่เคยสงสัยบ้างเลยเหรอว่าตัวเองน่าจะเกิดมาผิดเพศหรือเปล่า?” หลินหนานพูดขึ้นพร้อมกับทําสีหน้างุนงง

หลังจากได้เห็นสีหน้าท่าทาง และคําพูดที่ไร้มารยาทของหลินหนาน ทุกคนในที่นั้นต่างก็ทนต่อท่าทางยะโสโอหังของหลินหนานต่อไปอีกไม่ได้ และได้แต่โกรธแทนเสียวจือหลง

เสี่ยวจือหลงไม่ใช่คนที่แกจะมาล้อเล่นด้วย?

เขาเป็นถึงราชานักแข่ง!!

หมอนี้เป็นใครกัน ทําไมถึงได้กล้าเสียมารยาทกับราชานักแข่งรถแบบนี้?

ดูท่าหมอนี่คงไม่อยากจะมีชีวิตต่อแล้วสินะ?

ทุกคนต่างก็โกรธจนควันออกหู และรู้สึกว่ากําลังถูกหลินหนานเหยียบย่ำเกียรติยศศักดิ์ศรีของพวกตน เวลานี้พวกเขาต่างก็พร้อมที่จะช่วยพี่หลงชําระแค้น และสั่งสอนชายหนุ่มไร้มารยาทที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

แต่เสี่ยวจือหลงกลับพูดขึ้นเบาๆว่า “นายต้องแข่งรถกับฉันก่อน ฉันถึงจะยอมให้นายกลับไปได้!”

“นายพูดอะไรนะ?!!”

หลินหนานร้องตะโกนถามกลับไปตาโต เพราะคิดว่าตนเองคงจะฟังผิด

“ฉันพูดว่า ฉันท้านายแข่งรถกับฉัน นายกล้ามั้ยล่ะ?” เสี่ยวจือหลงท้าทาย

“ทําไมฉันต้องแข่งรถกับนายด้วย? ฉันได้ประโยชน์อะไรจากกการแข่งรถ?” หลินหนานหรี่ตามองพร้อมกับย้อนถามกลับไป

“ถ้านายเอาชนะฉันได้ เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เป็นอันว่าจบสิ้นและเลิกแล้วต่อกัน!” เสียวจือหลงตอบกลับด้วยสีหน้าที่ทางที่สงบนิ่ง

“แล้วถ้าฉันแพ้ล่ะ ?!”

“ถ้านายแพ้.. นายต้องไปแต่ตัว ทิ้งรถคันนั้นไว้ที่นี่!” เสี่ยวจือหลงตอบกลับสั้นๆ และสีหน้าของเขายังคงเฉยชาเช่นเคย

คนอื่นๆอาจจะไม่มีความรู้เรื่องรถมากมาย แต่เสี่ยวจือหลงนั้นรู้ดีกว่าใครว่า รถเฟอรารี่ที่เย่เข่อเอ๋อขับมานั้น เป็นรถสปอร์ตรุ่นลิมิเต็ดเลยทีเดียว!

สําหรับรถเฟอรารี่นั้น เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ทั้งกระบวนการผลิต ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ รวมไปถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตตัวถังรถ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูงสุดของมาตรฐานโลก

รถสปอร์ตดีๆแบบนี้ หากไปอยู่ในมือของคนธรรมดา ก็คงไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง ทั้งที่ความจริงแล้วมันคือรถที่สามารถทําความเร็วได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเป็นเสมือนไข่มุกเม็ดหนึ่งเลยทีเดียว!

และนี่คือเหตุผลที่เสี่ยวจือหลงตัดสินใจท้าหลินหนานแข่งรถ เพื่อหวังที่จะยึดรถเฟอรารี่สีแดงคันนี้มาเป็นของตนเอง!

ด้วยวิธีนี้ นอกจากเขาจะสามารถยึดรถสปอร์ตคันหรูได้แล้ว ยังจะเป็นการแก้แค้นให้กับสมาชิกในกลุ่มได้อีกด้วย!

“ฉันไม่ตกลง!” หลินหนานปฏิเสธทันที

“เพราะอะไร?” คิ้วของเสี่ยวจือหลงขมวดเข้าหากันแน่นระหว่างที่ย้อนถามกลับไป

“นี่นายคิดว่าฉันกินหญ้าเป็นอาหารหรือยังไง? อะไรกัน?! ถ้านายชนะ นายได้รถคันนี้ไป แต่ถ้าฉันชนะ ฉันก็แค่เดินย้ายตูดออกไปจากที่นี่ แต่กลับไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปเลย นี่มันไม่เอาเปรียบกันเกินไปหน่อยหรือยังไง? นายคิดว่าฉันจะโง่ถึงขนาดยอมรับเงื่อนไขบ้าๆบอๆนี้เชียวเหรอ?”

“นายต้องการอะไรก็ว่ามา?” เสี่ยวจือหลงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบถามกลับไป

หลินหนานขยิบตาให้พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะตอบไปว่า “ถ้านายมีความจริงใจ อย่างน้อยๆก็ต้องเดิมพันด้วยของที่มีมูลค่าใกล้เคียงกันสิ!”

เสี่ยวจือหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง..

เขาคร้านที่จะพูดจาไร้สาระกับหลินหนานอีก และทันทีที่เขาโบกมือ ประตูเลื่อนของโรงงานร้างก็ค่อยๆเปิดขึ้นเองอัตโนมัติ

หลังจากที่ประตูม้วนเกิดขึ้นแล้ว หลินหนานก็ได้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นตกตะลึงอย่างมาก พร้อมกับร้องอุทานออกมาเสียงดัง

“พระเจ้า!! นี่มันอะไรกัน? อลังการงานสร้างมาก..”

นั่นเพราะ ภายในโรงงานเก่าทรุดโทรมหลังนี้ ภายในกลับมีรถสปอร์ตหรูหรานับสิบคันจอดเรียงรายอยู่ เรียกได้ว่ามีรถหลากหลายสี หลากหลายรุ่น และหลากหลายแบบจอดอยู่เต็มไปหมด

และที่สําคัญ เพียงแค่เหลือบมองก็รู้แล้วว่า รถแต่ละคันนั้นล้วนแล้วแต่เป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่มีราคาสูงลิบลิ่ว!

เรียกได้ว่า หากนํารถทั้งหมดนี้ออกไปขาย รับรองได้ว่าเงินที่ได้จากการขายรถครั้งนี้จะสามารถซื้อบ้านเดี่ยวหรูหราที่อยู่ใจกลางเมืองได้หลายหลังเลยทีเดียว!

“ถ้านายชนะ นายสามารถเลือกรถที่อยู่ในนี้ไปได้หนึ่งคัน คันไหนก็ได้!” เสี่ยวจือหลงตอบกลับอย่างไม่ลังเล

และนี่คือการแสดงความจริงใจของเขา ในขณะที่หลินหนานยังคงก้มหน้าลงเล็กน้อย คล้ายกับกําลังใช้ความคิด ส่วนเย่เข่อเอ๋อดูเหมือนจะมีสีหน้ากังวลใจเล็กน้อย และเธอก็ไม่ต้องการให้หลินหนานรับคําท้าของเสี่วยจือหลง..

นั่นเพราะรถเฟอรารี่สีแดงคันนี้ เป็นของขวัญที่พี่สาวของเธอได้รับในวันครบรอบวันเกิดเมื่ออายุครบยี่สิบปี

แม้ตระกูลเหอจะร่ำรวยไม่เท่ากับตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น แต่เหอพุ่งชุนก็ได้ลงทุนจัดเตรียมของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ให้กับเย็ชิงเฉิงด้วยตัวเอง และเยซิงเฉิงก็รักรถคันนี้ราวกับว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าสําหรับเธอ

แต่ไม่ใช่เพราะมูลค่าราคาของมัน แต่เป็นเพราะความตั้งใจของผู้ให้ต่างหาก!

หากหลินหนานเป็นฝ่ายแพ้การแข่งขัน เธอจะมีหน้ากลับไปบอกกับพี่สาวได้อย่างไรกัน? เธอคงจะต้องถูกเชิงเฉิงสับเป็นชิ้นๆแน่!

เย่เข่อเอ๋อรีบเข้าไปคว้ามือหลินหนานไว้ พร้อมกับกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ

“ไม่ได้นะพี่เขย ห้ามรับคําท้า เข้าใจมั้ย?”

แต่หลินหนานกลับยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีทีท่าว่าจะตอบรับ หรือว่าปฏิเสธ!

ในขณะที่เสี่ยวจือหลงได้แต่ยืนกอดอก ด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่งเช่นเคย ไม่มีความวิตกกังวลออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

ในกลุ่มต่างก็เริ่มลิงโลดด้วยความดีใจ ต่างคนต่างก็พากันร้องตะ โกนท้าทายหลินหนาน

“ว่าไงล่ะ ไม่กล้าล่ะสิ!”

“นั่นน่ะสิ! ถ้าใจไม่ถึงก็ไม่ควรปากเก่งต่อหน้าราชานักแข่งตั้งแต่แรกนี่นา ฉันว่าทางที่ดีแกยอมคุกเข่าโขกศรีษะขอโทษจนถึงเช้าจะดีกว่า!”

“ว่าไงล่ะไอ้กระจอก! ถ้าใจไม่ถึงก็รีบๆกลับไปนอนกินนมที่บ้านไป!”

แม้กระทั่งชายคนแรกที่ถูกหลินหนานตบหน้าจนฟันร่วง ยังได้แต่ยืนแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน

แต่แล้วจู่ๆ หลินหนานก็เงยหน้าขึ้น เขาหันไปจ้องตาเย่เข่อเอ๋อ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้อง

“เย่เข่อเอ๋อ.. คุณเชื่อมั่นในตัวผมมั้ย?”

เย่เข่อเอ๋อถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง เพราะเวลานี้ พี่เขยขี้เล่นและไม่เอาไหนของเธอกลับเปลี่ยนเป็นคนจริงจังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“เอ่อ..”

“เชื่อผมสักครั้ง ผมจะพาคุณไปสู่เส้นชัยเอง!” หลินหนานยืนยันหนักแน่น พร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

แต่รอยยิ้มของหลินหนานนั้น เกินกว่าที่จะเรียกว่าความมั่นใจได้ มันเป็นรอยยิ้มของราชาผู้ทรงพลังอํานาจ

ผมจะพาคุณไปสู่เส้นชัย!

ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ

เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า

เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า

หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในพื้นพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล

หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับสังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย

แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด

จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..