ตอนที่ 119 สีชมพู

หลังจากที่ได้เห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจของหลินหนาน เย่เข่อเอ๋อก็ได้แต่ตกตะลึง..

พี่เขย.. นี่นายกินยาผิดหรือยังไง?

ทําไมวันนี้ถึงได้ดูมุ่งมั่น จริงจัง แล้วก็มั่นอกมั่นใจแบบนี้?

ผมจะพาคุณไปสู่เส้นชัยงั้นเหรอ?!

“หลินหนาน นี่นายเอาจริงเหรอ?” เย่เข่อเอ๋อกระซิบถามด้วยแววตาเป็นประกาย

“จริงสิ!” หลินหนานตอบกลับโดยไม่ลังเล

“แต่ฉันไม่ตกลง!” เย่เข่อเอ๋อส่ายศรีษะไปมาอย่างไม่เห็นด้วย และน้ำเสียงของเธอก็หนักแน่นบ่งบอกถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่

หลินหนานถึงกับคอตกเหมือนมะเขือเผา

นี่แม่คุณ! ฉันทนอยู่อย่างน่าเบื่อมาตั้งหลายปี เพิ่งจะมีเรื่องตื่นเต้นสนุกๆให้ได้ทํา อีกอย่างฉันสู้อุตส่าห์สร้างความมั่นอกมั่นใจให้เธอขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่เชื่อทักษะการขับรถขั้นเทพของฉันอีกเหรอ?

ฉันเป็นพี่เขยสุดหล่อ แล้วก็เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของพี่สาวเธอนะ! ช่วยเชื่อมั่นในตัวฉันบ้างจะได้มั้ย?

อีกอย่าง.. นี่ก็อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายด้วย!

“แต่รถคันนี้เป็นรถของพี่ใหญ่ ถ้าพี่ใหญ่รู้ว่าฉันเอารถมาเดิมพันแล้วล่ะก็ ฉันต้องถูกพี่ใหญ่ฆ่าตายแน่ๆ!” เย่เข่อเอ้อรีบอธิบายให้หลินหนานฟังทันที

“ก็ถ้าคุณไม่บอกเรื่องนี้กับพี่สาวของคุณ เธอจะรู้ได้ยังไงล่ะ ใช่มั้ย?” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“พี่เขย. แต่นายไม่มีทางเอาชนะเสี่ยวจือหลงได้แน่!” เย่เข่อเอ๋อตอบกลับไปตามตรง

หลินหนานเห็นเย่เข่อเอ๋อไม่ตกหลุมพรางของเขาเสียที และไม่มีท่าที่ใจอ่อนเลยแม้แต่น้อยเขาจึงหมดหนทาง และจําต้องยอมทําตาม

เฮ้อ.. ไม่ว่าจะทํายังไง เธอก็คงไม่เชื่อมั่นในฝีมือการขับรถของฉันสินะ!

และเมื่อคนอื่นๆได้เห็นสีหน้าของหลินหนาน พวกเขาก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ

“นี่!! รถนั่นเป็นของแกไม่ใช่เหรอ อย่ามาแกล้งทําเป็นอิดออดหน่อยเลยน่า?”

“นั่นน่ะสิ! ไม่กล้าก็บอกไม่กล้า! เสแสร้งอยู่ได้!”

ทางด้านเสี่ยวจือหลงก็ได้แต่ยืนยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยถามหลินหนานด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ทําไม? ไม่กล้ารับคําท้าของฉันสินะ?”

หลินหนานนิ่งไปครู่หนึ่ง เขากัดฟันกรอด และได้แต่คิดในใจว่า เขาจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรดี?

หลังจากนั้น หลินหนานก็ได้หยิบกระเป๋าเงินของตนเองออกมา พร้อมกับหยิบบัตรธนาคารทั้งหมดที่มี รวมทั้งบัตรสีดําทองของโกลเดนพาเลซ ออกมายื่นให้กับเสี่ยวจือหลง

“นี่เป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ฉันมี ถ้าฉันจะเดิมพันด้วยของพวกนี้แทน นายจะกล้ารับคําท้าของฉันมั้ยล่ะ?”

หลังจากพูดจบ หลินหนานก็โยนบัตรทั้งหมดลงไปบนพื้นทันที

ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง หลายคนถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม

“นี่ถึงกับเอาสมบัติทั้งหมดมาเดิมพันเชียวเหรอ? ฮ่าๆๆ”

“หมอนั่นทําบ้าอะไรกัน?”

แต่เมื่อเสี่ยวจือหลงเหลือบไปเห็นบัตรสีดําทองเข้า แววตาของเขาก็ถึงกับสั่นระริกขึ้นมาทันที

นั่นมันบัตรซุปเปอร์วีไอพีของโกลเดนท์พาเลซนี่!

เท่าที่เสี่ยวจือหลงรู้มา บัตรสีดําทองนี้เป็นบัตรที่จิ้งจอกสาวอย่างหลิวหยิงหยิง จะมอบให้กับแขกของโกลเดนท์พาเลซที่มีฐานะสูงส่ง และมีเกียรติมากจริงๆเท่านั้น และทั่วทั้งเมืองเจียงไฮว ก็น่าจะมีผู้ที่ถือบัตรนี้ไม่เกินห้าคนด้วยซ้ำไป

ทําไมหมอนถึงได้มีบัตรซุปเปอร์วีไอพีใบนี้ได้นะ?

หรือว่าจริงๆแล้วหมอนี่จะไม่ได้กระจอกเหมือนการแต่งตัวของมัน?

หลังจากก้มลงมองที่พื้นอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเสียวจือหลงก็พูดขึ้นว่า “ตกลง! ฉันรับคําท้าของนาย!”

หลังจากที่ได้ยินคําพูดของเสี่ยวจือหลง ทุกคนต่างก็ส่งเสียงฮือฮาออกมาทันที และบางคนก็ได้แต่แอบคิดในใจว่า

นี่มันอะไรกัน?!!

ราชานักแข่งเสียสติไปแล้วหรือยังไง?

เป็นการเดิมพันที่ไม่ยุติธรรมเลย!

ทําไมจะต้องไปแข่งกับคนกระจอกๆแบบนั้นด้วยนะ?

อย่าบอกนะว่าที่ทําไปทั้งหมดเพราะว่าสงสารเห็นใจมัน?

แม้แต่เย่เข่อเอ๋อยังถึงกับดวงตาเบิกโพลง และอ้าปากค้างด้วยความตกใจ สีหน้าของเธอบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

ทําไมเสี่ยวจือหลงถึงได้ยอมรับคําท้ากับบัตรบ้าบออะไรพวกนี้นะ?

หมอนี่ถูกพี่ใหญ่ตัดเงินเดือนมาหลายเดือน ในบัญชีคงจะมีเงินเหลืออยู่ไม่กี่ร้อยหยวนแน่..

หากจะพูดกันตามตรง บัตรธนาคารทั้งหมดของหลินหนานนั้น ไม่พอซื้อแม้แต่อุปกรณ์แต่งรถของเสี่ยวจือหลงสักชิ้นด้วยซ้ำไป!

นับว่าครั้งนี้เสียวจือหลงตัดสินใจได้ห่วยแตกมาก!

“การที่นายยอมหอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ตัวเองมีมาเดิมพันกับฉัน นั่นพิสูจน์ได้ว่านายมีความกล้าที่คนธรรมดาทั่วไปไม่มี และบ่งบอกว่านายเป็นนักเดิมพันตัวจริง ฉันเองก็ชอบแข่งขันกับนักเดิมพัน เพราะคนแบบนี้หากลงมือทําอะไร ย่อมต้องทุ่มสุดตัว แล้วก็สุดความสามารถ!”

“นายเองก็เป็นนักเดิมพันเหมือนกันนี่ ไม่งั้นคงจะไม่รับคําท้าของฉัน!” หลินหนานหรี่ตามองเสี่ยวจือหลงในขณะที่เอ่ยตอบ

“นายเองก็เป็นนักพนันตัวจริงเหมือนกัน!” หลินหนานหรี่ตามองเสี่ยวจือหลงขณะตอบกลับ

“นายเองก็ตาถึงเหมือนกันนี่!” เสี่ยวจือหลงพยักหน้ายิ้มๆ

“เอาล่ะ ไปเจอกันที่ถนนแข่งข้างหน้า ฉันจะไปรอนายที่นั่น!”

เสี่ยวจือหลงร้องบอกหลินหนาน และคร้านที่จะเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับเขาอีก จากนั้นจึงได้เดินไปขึ้นรถแลมโบกินีสีม่วง ก่อนจะเหยียบคันเร่งพารถหรูพุ่งทะยานมุ่งหน้าสู่เขาฟูหลงอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เสี่ยวจือหลงเหยียบคันเร่ง เสียงเครื่องยนต์รถแลมโบกินีก็ดังกระหม พร้อมกับพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง!

และเพียงแค่พริบตาเดียว ทุกคนในบริเวณนั้น ก็เห็นเพียงแค่ไฟท้ายของรถแลมโบกินีอยู่ไกลๆ เท่านั้น

“เห็นรึยังล่ะ? รถของราชานักแข่งปรับปรุงเครื่องมาอย่างดี แล้วนายจะเอาอะไรไปสู้เขาได้?” เย่เข่อเอ๋อได้แต่บ่นพึมพํา

“ยังไม่ทันจะลงมือ ก็คิดว่าจะแพ้ซะแล้ว! การแข่งขันยังไม่ทันจะเริ่ม ก็ถอนตัวซะ! หึ.. คุณหนูรองผู้หยิ่งผยองคนเดิมหายไปไหนกัน?!” หลินหนานพูดเย้ยหยันเย่เข่อเอ๋อ

“แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องของศักดิ์ศรีหรือความหยิ่งผยองอะไร มันเป็นเรื่องของความสามารถ แล้วเทคโนโลยีล้วนๆ เห็นอยู่ว่านายเป็นรองเขามากขนาดไหน? ช่องว่างระหว่างนายกับเขามันกว้างมากต่างหาก..” เย่เข่อเอ๋อตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ และไม่มีท่าที่โกรธเกรี้ยวหลินหนานเลยแม้แต่น้อย

“งั้นก็ไปกันได้แล้ว.. ผมขอยืมรถขับไปหน่อย?” หลินหนานเอ่ยบอกเย่เข่อเอ้ออย่างหมดความอดทน

“ให้นายยืมรถเหรอ ไม่มีทาง? ฉันขับเองดีกว่า ฉันมั่นใจว่าฉันขับได้เร็วกว่านาย และที่สําคัญปลอดภัยกว่านายขับแน่! อีกอย่าง.. ฉันไม่ไว้ใจนาย!” เย่เข่อเอ๋อตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางแน่วแน่

หลินหนานถึงกับถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่เบาะข้างคนขับแทน..

คิดไม่ถึงจริงๆ วันนี้ฉันจะมีโอกาสได้ขับรถแข่งกับราชานักแข่ง!

หลังจากนั้น เย่เข่อเอ๋อก็สตาร์ทเครื่อง และเหยียบคันเร่งพุ่งออกไปตามถนนทันที เธอไม่กลัวแพ้อยู่แล้ว เพราะของที่ใช้เดิมพันก็ล้วนแล้วแต่เป็นของหลินหนานทั้งนั้น เธอไม่เสียอะไรอยู่แล้ว!

แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเย่เข่อเอ๋อตื่นเต้นเกินไป จนทําให้เธอเสียสมาธิ หรือเป็นเพราะเธอไม่ได้ขับรถเร็วมานาน จึงดูเหมือนจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น

“ระวัง!! มีหินก้อนใหญ่ข้างหน้า!!” หลินหนานร้องตะโกนออกมาเสียงดัง ใบหน้าของเขาซีดเผือดเมื่อเห็นสิ่งกีดขวางตรงหน้า

“ว้าย…”

เย่เข่อเอ๋อกรีดร้องออกมาเสียงดัง เมื่อพบว่า มีหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งวางขวางทางอยู่ เวลานี้เธอเองก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด และทําอะไรไม่ถูกเช่นกัน

เอี๊ยด!!

มือทั้งสองข้างของเยี่เข่อเอ๋อกําพวงมาลัยไว้แน่น ในขณะที่ฝ่าเท้าก็กระทืบเข้ากับเบรคอย่างแรง และรถเฟอรารี่สีแดงก็เบรคอย่างกะทันหัน

“โอ๊ย!!”

“เป็นอะไรไป?”

หลินหนานร้องถามออกไปทันที หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเย่เข่อเอ๋อ เขาพบว่าใบหน้าของเธอมีเหงื่อไหลออกมาจนเปียกชุ่มไปหมด

“เท้า เท้าของฉันติดอยู่ระหว่างคันเร่งกับเบรคนะสิ! เจ็บมากเลย..” เย่เข่อเอ๋อร้องบอกหลินหนาน ด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

“ขอผมดูหน่อย”

หลินหนานโน้มตัวไปด้านข้างคนขับ พร้อมกับจ้องมองฝ่าเท้าของเยี่เข่อเอ๋อที่อยู่ด้านล่าง เย่เข่อเอ๋อกําลังจะขยับฝ่าเท้าหนี้ แต่ก็ช้าเกินไป เพราะหลินหนานได้เอื้อมมือมาจับฝ่าเท้าของเธอไว้ก่อนแล้ว

เมื่อเห็นข้อเท้าที่บวมเปล่งของเย่เข่อเอ๋อ หลินหนานก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่น พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณห้ามบิดข้อเท้าเด็ดขาด เพราะอาการจะยิ่งแย่!”

“นี่มัน. อันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เย่เข่อเอ๋อร้องถามออกมาด้วยความตกอกตกใจ เธอเรียนด้านศิลปะการแสดง การร้องและ การเต้นรํา และเท้าที่เป็นอาวุธสําคัญในการเต้นรําเสียด้วย หากเธอต้องพิการขึ้นมาจริงๆ อนาคตของเธอคงต้องดับลงแน่ๆ

“แล้วฉันควรทํายังไงดี?” เย่เข่อเอ๋อร้องถามหลินหนานด้วยสีหน้าเป็นกังวล และแทบจะร้องห่มร้องไห้ออกมา

“ถ้าคุณไว้ใจผม.. ผมจะจัดการนวดเท้าแล้วก็จับเส้นให้ รับรองว่าดีขึ้นแน่!” หลินหนานตอบกลับเสียงเรียบ

“ ห้ะ… นี่นายนวดจับเส้นเป็นด้วยเหรอ?” เย่เข่อเอ๋อถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ก็พอเป็นอยู่บ้าง! แต่จะเจ็บนิดหน่อยนะ!!” หลินหนานตอบกลับอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว

เย่เข่อเอ๋อมีท่าที่ลังเลเล็กน้อย

นวดงั้นเหรอ?! ก็ต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวน่ะสิ?

แม้เย่เข่อเอ๋อจะเป็นเด็กกําปั่นใจกล้า แต่เธอก็ยังเป็นเด็กสาวที่หัวโบราณอยู่ดี

แต่ถ้าไม่ให้พี่เขยนวด.. อาการก็อาจจะยิ่งลุกลามใหญ่โตน่ะสิ!

“ตกลง! ฉันจะให้โอกาสนายลองดูสักครั้ง!”

พูดจบ.. เย่เข่อเอ๋อก็ยกขาข้างที่เจ็บยื่นไปตรงหน้าหลินหนานทันที!

“นี่คุณทําอะไร?” หลินหนานถึงกับหน้าแดงก่ำ และจ้องมองเย่เข่อเอ๋อด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

เย่เข่อเอ๋อถึงกับงุนงง.. เธอเป็นนักเต้น การจะยกเท้าฉีกเก้าสิบองศายังเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่นี่เธอแค่ยกขาขึ้นชี้ไปตรงหน้าหลินหนานแบบนี้ ทําไมเขาถึงต้องหน้าแดง แล้วก็ทําหน้าตาประหลาดๆแบบนั้นด้วย..

เย่เข่อเอ๋อลืมเรื่องสําคัญไปหนึ่งอย่าง!!

เธอลืมไปว่า วันนี้เธอใส่กระโปรง!

ใช่แล้ว กระโปรง

และนั่นหมายความว่า เวลานี้หลินหนานก็คงจะได้เห็นอะไรที่เขาไม่ควรจะเห็นอย่างเต็มตาแล้ว!

ใช่แล้ว มันเป็นสีชมพูดสดใส!

ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ

เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า

เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า

หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในพื้นพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล

หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับสังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย

แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด

จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..