ตอนที่ 120 แข่งยังไง?

น้องเมีย นี่มันอะไรกัน?

ทําไมต้องมาโชว์อะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรแบบนี้ให้เด็กอย่างฉันดูด้วยนะ?

ฉันยังเป็นเด็กหนุ่มบริสุทธิ์อยู่เลย!!

เย่เข่อเอ๋อไม่รู้ว่าหลินหนานเห็นกางเกงชั้นในของเธอไปหรือยัง? แต่ก็แกล้งทําเป็นตอบกลับไปโดยไม่สนใจอะไร..

“นี่นายคิดไปถึงไหน? ก็นายบอกจะนวดเท้าให้ฉันไม่ใช่เหรอ?”

“เอ่อ…”

หลินหนานสูดลมหายใจเข้าลึก และเอาแต่สวดมนต์อยู่ในใจตลอดเวลา เขาพยายามที่จะข่มจิตข่มใจของตนเองให้กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิมให้ได้

หลินหนานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของเยี่เข่อเอ้อไว้ พร้อมกับบอกเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ในระหว่างที่ผมนวด คงจะต้องเจ็บปวดบ้าง ถ้าคุณเจ็บมากก็ร้องออกมาได้ ไม่ต้องกลัวเสียหน้าล่ะ!”

“อืมม..” เย่เข่อเอ๋อกัดริมฝีปากตนเองแน่น พร้อมกับพยักหน้ารับรู้

หลินหนานสังเกตอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าของเยี่เข่อเอ๋ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆใช้นิ้วมือกดนวดลงไปตามจุดฝังเข็มรอบๆข้อเท้าของเธอ

เทียบกับการฝังเข็มแล้ว การนวดกดจุดนั้นง่ายดายกว่ามาก และสามารถควบคุมน้ําหนักมือได้ง่ายคล่องกว่าด้วย

หากไม่มีรอยบวมของข้อเท้า ต้องนับว่าฝ่าเท้าของเย่เข่อเอ๋อนั้น งดงามราวกับงานศิลปะเลยทีเดียว นอกจากผิวพรรณที่ขาวผ่องแล้ว ฝ่าเท้าของเธอยังพอดิบพอดี ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป นิ้วเท้าทั้งห้าก็ได้รูปงดงาม ราวกับเม็ดองุ่นที่ใสจนสามารถมองเห็นเมล็ดด้านใน

หลินหนานเองก็นวดข้อเท้าของเย่เข่อเอ๋อด้วยความรู้สึกเพลิดเพลิน ในขณะที่เย่เข่อเอ๋อเองก็รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก

แม้เธอจะสัมผัสได้ว่าความเจ็บปวดที่ข้อเท้านั้นค่อนข้างรุนแรง แต่นิ้วมือของหลินหนานที่นวดคลึงนั้น กลับสามารถบรรเทาความเจ็บปวดเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

“อืมม…”

เย่เข่อเอ๋อถึงกับครางออกมาเบาๆ และเสียงนั้นก็ทําให้หลินหนานแทบควบคุมความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเองไว้ไม่ได้

หลินหนานต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการควบคุมบังคับทั้งร่างกาย และจิตใจของตนเอง และถึงกับต้องเฝ้าเตือนตัวเองอยู่ในใจเสมอๆ

หลินหนาน.. หลินหนาน. แกเป็นมนุษย์นะ ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน!!

ถ้าแกระงับอกระงับใจไว้ไม่ได้ แกก็จะกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานตลอดไป จําไว้

อย่าลืมว่าเธอเป็นน้องเมีย แล้วแกก็เป็นพี่เขย!

ได้ผล!!

หลังจากที่หลินหนานเฝ้าเตือนตัวเองอยู่เช่นนี้ ในที่สุดร่างกายของเขาก็ผ่อนคลายลง ส่วนข้อเท้าของเยี่เข่อเอ๋อที่บวมเปล่งนั้น หลังจากได้รับการนวดกดจุดด้วยทักษะเฉพาะตัวของหลินหนาน ความรู้สึกเย็นซ่านก็ได้เข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดเหล่านั้น

“พี่เขย. ฉันดีขึ้นแล้วจริงๆ!” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนบอกหลินหนานตาโต ราวกับว่าได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์เข้า

หลินหนานเองก็นวดเสร็จพอดี เขาจึงเงยหน้าขึ้นพูดเตือนเย่เข่อเอ๋อว่า “ถึงแม้อาการบวมกับอาการเจ็บปวดจะลดลงแล้ว แต่หลายวันนี้คุณก็ห้ามออกกําลังกายหนักๆล่ะ พักผ่อนให้มากๆ ไม่อย่างนั้นจะเกิดผลเสียตามมาอย่างคาดไม่ถึงเชียวล่ะ”

เย่เข่อเอ๋อขยิบตาแทนคําตอบ ก่อนย้อนถามหลินหนานด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ “พี่เขย. นี่นายไปเรียนวิธีการนวดแบบนี้มาจากที่ไหนเหรอ? มันวิเศษมากจริงๆ!”

“เอ่อ.. ผมบังเอิญไปเจออาจารย์ตาบอดคนหนึ่งเข้า แล้วเขาก็สอนเรื่องพวกนี้ให้” หลินหนานนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ตอบไปเรื่อยเปื่อย

และหากให้อาจารย์ของเขาได้รู้ว่า เขาเอาวิชาแพทย์ที่ท่านอาจารย์สอนให้มานวดฝ่าเท้าให้กับน้องเมียแบบนี้แล้วล่ะก็ มีหวังท่านอาจารย์ฆ่าเขาทิ้งแน่

“จริงเหรอ..” เย่เข่อเอ๋อร้องถาม พร้อมกับจ้องมองหลินหนานด้วยแววตาสงสัย

เย่เข่อเอ๋อลองขยับข้อเท้าบิดไปบิดมาดู ก็พบว่าความเจ็บปวดได้ลดลงไปมากแล้ว เหลือเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร หลังจากทําท่าทางครุ่นคิดเล็กน้อย เย่เข่อเอ๋อก็โยนกุญแจรถในมือให้กับหลินหนาน

“รับไป!”

“เอ่อ.. ทําไมล่ะ?!” หลินหนานรับกุญแจรถไว้ พร้อมกับร้องถามออกไปด้วยสีหน้างุนงง

นี่เธอเป็นอะไรแม่สาวน้อย ก่อนหน้านี้หัวเด็ดตีนขาด ก็ไม่ยอมให้ฉันแตะต้องรถคันนี้!!

“นายไม่เห็นหรือยังไง? ข้อเท้าฉันเจ็บแบบนี้จะขับรถต่อได้ยังไงล่ะ?” เย่เข่อเอ๋อย้อนถามหลินหนานพร้อมกับกรอกตาไปมา

“แล้วถ้าผมแพ้ล่ะ…” หลินหนานเอ่ยถาม

“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับฉันนี่ เพราะถ้านายแพ้ นายก็เสียของที่นายเดิมพันไว้ ไม่เกี่ยวกับรถคันนี้สักหน่อย!” เย่เข่อเอ๋อตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

หลินหนานไม่ตอบโต้สาวน้อย และเดินถือกุญแจอ้อมไปฝั่งคนขับทันที ในขณะที่เย่เข่อเอ๋อเองก็ขยับไปนั่งข้างคนขับแทน และจัดการคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี และพร้อมออกรถแล้ว แต่หลินหนานกลับยังคงนั่งนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้ง เย่เข่อเอ๋อที่นั่งรออยู่ครูใหญ่ เมื่อเห็นหลินหนานยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่เช่นนั้น จึงได้แต่ร้องตะโกนถามออกไป

“นี่นายนั่งงงอะไรกัน? ทําไมยังไม่รีบออกรถอีกห้ะ?”

หลินหนานยกมือขึ้นเกาศรีษะ พร้อมกับกระซิบถามเย่เข่อเอ๋อด้วยสีหน้าท่าทางเคอะเขิน “เอ่อ.. รถคันนี้สตาร์ทยังไงเหรอ?”

ไม่รู้จักวิธีสตาร์ทรถนี่นะ?!!

เย่เข่อเอ๋อได้ยินเท่านั้น ก็โมโหจนแทบกระอักเลือด

ไอ้คนห่วยแตกไม่เอาไหน แค่สตาร์ทรถยังทําไม่เป็น?

โธ่เอ๊ย! แล้วยังกล้าคุยโม้ว่าขับเครื่องบินกับรถถังได้?

เชอะ สงสัยเครื่องบินกับรถถังที่ว่า คงจะเป็นของเด็กเล่นสินะ?!!

เย่เข่อเอ๋อเอื้อมมือไปกดปุสตาร์ทให้ด้วยสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างมาก ก่อนจะกลับมานั่งเอามือกอดอกไม่พูดไม่จาอีก..

แต่แล้วก็มีคําถามดังขึ้นอีกครั้ง

“แล้ว. ใส่เกียร์ยังไงเหรอ?”

“โอ๊ย!!” เย่เข่อเอ๋อถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความโมโห

“หลินหนาน! ไอ้คนบ้า! นี่นายขับรถไม่เป็น แต่กลับกล้าไปเดิมพันแข่งรถกับคนอื่นนี่นะ?”

“มีใครขับรถเป็นตั้งแต่เกิดบ้างล่ะ? ทุกคนก็ต้องเรียนก่อนถึงจะเป็นทั้งนั้นล่ะ! เอาเป็นว่าคุณรีบๆสอนผมมา ผมเรียนรู้เร็ว แป็บเดียวก็เข้าใจแล้ว”

“นี่นายเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง? นี่มันคือการขับรถนะ ไม่ใช่สอนเลือกซื้อผักแล้วก็สอนทําอาหาร นายจะให้ฉันสอนยังไงในเวลาสั้นๆแบบนี้?” เย่เข่อเอ๋อกรีดร้องออกมาด้วยความเดือดดาลสุดขีด

“สําหรับผม.. การขับรถยังง่ายกว่าซื้อผักแล้วก็ทําอาหารซะอีก! รีบๆสอนได้แล้ว!” หลินหนานตอบโต้“

” เย่เข่อเอ๋อได้แต่โมโหจนพูดไม่ออก”

บนถนนที่ใช้สําหรับเป็นแข่งรถ..

เวลานี้เสี่ยวจือหลงกําลังยืนพิงรถแลมโบกินีของตนเอง ภาพของเขานั้นดูช่างสง่างงาม และดึงดูดสายตาของผู้คนที่ได้พบเห็นยิ่งนัก

เสี่ยวจือหลงยืนคาบบุหรี่ไว้ในปาก ดวงตาของเขาเหม่อมองออกไปข้างหน้า ในขณะที่ผมยาวสลวยนั้นถูกลมพัดปลิวไสว จนปกคลุมใบหน้าครึ่งซีกไว้ ทําให้ภาพของเสี่ยวจือหลงเวลานี้ดูลึกลับอย่างบอกไม่ถูก..

เสี่ยวจือหลงเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวที่กําลังทอประกายระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า แต่แววตาของเขากลับบ่งบอกถึงความรู้สึกสับสนภายในใจ

“ไม่รู้ว่าฉันจะมีโอกาสได้ชื่นชมความงดงามของดวงดาวอีกนานแค่ไหน?”

เสี่ยวจือหลงพึมพํากับตัวเองเบาๆ พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แต่แล้วความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวดก็เข้าเสียดแทงบริเวณหน้าอกของเขา

ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันนี้ เสมือนคลื่นยักษ์ที่ถาโถมขึ้นอย่างรวดเร็ว และแพร่กระจายออกไปในทันที

สีหน้าของเสี่ยวจือหลงถึงกับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขารีบหยิบยาแก้ปวดออกมาจากกระเป๋ากางเกงโยนเข้าปากทันที ก่อนจะหันไปหยิบขวดน้ําแร่ในรถกระดกตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปครู่ใหญ่ ใบหน้าซีดขาวของเขาจึงได้ดูดีขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเสียงของใครบาง คนในกลุ่มก็ร้องตะโกนถามขึ้น

“พี่หลง! พี่ว่าไอ้หมอนั่นมันจะกล้ามามั้ย?”

“นั่นน่ะสิ! นี่ก็ผ่านไปเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่เห็นหัวมันเลย สงสัยว่ามันจะกลัวจนหนีกลับไปแล้วล่ะมั้ง?” ใครบางคนตะโกนตอบกลับ

“ไม่มีทาง!” เสี่ยวจือหลงส่ายหน้าไปมาอย่างมั่นอกมั่นใจ

“พี่หลง ทําไมพี่ถึงได้มั่นใจขนาดนั้น?” ใครอีกคนร้องตะโกนถามออกไปด้วยความสงสัย

ในสายตาของพวกเขาแล้ว หลินหนานคงต้องแอบหนีกลับไป เพราะความอับอายแล้วอย่างแน่นอน!

และที่สําคัญ คนที่หลินหนานจะแข่งรถด้วยนั้น เป็นถึงราชานักแข่ง!

เสี่ยวจือหลงไม่ตอบ แต่กลับยกมือขึ้นชี้ไปทางด้านหน้า ทุกคนในกลุ่มต่างก็หันมองไปในทิศทางตามนิ้วของเสี่ยวจือหลง และพบว่า มีแสงไฟหน้ารถสองลําพุ่งผ่านความมืดของยามค่ําคืน และกําลังมุ่งหน้ามาทางที่พวกเขายืนอยู่

รถเฟอรารี่สีแดงที่ขับคดไปคดมาคล้ายกับคนเมา ค่อยๆแล่นตรงเข้ามาเรื่อยๆ แต่เมื่อมาถึงถนนที่จะใช้แข่ง กลับดูเหมือนรถเฟอรารี่สีแดงจะไม่ได้ชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย และกําลังจะพุ่งเข้าชนรถของใครคนหนึ่งที่กําลังจอดอยู่

“ชิบหายแล้ว!!”

เจ้าของรถคันนั้นร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับกระโจนออกจากรถของตนเองทันที

เอี้ยด!!

รถเฟอรารี่สีแดงที่พุ่งเข้าไปจนใกล้จะชนรถคันนั้น ถึงกับเบรคเอียดอย่างแรง และรถก็หยุดชะงักทันที

ประตูรถข้างคนขับเปิดออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างของเย่เข่อเอ๋อจะพุ่งตามออกมาในทันที เธอวิ่งตรงเข้าไปที่สนามหญ้าข้างทาง พร้อมกับอาเจียนออกมาไม่หยุด

เธออาเจียนจนกระทั่งน้ําดีออกมา!

หลังจากที่อาเจียนออกมาจนไม่มีอะไรเหลือในท้องแล้ว เด็กสาวก็รีบยกมือขึ้นเช็ดปากก่อน จะวิ่งตรงไปที่รถเฟอรารี่สีแดงอีกครั้ง พร้อมกับร้องตะโกนด่าหลินหนานเสียงดัง

“หลินหนาน ตั้งแต่ฉันสอนคนขับรถมา นายเป็นนักเรียนที่ห่วยแตกที่สุด! ฉันไม่เคยเห็นใครโง่เง่าเต่าตุ่นเหมือนกับนายมาก่อนเลยจริงๆ! นาย.. นายนี่มันโง่ยันเงา!!”

แต่หลินหนานกลับโผล่หน้าออกมา และตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “แต่ผมว่าผมขับดีมากแล้วนะ!”

หลังจากที่ทุกคนในกลุ่มได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง พวกเขาต่างก็พากันระเบิด เสียงหัวเราะออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง

“ฮ่าๆๆ ที่แท้ก็พวกมือใหม่หัดขับว่ะพวกเรา!”

“โธ่เอ๊ย!! แค่ลาโง่ แต่อาจหาญมาท้าแข่งรถกับราชานักแข่งนี่นะ!!”

“ฉันยกให้แกเป็นคนบ้าแห่งปีเลยว่ะ! โดยเฉพาะปีนี้ ฮ่าๆๆ”

หลินหนานแกล้งทําเป็นไม่ได้ยินเสียงเยาะเย้ยถากถางเหล่านั้น เขาลงมาจากรถ และวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวจือหลงทันที จากนั้นจึงร้องตะโกนถามออกไปว่า

“เอาล่ะ ฉันมาถึงแล้ว! นายจะแข่งแบบไหนก็ว่ามา?”

ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ

เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า

เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า

หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล

หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย

แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด

จากนั้น หลิงหยุนจะค่อยๆบ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..