1 สัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่การประชุมกับจักรพรรดินีนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เนื่องจากผมกำลังจะเข้าเรียนที่สถาบันบาบิโลนในเร็วๆ นี้ ผมเลยอยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์หลายคน ซึ่งได้รับมอบหมายให้สอนหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมพลาดไประหว่างการเดินทาง

คุณสามารถเข้าเรียนที่สถาบันบาบิโลนได้ด้วยวิธีการทดสอบปกติหรือทดสอบการลงทะเบียนขุนนางแบบพิเศษก็ได้ ซึ่งความแข็งแกร่งไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญ แต่คุณต้องมีพรสวรรค์ด้านวิชาการด้วย

ไม่มีใครบังคับให้ใช้เส้นทางนี้ แต่พวกขุนนางมักจะพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อพยายามพิสูจน์ว่าเส้นทางนี้ดีกว่าอีกแบบ ด้วยเหตุนี้ผมจึงติดอยู่กับการถูกสอน

นอกนั้นผมกับจักรพรรดินีก็ก้าวหน้าไปได้ด้วยดีแม้ว่าเราจะไม่ได้เจอกันตลอดเวลา แต่ผมก็ยังติดต่อหาเธอเมื่อมีเวลาหรือส่งของขวัญบางอย่างให้เธอโดยไม่มีใครรู้

ปัญหาคือแม่ของผม ผมเห็นได้ว่าเธอเริ่มใจแข็งและพยายามที่จะไม่พบผม พอมาคิดดูแล้วมันคงเป็นเรื่องปกติ ครั้งแรกที่เธอฝันลามกเกี่ยวกับผม เธอคงคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่นี่มันกลับดำเนินต่อกันมาเป็นสัปดาห์แล้ว

ตอนนี้เธอคงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เธอต้องการผม นี่คงทำให้เธอตกใจมากแน่ๆ ผมยังมีความรู้สึกว่าเหตุผลที่เธอยัดเยียดภาระการศึกษาทั้งหมดให้ผมก็เพื่อลดเวลาว่างของผม บางทีเธออาจจะคิดว่าเธอสามารถหาทางออกได้ด้วยเวลาที่มากกว่านี้?

ผมพึ่งเรียนเสร็จและตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของแม่ ผมได้ทำสัญญาณมือกับคลาร่าไว้ก่อนหน้านี้แล้วเพื่อให้แม่อยู่ในห้องของเธอ เพื่อไม่ให้เธอมีข้อแก้ตัวใดๆ

ผมเข้าไปในห้องโดยไม่เคาะประตูแต่อย่างใด

เมื่อเข้ามาข้างในห้องแล้วผมก็เห็นแม่ที่นั่งจมอยู่ในกองเอกสาร เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นผม ความตื่นตระหนกเข้ามาครอบงำเธอเล็กน้อยเมื่อพวกเราสบตากัน

“ม -มีอะไรที่ลูกต้องการหรือเปล่าออสติน?”

เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยราวกับพยายามซ่อนความกังวลใจเล็กน้อย 

ผมเดินไปที่โต๊ะของเธอด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น

“ผมจำเป็นต้องมีเหตุผลเพื่อที่จะมาพบแม่ด้วยเหรอครับ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของผมแม่ก็ยิ้ม แต่กลับมีความรู้สึกผิดในดวงตาของเธอขณะที่เธอตอบกลับผม

“ไม่หรอกจ่ะ แม่แค่ยุ่งนิดหน่อย บางทีเราไว้ค่อยคุยกันทีหลังได้ไหมจ๊ะ?”

“ไม่ครับ!”

เสียงแหลมสูงของผมดังขึ้นในห้อง ทำให้แม่กระตุกด้วยความประหลาดใจ เธอมองมาที่ผมขณะที่ผมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าเธอ สีหน้าของผมมีแววโกรธและท่าทางเหมือนคนที่ถูกหักหลัง ผมเอามือทุบโต๊ะ

“แม่ครับ! บอกผมทีสิ! บอกผมว่าผมทำอะไรผิดกันครับ? บอกผมทีว่าแม่เกลียดผมเหรอครับ?”

“ไม่ใช่นะ ม -แม่”

แม่ตะโกนออกมาเมื่อผมถามว่าเธอเกลียดผมไหม แววตาแห่งความเจ็บปวดฉายผ่านเธอเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนถูกหักหลังของผม เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของผมหัวใจของเธอก็บีบแน่น

“แล้วทำไมหล่ะครับแม่? ทำไมแม่ถึงหลบหน้าผม? ทำไมแม่เอาแต่จดจ่ออยู่กับงานหลังจากที่ผมกลับมา? แม่ไม่ไว้ใจผมพอที่จะบอกถึงสิ่งที่ทำให้แม่ไม่สบายใจเหรอครับ?”

ใบหน้าของผมเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อพูดต่อ

“ผมคิดว่าหลังจากที่เราได้ใช้เวลาร่วมกันเราจะสนิทกันมากขึ้น ผมแค่อยากทำให้แม่มีความสุข ผมแค่อยากเห็นแม่ยิ้มและหัวเราะ แต่แม่ก็ไม่ไว้ใจผมมากพอที่จะบอกผมว่าทำไมแม่ถึงหลบหน้าผมสินะครับ”

“แม่คิดว่าผมโง่เหรอครับ? คิดว่าผมจะไม่เห็นเหรอไงครับว่าผม่กำลังหลบหน้าผมอยู่! แม่ยังอุตส่าห์เพิ่มงานของตัวเองเพื่อไม่ให้เจอผมอีก! หึ…ดูเหมือนว่าผมจะไม่มีค่าพอสำหรับแม่สินะครับ”

“ไม่…ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! แม่รักลูกหมดหัวใจ มันก -ก็แค่”

“แค่อะไรครับ?”

ผมมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนจะหลั่งน้ำตา 

แม่มองมาที่ผมด้วยสายตาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรพร้อมกับก้มหน้าลง

“ผมเข้าใจแล้วครับ…”

เสียงของผมแหบแห้งขณะที่ผมพูด น้ำตาของผมไหลลงมาก่อนผมจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ไหล่ของผมห่อเหี่ยว มันดูอ้างว้างและโศกเศร้า

“อ -ออสติน!!”

แม่เรียกผมจากด้านหลัง 

ผมหันกลับไปมองเธอโดยมีน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดอะไร

 

มุมมองของเกรซ :

ฉันเห็นลูกชายเดินออกจากห้องไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของเขา เขาเจ็บปวดมาก ฉันเห็นได้ว่าเขาผิดหวังในตัวฉัน 

เมื่อเห็นสายตาที่เขามองมาแบบนั้นก็ทำเอาหัวใจฉันแทบละลาย ฉันอยากจะวิ่งเข้าไปหาเขาแต่ก็ทำไม่ได้ 

หลังจากที่เขาออกไปจากห้องแล้วฉันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็มีน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากดวงตา

‘ทำไมหล่ะ? ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้กัน?’

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดฉันก็มีโอกาสมีความสุขได้ขนาดนี้ แต่ทำไมมันถึงหายไป ฉันทำอะไรผิดกัน? ทำไมฉันถึงต้องตกหลุมรักลูกชายของตัวเอง???

ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในตอนที่ลูกชายของฉันกลับมา ฉันมีความสุขมาก ทุกส่วนของร่างกายเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาที่เห็นว่าเขาสบายดี ช่วงเวลาที่ฉันไม่ได้เจอเขาเป็นช่วงเวลาที่ลำบากที่สุด

หลังจากสามีของฉันเสียชีวิตไป ฉันก็รู้สึกว่าส่วนหนึ่งของตัวเองตายไปพร้อมกับเขาด้วย สิ่งที่เหลืออยู่สำหรับฉันคือพวกลูกๆ และอาณาเขตของตระกูลขนาดใหญ่ที่ต้องดูแล แต่ฉันก็ไม่ได้สิ้นหวัง ฉันเป็นคนเดียวที่สามารถปกป้องพวกลูกๆ ได้ ดังนั้นฉันจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับแบกรับทุกสิ่งไว้ด้วยตัวเอง

แม้ว่ามันจะยากลำบาก แม้จะเจ็บปวด ฉันก็ไม่เคยบ่น ฉันไม่ยอมแพ้ ไม่ร้องไห้ ฉันอยากจะเข้มแข็งอย่างน้อยก็เพื่อลูกๆ ของฉัน แต่สุดท้ายฉันก็กลายเป็นคนแปลกแยกจากลูกๆ ของตัวเอง เพราะเมื่อเวลาผ่านไปฉันก็ได้ดำดิ่งลงไปกับงานมากขึ้นเพื่อพยายามซ่อนความเจ็บปวดของตัวเอง

แต่ฉันไม่คิดเลยว่าออสตินจะเป็นคนพาครอบครัวที่แตกแยกของเราให้กลับมารวมกัน หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสามีของฉัน เขาก็กลายเป็นคนสันโดษ ฉันเป็นห่วงเขาแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี แต่ถึงกระนั้นลูกชายที่รักของฉันก็ได้พาครอบครัวที่เกือบแตกแยกของฉันกลับมารวมกัน

ตั้งแต่นั้นมาฉันก็สาบานว่าจะไม่สูญเสียพวกเขาไปอีก ไม่ต้องกลัว แต่แล้วความโศกเศร้าก็กลับมาเยือนฉันอีกครั้ง ลูกสาวทั้ง 2 คนของฉันกำลังจะตายเพราะสายเลือดของพวกเธอตื่นขึ้นและฉันจะสูญเสียพวกเธอไปไม่ได้อีก ด้วยการเสียสละพลังของฉันที่ฉันวางแผนไว้จะสามารถช่วยชีวิตพวกเธอทั้ง 2 ไว้ได้แต่มันก็ไม่ได้แน่นอนซะทีเดียว

 ด้วยพลังอันจำกัดของฉัน ฉันสามารถช่วยลูกสาวได้เพียงคนเดียว ฉันจะเลือกลูกสาวให้รอดเพียงคนเดียวได้ยังไงกัน? เมื่อความสิ้นหวังเริ่มปกคลุมฉันอีกครั้ง ลูกชายที่รักของฉันก็ก้าวเข้ามาอีกครั้ง

เป็นอีกครั้งที่ฉันทำได้เพียงเฝ้าดูลูกชายของตัวเองเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องลูกสาวทั้ง 2 คนอย่างไม่สามารถช่วยอะไรได้ เมื่อเห็นแล้วหัวใจของฉันก็เจ็บปวด เวลาที่ฉันเห็นเขาเกือบจะต้องตาย ฉันรู้สึกว่าโลกทั้งใบของตัวเองพังทลายลง ฉันคิดว่าตัวเองจะสูญเสียทุกอย่างไปซะแล้วในตอนนั้น แต่พวกเขาก็รอดชีวิตมาได้

วันที่เขาคุยกับฉันและมอบสร้อยคอให้ฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงภาระที่ถูกปลดปล่อยออกมา ในตอนนั้นฉันรู้สึกมีความสุขจริงๆ แต่คืนนั้นฉันกลับฝันถึงเขา ซึ่งทำให้ฉันรับไม่ได้

ฉันต้องเป็นแม่แบบไหนกันถึงฝันลามกกับลูกชายตัวเอง?

ฉันคิดว่ามันจะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียว แต่วันที่ฉันไปเที่ยวกับลูกชายของตัวเองนั้น วันนั้นได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ยังไงซะวันนั้นก็เป็นวันที่ดีที่สุดที่ฉันเคยมีในรอบหลายปี วันนั้นหัวใจของฉันไม่เคยสงบลงเลย ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่วันนั้น

ทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเขาเหมือนเป็นการเติมความสุขให้ชีวิต ทุกอย่างเปลี่ยนไปในวันที่ฉันนั่งกับเขาบนเนินเขานั่น ส่วนที่ฉันรู้สึกว่ามันตายไปแล้วเหมือนจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น

ฉันพยายามข่มมันไว้แต่มันก็พังทั้งๆ ที่ฉันพยายามสุดๆ แล้ว วันนั้นทุกอย่างเปลี่ยนไป ในตอนที่ฉันได้รู้ความรู้สึกของตัวเองทำให้ฉันตื่นตระหนกเป็นครั้งแรก ฉันจะมีความรู้สึกเช่นนี้กับลูกชายของตัวเองได้ยังไงกัน?

ฉันรู้สึกตระหนกและหวาดกลัว ฉันรู้สึกขยะแขยงตัวเองเพราะเหตุนี้ ฉันรู้สึกกลัวเมื่อคิดว่าออสตินจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ถ้าเขารู้ เขาจะรังเกียจฉันไหม? ความรู้สึกที่ฉันมีมันผิดแต่ทำไมกัน? ทำไมฉันถึงไม่สามารถหยุดความรู้สึกนี้ได้

ฉันรักเขามาก ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา ฉันรักเขา

‘ฉันเป็นอะไรไปกัน? ทำไมฉันถึงน่ารังเกียจอย่างนี้?’

ฉันขดตัวอยู่บนเก้าอี้ขณะก้มหน้าลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา

‘ฉันควรทำยังไงดี?’

 

 

 

-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy 
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต