บทที่ 88 ชิ้นส่วนค่ายกล

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 88 ชิ้นส่วนค่ายกล

บทที่ 88 ชิ้นส่วนค่ายกล

สิ่งที่เซียวเทียนพูดเต็มไปด้วยโทสะ เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้นยิ่งนัก

หลังจากกล่าวจบ สีหน้าของเขาสงบลง “ข้าจะต้องทำให้ตระกูลเสิ่นชดใช้! ข้าอยากให้พวกเขารู้ว่าโชคชะตาของผู้คนมีขึ้นก็ต้องมีลง คนล้มอย่าเหยียบซ้ำ!”

ลู่หยวนยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดไม่จา

เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ระแวดระวังคนนอกแต่อย่างใด อีกฝ่ายคือบุตรแห่งโชคชะตา ได้รับการปกป้องจากสวรรค์ ไม่มีทางตายได้

หากเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนอย่างเขา คงตายไปแล้วแปดร้อยครั้ง

เซียวเทียนหันมามองชายหนุ่ม “จะว่าไปแล้ว พี่ลู่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ?”

“ข้า…”

อีกฝ่ายกล่าวไม่จบ พื้นก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง ก่อนค่ายกลขนาดใหญ่จะปรากฏขึ้นจากเท้าของทั้งสอง พื้นใต้เท้าพวกเขาเริ่มยุบลงเช่นกัน

ชายหนุ่มพึมพำในใจ กำลังจะใช้พลังวิญญาณเพื่อหลบหนี ทว่าทันใดนั้นค่ายกลส่องแสง แล้วทั้งสองก็หายไปในพริบตา

พวกเขาสองคนเพิ่งรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้น… ฉากตรงหน้าเปลี่ยนไปมากนัก

พวกเขาอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยหมอก ที่นี่มีหมอกทุกหนแห่ง พร้อมต้นไม้ที่แทบจะบดบังท้องนภา

ถึงแม้จะเงยหน้ามองขึ้นไป ก็จะเห็นเพียงแสงอาทิตย์รำไรท่ามกลางต้นไม้ เมื่อมองตรงไปข้างหน้า กลับกลายเป็นหมอกหนาทึบ เป็นพื้นที่สีเทากว้างใหญ่

หากสงบสติลง ก็จะสามารถได้ยินเสียงคำรามต่ำของสัตว์ประหลาดบางส่วนในภวังค์

“ที่นี่มันอะไรน่ะ?”

เซียวเทียนจับกระบี่ยักษ์ที่อยู่ด้านหลังไว้มั่น สังเกตการณ์รอบข้างด้วยความระแวดระวังยิ่ง

ลูกตาทั้งสองข้างของลู่หยวนทอประกาย หมอกและต้นไม้สูงเบื้องหน้าไม่ได้อยู่ในสายตา เมื่อเขามองรอบข้าง พบว่าเหนือท้องนภาถูกห้อมล้อมไปด้วยชิ้นส่วนของค่ายกลที่กระจัดกระจาย มีจุดแสงสว่างสีทองลอยอยู่รอบ ๆ พร้อมอักขระรวมตัวเป็นระยะ บ้างก็แตกหัก ดูเหมือนภาพลวงตายิ่งนัก

บุตรศักดิ์สิทธิ์มองไกลออกไป พบว่าในท้องนภาที่ไกลลิบมีค่ายกลคล้ายกับอันที่อยู่เหนือศีรษะของพวก

เขาถอนสายตากลับ ตกอยู่ในห้วงความคิด

นี่คือค่ายกลผังมิติ เป็นค่ายกลที่ถูกแบ่งหลายส่วน กระจัดกระจายหลายทิศทางในมิตินี้ มีเพียงการรวบรวมค่ายกลเหล่านี้เท่านั้น ถึงจะสามารถกลับสู่โลกภายนอกได้

ปกติแล้วที่ใดมีค่ายกลเช่นนี้ ที่นั่นจะต้องมีโชคลาภเป็นจำนวนมาก!

สิ่งที่เรียกว่าโชคลาภ มักจะขึ้นอยู่กับโชคชะตาของตัวเอง ด้วยชะตาวายร้ายของลู่หยวน ย่อมเป็นการยากที่จะตามหาสมบัติลับที่แข็งแกร่งที่สุดเจอได้

แต่ว่า…

หากมีบุตรแห่งโชคชะตาอยู่ข้างกาย เรื่องมันก็ต่างออกไป!

สายตาของลู่หยวนหันมามองผู้อยู่ข้างกาย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ดวงตาทอประกาย “พี่เทียน”

เซียวเทียนมองสายตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกเย็นสันหลังวาบ เขาสะกดความไม่สบายใจเอาไว้ แล้วส่งยิ้มกลับมา “พี่ลู่ มีอะไรหรือ?”

คุณชายลู่ถามว่า “ที่นี่แปลกนัก ทำไมเจ้ากับข้าไม่ไปด้วยกัน ถือว่าคอยดูหลังให้ คิดว่าอย่างไร?”

อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย “แน่นอน!”

ในมุมมองของเซียวเทียน รอบข้างที่นี่มีสิ่งที่ไม่รู้มากเกินไป หากเตร็ดเตร่อยู่เพียงลำพังแล้วเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดทรงพลังขึ้นมา ชีวิตของเขาอาจจะตกอยู่ในอันตราย

แต่หากมีลู่หยวนอยู่ข้างกายก็จะต่างออกไป เขามีรากฐานการบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง หากคอยมาช่วยเหลืออยู่ข้างกาย ชีวิตย่อมมีหลักประกันมากขึ้น

พวกเขาทั้งสองต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ก่อนจะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน

ในไม่ช้า พวกเขาพบว่าสิ่งที่อยู่ในป่าคือทะเลสาบขนาดเล็ก น้ำของทะเลสาบเป็นสีดำม่วงแปลกประหลาด ใจกลางของมันมีกระท่อมทรุดโทรมหลังหนึ่งตั้งอยู่

ทั้งสองหยุดอยู่ตรงทะเลสาบ พบว่ากระท่อมในทะเลสาบสั่นไหว แล้วชิ้นส่วนค่ายกลสีดำม่วงก็ปรากฏขึ้น ชิ้นส่วนค่ายกลนี้คล้ายกับอันที่ลู่หยวนเห็นในท้องนภาเมื่อครู่

เพียงแต่ว่า… อักขระบนชิ้นส่วนค่ายกลตรงหน้ากลับแข็งแกร่งกว่า แสงสว่างเรืองรองก็ถูกประทับไว้ดีกว่าอันก่อนหน้า

คุณชายลู่มองค่ายกลสีดำม่วง ก่อนกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “นี่คือชิ้นส่วนของค่ายกลที่ทำให้พวกเราออกไปได้ ขอเพียงตามหาชิ้นส่วนทั้งหมดของค่ายกล แล้วสลักพวกมันได้ พวกเราก็สามารถออกไปได้”

ชายหนุ่มกวาดมองทะเลสาบที่เงียบสงบผิดปกติ ในดวงตาเผยรอยยิ้ม จากนั้นกล่าวกับเซียวเทียนผู้อยู่ด้านข้างว่า “พี่เทียน เชิญเจ้าไปก่อนเลย”

เซียวเทียนพยักหน้า “ได้เลย!”

เมื่อกล่าวจบ เขาก็ก้าวออกไป พุ่งเข้าสู่กระท่อมที่อยู่ตรงกลางทะเลสาบ

ลู่หยวนมองร่างของอีกฝ่าย เอามือไพล่หลัง ริมฝีปากขยับสองสามครั้ง

“สาม สอง หนึ่ง”

สิ้นคำพูดไม่ทันไร ทะเลสาบที่เงียบสงัดพลันปั่นป่วน ทั่วทั้งทะเลสาบคล้ายกับม้วนตัวขึ้น!

ตอนนี้เซียวเทียนเพิ่งวาดกระบี่ไปกลางอากาศ

โฮก!

เสียงคำรามดังสนั่นมาจากใต้ทะเลสาบ ใบหน้าของเซียวเทียนพลันเปลี่ยนไป ก่อนคว้ากระบี่ยักษ์ที่อยู่ด้านหลังตน

ตูม!

ปลามังกรขนาดใหญ่พุ่งขึ้นจากใต้ทะเลสาบ ตรงเข้าหาเซียวเทียน!

บุตรแห่งโชคชะตาชักกระบี่ยักษ์จากด้านหลัง ถ่ายพละกำลังทั้งหมดเข้าไป คลื่นพลังสีแดงพลันปกคลุมกระบี่ยักษ์ทันที จากนั้นพลังของเซียวเทียนก็พุ่งทะยาน ก่อนฟาดออกไปอย่างเกรี้ยวกราด

ด้วยปราณทรงพลังที่ฟาดลงมาพร้อมกับกระบี่ยักษ์ เขาเข้าปะทะกับปลามังกรซึ่ง ๆ หน้า

ตูม!!

หลังจากส่งเสียงอึกทึก ปลามังกรก็ตกลงไปยังใต้ทะเลสาบ

ลู่หยวนยืนอยู่บนชายฝั่ง สายตาจับจ้องคลื่นพลังสีแดงที่ปกคลุมรอบกระบี่ยักษ์ในมือของเซียวเทียน

ชายหนุ่มสามารถสัมผัสได้ว่าพลังที่ปลดปล่อยออกมานี้แข็งแกร่งยิ่งนัก มันไม่ใช่ของเผ่ามนุษย์ นี่น่าจะเป็นเคล็ดวิชาของเซียวเทียนในฐานะบุตรแห่งโชคชะตา

แต่พลังนี้คืออะไรกันแน่?

นิ้วของลู่หยวนที่อยู่ด้านหลังขยับ ปลามังกรที่ตกลงไปในน้ำพลันสั่นสะท้าน หมอกสีดำกระจายออกจากดวงตา มันดำดิ่งลงไป สะบัดหางขนาดใหญ่ และกำลังจะพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง

โฮกกกก!

เสียงคำรามของมันแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าหลายเท่า ทั่วทั้งปฐพีสั่นสะเทือน

ร่างขนาดใหญ่ของปลามังกรทะยานขึ้นจากน้ำ อ้าปากออก เผยให้เห็นฟันแหลมคมที่อยู่ข้างในเล็งเป้าไปที่เซียวเทียน

บุตรแห่งโชคชะตากำลังจะกระโดดไปทางกระท่อมในทะเลสาบ แต่กลับพบว่าปลามังกรพุ่งมาดักข้างหน้าด้วยเหตุผลบางอย่าง

“อีกแล้วหรือ?!”

เซียวเทียนชูกระบี่ยักษ์ในมือขึ้นสูง คลื่นพลังสีแดงปกคลุมรอบกระบี่อย่างแรงกล้ากว่ามากเดิม ก่อนมันจะม้วนตัวลงจากกระบี่ยักษ์ไปปกคลุมฝ่ามือของผู้ถือด้วย

ปลามังกรกำลังจะพุ่งเข้าใส่ร่างกายของเขา แต่เซียวเทียนพลันฟาดฟันกระบี่ยักษ์ในมือออกไป สิ้นเสียง ‘ฉัวะ!’ ปลามังกรขนาดใหญ่ก็ถูกผ่าครึ่ง

สิ้นเสียง ‘ตูม’ ร่างขนาดใหญ่ของปลามังกรตกลงไปในทะเลสาบ ผิวสายธารสีดำม่วงถูกย้อมไปด้วยโลหิต

ดวงตาของลู่หยวนหรี่ลง ก่อนจะค่อย ๆ เบิกกว้าง สายตาจับจ้องมือของเซียวเทียน พบว่าพลังบนหลังมือของอีกฝ่ายสลายไปแล้ว พร้อมกับเกล็ดสีแดงซึ่งหายไปทีละเล็กละน้อย

“เผ่ามังกร”

บุตรศักดิ์สิทธิ์พึมพำกับตัวเอง มุมปากยกขึ้น เกล็ดช่างดูสะดุดตายิ่งนัก พวกมันคือเกล็ดมังกรที่มีเฉพาะผิวมังกรเจินหลงไม่ใช่หรือ?!

เซียวเทียนผู้นี้สามารถใช้พลังของเผ่ามังกรได้!

นี่คือเคล็ดวิชาในฐานะบุตรแห่งโชคชะตาของเขา!

ลู่หยวนจำได้ว่ามีคำอธิบายประกอบบนแผนที่ที่แม่ของเขามอบให้ มันบอกว่าเกล็ดมังกรเจินหลงเคยตกลงไปในป่าเรืองแสง

ตอนที่เห็นแถวข้อความเหล่านี้ เขาเพียงยิ้มหยัน ไม่เก็บมาคิดจริงจัง

แต่ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มเชื่อ เซียวเทียนผู้นี้มีพลังของเผ่ามังกร อีกทั้งเป็นบุตรแห่งโชคชะตา ในดินแดนลับแห่งนี้ มีมรดกมังกรเจินหลงอยู่

“พี่ลู่ มาตรงนี้!”

เซียวเทียนที่อยู่ไม่ไกลนั้นยืนอยู่ข้างกระท่อมในทะเลสาบ กำลังโบกมือให้บุตรศักดิ์สิทธิ์

ลู่หยวนหยุดความคิดของตัวเองไว้ ร่างกายวูบไหว ก่อนมาอยู่ใจกลางทะเลสาบ

ทั้งสองมองกระท่อมทรุดโทรม จากนั้นก้าวเข้าไปพร้อมกัน

ประตูไม้ขนาดเล็กเปิดออก กลิ่นอายเน่าเปื่อยแผ่ออกมา ในกระท่อมมีเพียงม้านั่งไม้และโครงกระดูกสีขาวที่นั่งอยู่ ในมือกระดูกสีขาวมีเศษผ้า

คุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะยกนิ้วขึ้น เศษผ้าถูกดึงออกจากมือเจ้าของคนก่อนและถูกคลี่ หลังจากลูบสองสามครั้ง ทำให้รู้ว่ามันคล้ายกับภาพวาดบางอย่าง เหมือนกับมังกรและงูก็ไม่ปาน

ด้านหลังของเศษผ้าคือแผนที่ไม่สมบูรณ์ แผนที่บนเศษผ้ามีขนาดเล็กเกินไป จึงไม่สามารถแสดงอะไรได้

ทั้งสองจ้องแผนที่อยู่หลายอึดใจ แต่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันจะนำทางไปที่ใด

เซียวเทียนแตะศีรษะ ถามว่า “ภาพวาดนี้คือแผนที่ของดินแดนลับแห่งนี้หรือ?”

ลู่หยวนส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ม้วนเศษผ้าก่อนเก็บมันไป “เก็บชิ้นส่วนค่ายกลกันก่อนเถอะ”

ทั้งสองออกจากกระท่อม ลู่หยวนจ้องชิ้นส่วนค่ายกลสักพัก จากนั้นได้ข้อสรุปว่า อีกหนึ่งถ้วยชาต่อมา เขาจะสลักมันบนยันต์ได้

บุตรศักดิ์สิทธิ์ชี้ไปทางหนึ่งไกลออกไป กล่าวว่า “ชิ้นส่วนค่ายกลถัดไปอยู่ทางนั้น”

สองร่างวูบไหว จากนั้นพุ่งไปทางนั้น

ทั้งวันนี้… ทั้งสองก็รวบรวมชิ้นส่วนค่ายกลส่วนใหญ่ได้

ตอนนี้เหลือเพียงชิ้นส่วนทางตะวันออกเท่านั้น

สองร่างวูบไหว ภายในสองก้านธูป พวกเขาก็มาถึงตรงหน้าชิ้นส่วนค่ายกลสุดท้าย

ภายใต้ชิ้นส่วนค่ายกล มีห้องโถงใหญ่สีทองตระการตาตั้งอยู่บนพื้น

ลู่หยวนเพียงชำเลืองมองไม่กี่ครั้ง ก่อนสลักค่ายกลลงไป

ห้องโถงใหญ่ตรงหน้าเริ่มส่องแสงเจิดจ้าขณะทั้งสองเข้าใกล้ ห้องโถงใหญ่พลันมีคลื่นกดดันถาโถมเข้ามา ท่ามกลางแรงกดดันดังกล่าวมีเสียงพึมพำดังขึ้น

คุณชายลู่ฟังอย่างตั้งใจ ถึงแม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่เขายังได้ยินชัดเจน หลังจากฟังไปได้สักพัก จึงพบว่าตนไม่เข้าใจคำพูดเหล่านี้

มันดูราวกับไม่ใช่ภาษามนุษย์

เขาลอบเดาะลิ้น รู้แบบนี้พาเทียนเม่ยเอ๋อร์มาด้วยก็ดี

ลู่หยวนชำเลืองมองเซียวเทียนจากด้านข้าง พบว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่น จ้องมองเขาด้วยสายตาร้อนผ่าว

บุตรศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว ดูเหมือนเซียวเทียนจะเข้าใจ นี่น่าจะเป็นภาษามังกร

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เสียงกระซิบก็เงียบไป แรงกดดันมลายหาย เซียวเทียนนิ่งงันสักพัก จากนั้นหันศีรษะมากล่าวกับเพื่อนร่วมทางว่า “พี่ลู่ ไปกันเถอะ”

อีกฝ่ายพยักหน้า เดินตามบุตรแห่งโชคชะตาเข้าไปข้างใน

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องโถงหลัก แสงสว่างเจิดจ้าก็สลายไป ทำให้เขาเห็นรูปปั้นหินเหนือห้องโถงหลัก

รูปปั้นหินเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกร นั่งอยู่บนเก้าอี้หลักของห้องโถงใหญ่ หัวเป็นมังกร แต่ร่างเป็นมนุษย์ หางมังกรยาวมาด้านข้าง หัวมังกรมองตรงไกลออกไป ราวกับกำลังจ้องมองบางสิ่ง

ลู่หยวนตรวจสอบสัตว์ประหลาดด้วยสายตา ในที่สุดก็จับจ้องไปที่ดวงตาของสัตว์ประหลาด

แสงสว่างวาบมาจากดวงตาของมังกร ทุกสิ่งรอบข้างคุณชายลู่เริ่มสลายไป ยามหมอกหนาพวยพุ่งและปกคลุมทุกสิ่งตรงหน้า

ลู่หยวนมองทุกสิ่งตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ทันใดนั้นเบื้องหน้าเขาก็มีร่างหนึ่งเดินออกมาจากหมอกหนา

ร่างนั้นเปลี่ยนจากเงาเป็นรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา กลิ่นอายน่าเกรงขาม เป็นลู่หยวนนั่นเอง!