“เห้ย เจ้านากานั่นก็เอาฝีมือเรื่องเหมือนกันว่ะ”

“นั่นสิ ผมเห็นเขาสู้กับเนลที่เป็นหัวหน้าชมรมฝึกซ้อมคนนั้นได้อย่างสูสีทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใช้วิซออกมาเลยนะนั่น”

“แต่จะบอกว่าหมอนั่นกำลังออมมืออยู่ก็ไม่น่าจะใช่นะ ต่อหน้าเนลคนนั้นไม่น่าจะมีใครออมมือแล้วยังรับมือกับเนลเขาได้นะขนาดนั้นนะ หมอนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่ล่ะเนี่ย?”

 

ในขณะเดียวกันทางด้านบนระเบียงทางเดิน เหล่าเด็กนักเรียนที่ออกมาดูเรื่องสนุกก็กำลังหันไปพูดคุยกันด้วยความสับสนเมื่อพวกเขาได้เห็นเด็กหนุ่มผมดำที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครเลยนับตั้งแต่เปิดภาคเรียนมาอีกทั้งยังไม่ได้เป็นลูกหลานของตระกูลดังหรือว่าเป็นคนมีชื่อเสียงเรียงนามมาจากที่ไหนมาก่อนสามารถรับมือกับเนลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับต้นๆ ของทางโรงเรียนได้อย่างสูสีโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้วิซออกมาซะด้วยซ้ำ

 

แต่ถึงแม้ว่าเหล่าเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่เคยได้รู้จักนากามาก่อนจะเพียงแค่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับการกระทำของนากา ทางด้านอัลเบิร์ตและเซซิลที่เคยประมือกับนากามาก่อนเมื่อตอนที่พวกนากามาสอบเข้าเรียนและได้เป็นคู่ซ้อมให้กับนากาสองสามครั้งในสัปดาห์ที่แล้วกลับขมวดคิ้วจ้องมองดูนากาไม่วางตาเมื่อพวกเขาสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างของเด็กหนุ่มผมดำคนนั้นขึ้นมาได้

 

แต่ว่าก่อนที่อัลเบิร์ตจะได้พูดสอบความเห็นของเซซิลขึ้นมา รีซาน่าที่เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ของนากาในการสอบเข้าก็ได้หันไปถามคอนแนลที่เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของนากาขึ้นมาด้วยความสงสัยเข้าซะก่อน

 

“อ่า… คุณคอนแนลคะ นากาคุงเขาไม่ค่อยจะเก่งเรื่องวิซงั้นหรอคะ เพราะฉันสังเกตมาสักพักนึงแล้วดูเหมือนว่านากาคุงเขาจะไม่เคยใช้วิซในการต่อสู้เลยสักครั้งนะคะนั่น”

 

“นั่นสิพี่คอนแนล ไหงพี่นากาเขาไม่ยอมใช้วิซออกมาสักนิดเลยอ้ะ!? ”

 

เสียงของซิลเวสที่ร้องถามขึ้นมาเสียงดังหลังจากที่เธอบังเอิญไปได้ยินคำถามของรีซาน่าเข้าได้ทำให้เหล่าเพื่อนร่วมห้องต่างพากันเงียบเสียงลงไปและหันมามองทางอัศวินหนุ่มด้วยสายตาคาดหวังคำตอบกันแทบจะทุกคน เนื่องจากพวกเขาเองก็เคยเห็นคอนแนลพูดคุยและจับกลุ่มอยู่กับนากาบ่อยๆ จนน่าจะสามารถให้คำตอบของคำถามที่ค้างคาใจของพวกเขาอยู่ได้

 

“อ—อ่า…เอ่อ…ก็แบบว่า…”

 

ซึ่งก็แน่นอนว่าคอนแนลที่ช่วยนาการักษาความลับมาตลอดนั้นก็ได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าที่จะพูดตอบคำถามอะไรและได้แต่พยายามคิดหาวิธีช่วยพูดแก้ตัวให้กับนากากลับไป ก่อนที่ทันใดนั้นเองโมโกะที่ยังคงจ้องมองดูการต่อสู้ของนากาอยู่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

 

“ไม่ใช่ว่านากาเขาใช้วิซไม่เก่ง… ที่จริงแล้วเขาใช้วิซไม่ได้เลยต่างหากล่ะ”

 

“เอ๋!? จริงหรอคะโมโกะจัง!?”

 

“หา—? อย่ามาล้อกันเล่นน่า มันจะมีคนแบบนั้นอยู่บนโลกได้ยังไงกัน”

 

“ถ้าเกิดใช้วิซไม่ได้แบบนั้นมันก็ไม่ได้ต่างไปจากคนพิการเลยไม่ใช่หรือไงน่ะ!?”

 

“นั่นสิ จะล้อเล่นก็ให้มันน้อยๆ หน่อย ถ้าเกิดว่าหมอนั่นใช้วิซไม่ได้จริงๆ ทางโรงเรียนก็ไม่มีทางจะรับมาเข้าเรียนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง!?”

 

คำพูดของโมโกะนั้นถึงกับทำให้เกิดเสียงโวยวายดังกระหึ่มขึ้นมาในทันที เพราะว่ามันก็เป็นอย่างที่รู้กันว่าไม่ว่าจะเป็นใครในโลกใบนี้ก็สามารถที่จะใช้วิซกันได้ตั้งแต่เกิดไม่ต่างอะไรไปจากการหายใจเข้าออกที่ทุกคนสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีใครมาสั่งสอน

 

อีกทั้งถ้าเกิดว่านากาไม่สามารถใช้วิซได้จริงๆ เขาก็ไม่น่าจะสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนรีมินัสแห่งนี้ที่มาตรฐานสูงกว่าโรงเรียนอื่นๆ ในเมืองได้ตั้งแต่แรกเลยซะด้วยซ้ำ

 

และในขณะที่ทุกคนกำลังร้องโวยวายใส่โมโกะอยู่นั้น ทางด้านอัลเบิร์ตก็ได้เหลือบตามองดูเซซิลที่อยู่ข้างๆ กันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กสาวร่างสูงโปร่งขึ้นมาเมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไรนักสักเท่าไหร่

 

“เธอรู้อยู่แล้ว?”

 

“ก็เคยแอบคิดอยู่เหมือนกัน… เพราะทุกๆ ครั้งที่ฉันเคยสู้กับนากาหรือสู้ร่วมกับเขา หมอนั่นก็ไม่เคยใช้วิซออกมาเลยสักครั้ง แต่จะบอกว่าหมอนั่นกำลังออมมืออยู่มันก็ไม่ใช่เหมือนกัน เพราะถ้าดูจากวิถีดาบของเขาแล้วฉันมั่นใจว่าเขาเอาจริงเต็มที่อยู่แน่ๆ …”

 

แต่ถึงแม้ว่าอัลเบิร์ตกับเซซิลจะไม่รู้สึกตกใจอะไรมากนัก ทางด้านเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ กลับกำลังร้องโวยวายใส่โมโกะอยู่เสียงดัง เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่โมโกะพูดขึ้นมามันจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ว่าพวกเขาก็ทำใจให้เชื่อไม่ได้จริงๆ ว่าในโลกใบนี้มีคนแปลกประหลาดที่ไม่สามารถใช้วิซได้อยู่ด้วย

 

“จะหลอกกันก็ให้มันน้อยๆ หน่อยนะยัยหูแมว! โลกนี้มีคนที่ใช้วิซไม่ได้อยู่จริงซะที่ไหนกันเล่า”

 

“ถ้าไม่คิดจะพูดความจริงก็ไม่มีใครว่าอะไรสักหน่อย แต่ทำไมถึงต้องโกหกกันด้วยล่ะ”

 

“หว๊าย พวกพี่ๆ ทำใจเย็นๆ กันก่อนสิคะ พี่โมโกะเขาอาจจะมีเหตุผลอะไรทำให้บอกความจริงไม่ได้อยู่ก็ได้นะคะ”

 

“ทุกคนใจเย็นก่อนค่ะ!! …มันเป็นเรื่องจริงหรอคะโมโกะจัง ที่ว่านากาคุงเขาใช้วิซไม่ได้นั่นน่ะ?”

 

“ใช่ ตั้งแต่ที่ฉันรู้จักกับนากามาตั้งแต่สมัยก่อนหมอนั่นก็ไม่เคยใช้วิซออกมาได้เลยสักครั้ง ขนาดที่ว่าต่อให้เป็นเตาไฟที่มีตัวแปลงธาตุประสิทธิภาพดีที่สุดเท่าที่จะหามาได้แล้วหมอนั่นก็ยังจุดไม่ติดเลย”

 

คำตอบของโมโกะถึงกับทำให้เพื่อนร่วมชั้นที่กำลังร้องโวยวายกันอยู่ถึงกับเงียบเสียงไปในทันที เพราะถึงแม้ว่าสิ่งที่โมโกะพูดขึ้นมาจะฟังดูเหลือเชื่อจนไม่น่าจะเป็นความจริง แต่ว่าเมื่อพวกเขาได้เห็นท่าทางของคอนแนลที่มีท่าทีลำบากใจแล้วสิ่งที่โมโกะพูดขึ้นมามันก็อาจจะเป็นความจริงก็ได้

 

ส่วนทางด้านรีซาน่าเองก็ถึงกับต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะว่าในเมื่อนากาไม่สามารถใช้วิซออกมาได้ ที่ผ่านเขาก็คงจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากแน่ๆ

 

“ตายจริง… แบบนี้ที่ผ่านมานากาเขาก็ต้องใช้ชีวิตโดยที่ไม่ได้ใช้วิซเลยงั้นหรอคะ?”

 

“อื้อ มันก็อะไรประมาณนั้นแหล่ะ”

 

คำพูดยืนยันของโมโกะนั้นถึงกับทำเกิดเสียงพูดคุยพึมพำขึ้นมาในหมู่เพื่อนร่วมชั้นในทันที เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่โมโกะพูดขึ้นมา แต่ว่าพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะกล่าวได้เต็มปากว่าโมโกะกำลังพูดโกหกอยู่เนื่องจากว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรเลยแม้แต่น้อยที่กลุ่มของพวกนากาจะต้องสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาหลอกคนอื่นเล่นแบบนี้

 

ส่วนทางด้านโมโกะที่เห็นว่าไม่มีใครคิดจะพูดถามอะไรขึ้นมาอีกก็ได้ละความสนใจไปจากเพื่อนร่วมห้องเพื่อหันกลับไปเฝ้าดูการต่อสู้ของเพื่อนสนิทของเธอที่กำลังต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดที่เขาเคยพบเจอมาต่อไป

 

“เดี๋ยวก่อนสิครับโมโกะ บอกพวกเขาตรงๆ ไปแบบนี้มันจะดีจริงๆ หรอครับ…?”

 

ทันใดนั้นเองคอนแนลที่ยังคงมีท่าทีกังวลใจอยู่ก็ได้ยื่นหน้าเข้ามากระซิบถามโมโกะเบาๆ ด้วยความกังวล เพราะว่าที่ผ่านมาถึงนากาจะไม่ได้ปิดบังมันเป็นความลับอะไรสักเท่าไหร่นัก แต่ว่าเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากจะให้คนอื่นๆ รู้เรื่องนี้และมีท่าทีเหมือนกับว่าไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก

 

ซึ่งคำถามของคอนแนลนั้นก็ได้ทำให้โมโกะชะงักไปเล็กน้อยแล้วจึงพูดอธิบายถึงสาเหตุที่เธอเผยความลับของนากาออกมาต่อหน้าทุกคนให้เขาฟัง

 

“ก็อาจจะไม่… แต่ถ้าถามฉัน ฉันคิดว่าการที่นากาโยนโล่น้ำแข็งที่พรีมูล่าสร้างขึ้นมาให้ทิ้งไปต่อหน้าคนที่เก่งขนาดนั้น มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการที่เขาอยากจะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเขาใช้วิซไม่ได้นั่นแหล่ะ”

 

“เฮ้อ… นั่นสินะครับ… ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวผมจะไปช่วยอธิบายให้คนอื่นๆ ฟังเองก็แล้วกันนะครับ เพราะถ้าเกิดว่าเป็นอัศวินอย่างผมพวกเขาก็คงจะไม่คิดว่าผมจะโกหกหรอกมั้งครับ”

 

“อื้ม…”

 

โมโกะพยักหน้าตอบคอนแนลกลับไปเบาๆ ก่อนที่เธอจะโน้มตัวลงไปเท้าคางเอาไว้กับราวระเบียงเพื่อเฝ้าดูการต่อสู้ของนากาต่อไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

 

กริ๊ก—ตู้ม!!

 

“อั๊ก—!?”

 

ในขณะที่ทางด้านบนระเบียงทางเดินหน้าห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันอยู่นั้น ทางด้านนากาที่ในตอนนี้ได้ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนร่วมชั้นโดยไม่รู้ตัวก็เพิ่งจะพลาดท่าถูกกระสุนระเบิดของเนลระเบิดเข้าใส่ในระยะประชิดอีกครั้งหนึ่งจนทำให้เขากระเด็นถอยห่างจากคู่ต่อสู้ไปไกล

 

ส่วนทางด้านเนลที่เพิ่งจะสามารถเป่าให้นากากระเด็นออกไปได้ก็ได้ตัดสินใจที่จะกระโดดถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างเพิ่มเติมพร้อมกับยกดาบปืนของเขาขึ้นมายิงเข้าใส่นากาอย่างต่อเนื่องในทันที

 

ปังปังปัง!!

 

ถึงแม้ว่ากระสุนวิซของเนลจะไม่ได้รวดเร็วเท่ากับกระสุนลำแสงที่เขายิงเข้าใส่นากาเป็นนัดแรกในช่วงต้นของการสอบ แต่ว่ามันก็ยังมีความเร็วมากพอที่เปลี่ยนให้กระสุนวิซสีแดงกลายเป็นลำแสงเส้นเล็กๆ อยู่ดี

 

ซึ่งนากาที่เห็นกระสุนลำแสงวิซพุ่งตรงเข้ามาใส่ก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่วู่วามพุ่งสวนเข้าไปและยืนปักหลักอยู่กับที่เพื่อตั้งสมาธิปัดกระสุนวิซเหล่านั้นทิ้งไปเพื่อความปลอดภัยแทน

 

เป๊งเป๊งเป๊ง!!

 

ปังปังปัง!!

 

ในทันทีที่เนลเห็นว่านากาสามารถปัดป้องกระสุนของเขาได้อย่างสบายๆ เขาก็ได้ตัดสินใจที่จะเดินถอยเว้นระยะห่างไปมากกว่าเดิมพร้อมกับลั่นไกส่งกระสุนเข้าใส่นากาอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมแผนการอะไรบางอย่าง เพราะว่ามันไม่มีสาเหตุอะไรที่เขาจะต้องทิ้งข้อได้เปรียบของตัวเองที่สามารถโจมตีระยะไกลได้อย่างรุนแรงเพื่อเข้าไปต่อสู้กับนากาในระยะประชิดเลยแม้แต่น้อย

 

เคล๊งเคล๊งเคล๊ง!!

 

“เอาไงดีฟระ…!?”

 

ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ

 

ในขณะที่นากากำลังคิดไม่ตกว่าจะต้องทำยังไงเขาถึงจะหลุดพ้นออกจากการถูกยิงกดดันอยู่ฝ่ายเดียวอยู่นั้น อยู่ๆ เครื่องสื่อสารขนาดเล็กที่นากาใส่เอาไว้ในหูตามคำแนะนำของพาเทียซ์ก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาเป็นสัญญาณว่ามีคนพยายามติดต่อมาหาเขาผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารของเอริกะนั่นเอง

 

ปังปังปัง!!

 

แต่ว่ายังไม่ที่นากาจะได้ยกมือขึ้นมากดรับสายสื่อสาร เนลก็ได้ส่งกระสุนลำแสงเข้าใส่นากาอีกครั้งหนึ่งจนทำให้เขาต้องรีบลดมือลงเพื่อตั้งสมาธิปัดป้องกระสุนเหล่านั้นออกไปก่อน

 

เคล๊งเคล๊งเคล๊ง!!

 

ซ่าาาาา—-วี๊———–

 

แต่ว่าในชั่วพริบตาที่นากาเพิ่งจะปัดกระสุนเสร็จนั้นอยู่ๆ เครื่องสื่อสารในหูของเขาก็ได้ส่งเสียงดังซ่าออกมาเบาๆ ทีหนึ่งก่อนที่เสียงซ่าเบาๆ นั้นจะเปลี่ยนกลายเป็นเสียงเสียดแหลมลากยาวดังลั่นจนถึงกับทำให้นากาต้องหลุดสบทออกมาเสียงดัง

 

“โอ้ย—!? เสียงบ้าอะไรฟระ!?”

 

ในทันทีที่นากาหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจนั้นอยู่ๆ เสียงเสียดแหลมลากยาวก็ได้ดับเงียบลงไปกะทันหันก่อนที่ทันใดนั้นเองเครื่องสื่อสารขนาดเล็กที่นากาสวมใส่เอาไว้จะส่งเสียงเหมือนกับเวลาที่เขากดรับการติดต่อออกมาเบาๆ และตามมาด้วยเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยดี

 

ปิ๊บ!

 

“ได้ยินหรือเปล่า…”

 

เสียงพูดสอบถามที่ดังออกมาจากเครื่องสื่อสารนั้นถึงกับทำให้นากาต้องเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ เพราะว่ามันไม่ใช่ทั้งเสียงของเอริกะหรือว่าเอริซาเบธที่สามารถติดต่อมาหาเขาผ่านทางเครื่องสื่อสารอันนี้ได้ แต่ว่ามันกลับเป็นเสียงของหญิงสาวผมสีขาวที่มีชื่อว่าพาเทียซ์ที่ควรจะเป็นเพียงแค่ตัวตนในโลกแห่งความฝันของเขาต่างหาก

 

“ห—หะ พาเทียซ์–!? ถ้างั้นที่นี่ก็—”

 

“ตลกมากนักล่ะ… ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้าฉันตรวจสอบเรื่องอาวุธนั่นเสร็จแล้วฉันจะติดต่อไปหาเองน่ะ…”

 

 

“นายคิดว่ายังไงบ้างล่ะอารอน?”

 

ในระหว่างที่นากากำลังถูกเนลยิงกดดันจนไม่สามารถขยับไปไหนได้และกำลังคิดหาหนทางในการรับมืออยู่นั้น ทางด้านอลิซที่ยืนควบคุมพาร์ทกล้องบันทึกภาพและใช้มือจดบันทึกข้อมูลการต่อสู้อย่างเงียบๆ มาได้สักพักหนึ่งแล้วก็ได้เอ่ยปากถามความเห็นจากอารอนขึ้นมา ซึ่งทางด้านนายแพทย์หนุ่มร่างเล็กนั้นก็นิ่งเงียบสักพักเพื่อเรียบเรียงคำพูดก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดถึงเรื่องอะไรบางอย่างที่เขาสังเกตเห็นถึงความผิดปกติออกมา

 

“ถ้าดูจากการฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตายของนากาตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านแล้วมันก็ดูสอดคล้องกับความสามารถทางด้านร่างกายของนากาอยู่… แต่ว่าฉันว่าที่น่าสงสัยจริงๆ มันคือปฏิกิริยาตอบสนองกับวิธีการใช้ดาบของนากาซะมากกว่า…”

 

“งั้นหรอ…”

 

ในขณะที่อลิซได้พูดตอบอารอนกลับไปเหมือนกับคาดเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องตอบกลับมาแบบนี้ ทางด้านคาร์เทียร์และพรีมูล่ากลับไม่สามารถสังเกตเห็นการพัฒนาการที่ผิดปกติของนากาเลยแม้แต่น้อย พวกเธอจึงได้แต่ต้องพูดถามเหล่าอาจารย์ร่างเล็กทั้งสองคนขึ้นมา

 

“เอ๋? ที่พี่อารอนพูดนั่นหมายความว่ายังไงหรอคะ? หนูก็เห็นว่าพี่นากาเขาเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วดีนะคะ นี่ถ้าเกิดว่าพี่เนลเขาไม่ได้ฉวยโอกาสทิ้งระยะออกไปก่อนเผลอๆ พี่นากาเขาอาจจะชนะไปแล้วก็ได้นะคะนั่น”

 

“นั่นสิๆ พี่นากาเขาเก่งถึงขั้นไม่อยากได้โล่น้ำแข็งที่หนูสร้างขึ้นมาให้เลยนะนั่น บู่วววว”

 

เสียงพูดของพรีมูล่าที่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจแบบทีเล่นทีจริงนั้นได้ทำให้คาร์เทียร์กะพริบตาปริบๆ ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นไปลูบหัวพรีมูล่าที่มีทั้งส่วนสูงและอายุมากกว่าเธอมากเพื่อเป็นการปลอบใจ ในขณะที่ทางด้านอารอนนั้นก็กลับยกมือขึ้นมาจับคางของตนด้วยท่าทีครุ่นคิดแล้วจึงค่อยพูดอธิบายออกมาให้เด็กสาวทั้งสองคนฟังโดยไม่ได้ละสายตาไปจากการต่อสู้เบื้องหน้าเลยแม้แต่น้อย

 

“จะบอกว่าเป็นเรื่องดีมันก็ไม่ผิดหรอก… แต่ว่าถ้าดูจากระยะเวลาการฝึกฝนแค่สองสัปดาห์ของนากาแล้วฉันว่ามันออกจะดู… ได้ผลดีเกินไปสักนิด… เพราะถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วฉันจะเห็นเพื่อนๆ ของนากามาช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ก็เถอะ… แต่ว่าในสัปดาห์แรกนากาเขาทำแค่ฝึกซ้อมกับหุ่นไม้ไม่ใช่หรือไง…”

 

“เอ๋~? แต่พี่นากาเขาก็สู้เก่งแบบนี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ? แล้วอีกอย่างนึงสมัยตอนอยู่ที่หมู่บ้านหนูก็ไม่เห็นว่าพี่นากาเขาจะต้องใช้คู่ฝึกซ้อมเลยด้วย เพราะว่าพี่นากาเขาไม่อยากจะให้หนูหรือว่าโมโกะจังต้องเหนื่อยกับการฝึกบ่อยๆ อ่ะ”

 

“อืม… จะให้อธิบายชัดๆ มันก็ยากแฮะ… เอาเป็นว่าฉันคิดว่าต่อให้เป็นตัวนากาเองเขาก็ไม่น่าจะสามารถพัฒนาได้ไวขนาดนี้อยู่ดีก็แล้วกันน่ะ…”

 

“นายกำลังจะบอกว่าเรื่องความเร็วในการพัฒนาของนากานี่มันมีอะไรน่าสงสัยงั้นหรออารอน?”

 

อลิซที่ได้ยินคำพูดของอารอนได้หยุดมือของเธอที่กำลังจดข้อมูลอยู่ลงและเหลือบตาไปมองอารอนพร้อมกับพูดถามเขาขึ้นมา ซึ่งทางด้านอารอนนั้นก็ได้ชะงักไปเล็กน้อยพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อใช้ความคิดก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาพูดตอบกลับไป

 

“ถึงนากาเขาจะพัฒนาได้ไวจนดูน่าสงสัยอยู่บ้างแต่ว่าเขาก็ไม่ได้พัฒนาได้ไวเกินไปจนถึงขั้นผิดปกติอะไรขนาดนั้น… เพราะดูเหมือนว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมานากาเขาจะตั้งใจฝึกอย่างหนักเลยนี่… เอาจริงๆ ฉันอาจจะแค่คิดมากไปเองก็ได้… แต่ถ้าเกิดเธอคิดว่ามันอาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ลองไปปรึกษาเอริกะดูก็แล้วกัน…”

 

“นั่นสินะ… เพราะฉันเองก็ไม่เคยเห็นใครตั้งใจในเรื่องอะไรสักอย่างนึงแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน…”

 

 

ฟุ๊บ—!

 

“เหวอ—!?”

 

ในขณะที่นากากำลังตกตะลึงอยู่กับเสียงของพาเทียซ์ที่ดังออกมาจากเครื่องสื่อสารในหูของเขาอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ได้มีกระสุนวิซสีแดงนัดหนึ่งพุ่งเฉี่ยวแก้มของเขาไปจนถึงกับให้ทำนากาสะดุ้งสุดตัวและรีบตั้งสมาธิเพื่อป้องกันตัวเองในทันที ก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของพาเทียซ์ดังลอดผ่านเครื่องสื่อสารออกมาอีกครั้งหนึ่ง

 

“ทำการค้นหาวัตถุดิบ…”

 

“วัตถุดิบ…? —เฮ้ย!?”

 

ปั้ง!! เคร๊ง!!

 

“ค้นพบวัตถุดิบ… เริ่มทำการกำหนดจุดหมาย…”

 

“หา—? นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่เนี่ยพาเทียซ์!? ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่นะ!!”

 

“นายหุบปากแล้วก็มองหาละอองแสงสีขาวๆ แบบที่นายเคยเห็นเวลาอลิซเรียกดาบออกมาแล้วก็วิ่งไปคว้าของที่อยู่ตรงกลางแสงนั่นมาก็พอ…”

 

“หะ—? ละอองแสงงั้นหรอ?”

 

นากาที่ได้ยินพาเทียซ์พูดสั่งขึ้นมาแบบนั้นได้เหลือบมองไปรอบๆ เล็กน้อยและพบเข้ากับละอองแสงสีขาวเม็ดเล็กๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังผุดขึ้นมาจากกลางอากาศและลอยเอื่อยๆ ไปทางด้านหลังของเขา แต่ว่าก่อนที่นากาจะได้มองตามมันไปนั้นเองเขาก็ต้องรีบละความสนใจออกมาจากมันก่อนเมื่อเห็นกระสุนวิซสีแดงพุ่งตรงเข้ามาใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง

 

เป๊งเป๊งเป๊ง—!!

 

“ทางนั้นสินะ!”

 

นากาที่จัดการปัดกระสุนเสร็จแล้วได้หันกลับไปมองทางด้านหลังและพบเข้ากับละอองแสงสีขาวจำนวนหนึ่งที่กระจุกตัวกันอยู่ที่พื้นสนามหญ้าห่างออกไปไม่ไกล และนั่นก็ทำให้นากาตัดสินใจที่จะออกวิ่งเข้าไปหามันในทันทีก่อนที่เนลจะได้มีโอกาสลั่นกระสุนเข้าใส่เขาอีกทีหนึ่ง

 

“ถอยกลับไปเองงั้นหรอ… ก็ไม่รู้หรอกนะว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่แต่ว่าฉันไม่หยุดมือรอนายหรอกนะ!”

 

ซึ่งการกระทำของนากานั้นก็ทำให้เนลได้แต่ต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีความคิดที่จะยั้งมือเลยแม้แต่น้อยและเริ่มต้นรวบรวมวิซเพื่อที่จะได้ยิงกระสุนลำแสงเต็มพิกัดแบบที่เขาเคยยิงออกมาในจังหวะเปิดการต่อสู้ในทันที

 

ฟวี๊—

 

และในขณะที่เนลกำลังเริ่มต้นรวมพลังอยู่นั้น ทางด้านนากาเองก็ได้พุ่งตัวไปคว้าเอาอะไรบางบางที่ตกอยู่ท่ามกลางละอองแสงสีขาวนั้นมาถือเอาไว้ในมือ และได้พบว่าสิ่งนั้นมันก็คือถุงมือหนังแบบเปิดนิ้วสีน้ำตาลที่มีคริสตัลวิซสีขาวติดเอาไว้ตรงหลังฝ่ามือ หรือก็คือถุงมือโล่วิซที่เขาได้รับมาเป็นของขวัญจากคุณแม่ที่เขาเพิ่งจะโยนมันทิ้งไปเมื่อตอนเริ่มต้นการสอบนั่นเอง

 

“นี่มัน… ถุงมือของฉันไม่ใช่หรอ?”

 

“ใช้มันเป็นส่วนผสมรวมกับซากอาวุธที่นายเปลี่ยนมันให้เป็นดาบซะ…”

 

“หา? นี่เธอพูดถึงเรื่องอะไรอยู่กันแน่เนี่ยพาเทียซ์?”

 

“เอาเป็นว่านายถือมันเอาไว้อย่างนั้นแล้วก็คิดว่าอยากจะเรียกดาบของนายออกมาอีกครั้งก็แล้วกัน… ส่วนที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง…”

 

คำตอบของพาเทียซ์ที่ไม่ได้ช่วยอธิบายอะไรออกมาเลยนั้นได้ทำให้นาการู้สึกลังเลอย่างหนัก เพราะว่าในขณะนี้เนลที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสนามหญ้าได้เริ่มต้นรวบรวมพลังมาได้สักพักหนึ่งแล้วจนทำให้เขามั่นใจได้ว่ากระสุนที่เนลยิงออกมาเป็นนัดต่อไปคงจะไม่ใช่แค่กระสุนวิซธรรมดาๆ ที่เร็วกว่าปกติอย่างแน่นอน

 

“เอาก็เอาฟระ!!”

 

นากาที่กำลังหวั่นวิตกอยู่กับกระสุนนัดต่อไปของเนลได้ใช้เวลาชั่งใจเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตัดสินใจที่จะเชื่อมั่นในตัวพาเทียซ์ที่เป็นผู้ที่ช่วยให้เขาสามารถพัฒนาตนเองมาได้ขนาดนี้จนสามารถต่อสู้กับเนลมาได้เป็นเวลานานโดยไม่พ่ายแพ้ไปซะก่อน

 

และเมื่อนากาตัดสินใจได้แล้วเขานำมือข้างที่ถือถุงมือเอาไว้ไปกุมที่ด้ามดาบเฟเบิ้ล ดรีมเมอร์แน่นและนึกถึงความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขาใช้ความสามารถในการเปลี่ยนโลหะต่างๆ ให้กลายเป็นดาบในทันที

 

และนั่นก็ทำให้ดาบเปื้อนเลือดในมือของเขาที่ถูกกระสุนวิซของเนลเข้าไปจนหลอมละลายไปบางส่วนคืนสภาพกลับเป็นซากอาวุธที่เสียหายยับเยินของปู่แม็กก่อนที่มันจะแตกกระจายกลายเป็นละอองแสงจำนวนหนึ่งที่พุ่งไปจับตัวกันอยู่ที่ถุงมือติดคริสตัลของนากาพร้อมกับส่องแสงสว่างจ้าออกมา

 

“ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์… เริ่มการติดตั้ง…”

 

การติดตั้ง เสร็จสิ้น สิทธิ์ในการเข้าถึง อนุมัติ

 

“อึ๊ก—!?”

 

ในทันทีที่สิ้นเสียงของพาเทียซ์อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงของคนอีกคนหนึ่งที่ไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นเสียงของผู้ชายหรือว่าผู้หญิงดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยเหมือนกับไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ ก่อนที่ทันใดนั้นเองนากาจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงราวกับว่ามีคนนำลิ่มเหล็กขนาดยักษ์ตอกทะลุเข้าไปในกะโหลกของเขาพร้อมๆ กับที่ภาพเบื้องหน้าของนากาได้พร่ามัวลงราวกับว่ามันเป็นภาพสีที่ถูกน้ำหยดลงไปและหมุนวนมันให้ผสมปนเปกันจนกระทั่งทุกอย่างกลายเป็นความมืดมิดที่หลงเหลือเพียงแค่นากาเพียงคนเดียวในโลกสีดำใบนี้

 

นานแค่ไหนแล้ว ที่ฉันต้องทนอยู่แบบนี้เพราะคำสัญญาคำนั้น

 

ในขณะที่นากากำลังกัดฟันแน่นเพื่อนทนรับความเจ็บปวดราวกับว่ามีคนเอาลิ่มขนาดยักษ์ตอกเข้าใส่หัวของเขานับสิบอันและกำลังจะหมดสติไปนั้นก็ได้มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด และที่เบื้องหน้าของนากาเองก็ได้ปรากฏร่างแสงที่มีลักษณะเหมือนกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังยื่นมือตรงมายังนาการาวกับว่าเขาต้องการที่จะช่วยดึงนากาให้หลุดพ้นออกมาจากความเจ็บปวดที่เขากำลังเผชิญอยู่

 

ในช่วงวินาทีที่พวกเราได้ก้าวพลาดอย่างมหันต์ ความมืดมิดชั่วนิรันดร์ก็ได้กลืนกินแสงสว่างของดวงดาวเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น

 

นากาที่ได้เห็นร่างแสงของชายหนุ่มคนนั้นได้ค่อยๆ พยายามยื่นมือซ้ายของเขาออกไปสัมผัสกับมือของอีกฝ่ายที่ยื่นตรงมาอย่างยากลำบาก และในทันทีที่ฝ่ามือของนากาสัมผัสเข้ากับมือของร่างแสงนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหลากหลายอย่างที่ถาโถเข้ามาในจิตใต้สำนึกของเขา ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความโศกเศร้า ความเจ็บปวด และความตื่นเต้นสนุกสนาน

 

แต่ว่าสิ่งที่นากาสามารถสัมผัสได้มากที่สุดนั้นก็คือความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงที่มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาเพิ่งจะทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงในสิ่งที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ลงไป

 

แต่เพื่อเป้าหมายของพวกเราซึ่งเปรียบเสมือนความฝันที่เป็นจริงนั่นแล้ว ไม่ว่าอนาคตจะบิดเบี้ยวและมืดมนแค่ไหน…ไม่ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานสักเท่าไหร่…

 

ทันใดนั้นเองร่างแสงของชายหนุ่มที่กอบกุมมือของนากาเอาไว้ก็ค่อยๆ เพิ่มความสว่างขึ้นทีละนิดละน้อยจนทำให้ความมืดมิดรอบกาย เจ็บปวด และความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงที่นากาสัมผัสได้ค่อยๆ จางหายไปราวกับว่ามันถูกแสงสว่างที่แผ่ออกมาจากร่างแสงของชายหนุ่มคนนั้นชำระล้างออกไป

 

และหลังจากที่แสงสว่างเจิดจ้าจนแสบตานั้นหายไปก็หลงเหลือเอาไว้แค่ถุงมือหนังสีน้ำตาลเข้มที่ยาวไปถึงครึ่งท่อนแขนของนากาที่มีกล่องกลไกสีดำที่มีปลายมีดสีเดียวกันยื่นโผล่พ้นออกมาจากตัวกล่องเล็กน้อย และความรู้สึกมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่อยากจะปกป้องสิ่งสำคัญที่ยังคงหลงเหลืออยู่เอาไว้

 

…ฉันก็จะลุกขึ้นมาและพุ่งกลับเข้าไปปกป้องพวกมันเอาไว้เอง