ตอนที่ 139 ทำอะไรเลอะเลือน ตอนที่ 140 ต้องคดีความ

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 139 ทำอะไรเลอะเลือน

จริงอยู่ที่ตอนนี้ยังพอมีเวลา แช่ข้าวเหนียวก็ยังทัน นี่ก็คือสาเหตุที่นางยังไม่ร้อนรนใจ

แต่นางไม่ร้อนใจไม่ได้หมายความว่าไม่ถือโทษเอาความซ่งเสี่ยน

ดังนั้นเรื่องนี้ นางจำเป็นต้องพูดตามหลักที่เข้มงวด จำเป็นต้องให้พ่อเฒ่ามีคำอธิบายให้นาง

“ท่านพ่อ ให้พี่ใหญ่ไปซื้อไส้วัตถุดิบแล้วนำไปส่งให้ทางด้านเอ้อร์ยา พี่สะใภ้ใหญ่ไปบอกกล่าวคนในหมู่บ้านไว้หน่อย ดูสิว่าหลังตกดึกแล้ว มีคนยินดีมาช่วยห่อบ๊ะจ่างหรือไม่ ให้เงินมากหน่อยก็เป็นอันใช้ได้ ซึ่งเงินนี้แน่นอนว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องเป็นคนออกกระมัง? ส่วนข้าจะไปหาเปาไล่จื่อและหลานเสี่ยน!” ซ่งหม่านซานตัดสินใจทันที

ชายชราสีหน้าไม่ค่อยดีนัก “เขาต้องการนำบ๊ะจ่างไปส่งให้ตระกูลเผยขายหรือ”

“แล้วจะเป็นอื่นใดไปได้หรือ วันนั้นเขาก็เป็นคนพูดเองว่า ตระกูลเผยมีร้านขายขนมอยู่ ถึงเวลาจะอาศัยช่วงเทศกาลต่วนอู่ นำบ๊ะจ่างเหล่านั้นขายราคาแพงๆ…ทว่าตอนนี้เลยวันเทศกาลตวนอู่แล้ว ยอดขายจะต้องไม่ดีเท่าวันเทศกาลแน่นอน ดังนั้นบ๊ะจ่างที่เขาเอาไปนั่นน่าจะยังขายไม่หมดในช่วงเวลาอันสั้นแน่ ข้าจะพาคนไปตามหา ไม่แน่ว่าจะยังพอเอากลับคืนมาได้บ้าง” ซ่งหม่านซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“เช่นนั้นเจ้ารีบไปตามเถอะ” ชายชราร้อนใจเล็กน้อยเช่นกัน เห็นซ่งหม่านซานย่างก้าวหมายเดินไป ก็รีบเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “แต่อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตเชียว หากเอากลับมาไม่ได้ ก็อย่าได้ชกต่อยให้คนเขาบาดเจ็บเชียวละ”

บุตรชายเขาผู้นี้นิสัยใจวู่ว่าม ก็กลัวว่าอีกเดี๋ยวจะถล่มตระกูลเผยเละเทะเอาได้

ถึงตอนนั้น ระหว่างสองตระกูลดองจะไม่กลายเป็นคู่อริกันไปโดยปริยายหรือ

ทางที่ดีคือเกลี้ยกล่อมคนเขากลับมา มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา…

ซ่งหม่านซานคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงซื่อบื้อเพียงนี้นะ? ซ่งเสี่ยนกล้าขโมยบ๊ะจ่างขนาดนี้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าพูดกับเขาดีๆ เขาจะเชื่อฟังหรือ ต้องสั่งสอนเขาสักหมัดสองหมัด ทางที่ดีต้องใช้ท่อนไม้ฟาดเต็มแรงสักทีด้วย ข้าเป็นญาติผู้ใหญ่เขา ใครจะกล้าขัดขวาง? เผยซื่อนั่นเห็นสามีนางถูกตี พอใจอ่อน เรื่องนี้ก็จัดการได้แล้วไม่ใช่หรือ”

พูดจบ ไม่รอให้พ่อเฒ่าโต้ตอบใดๆ เร่งฝีก้าวเดินไปทันที

ซ่งจินซานครุ่นคิด “ท่านพ่อ ข้าไปกับน้องสี่ด้วยแล้วกันขอรับ!”

เขาจำเป็นต้องไปเป็นผู้จัดการแทนบุตรสาวเขา!

ชายชรามองเขาปราดหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่สะดวกพูดจาอะไรอีก

มองดูอ่อนใจเล็กน้อย

เขาเป็นคนเห็นแก่ภาพพจน์มาแต่ไหนแต่ไร หลายปีมานี้ก็มีชื่อเสียงและเกียรติในหมู่บ้านขึ้นมาบ้างแล้ว ใครบ้างเห็นเขาแล้วไม่ไว้หน้ากันสักหน่อย? แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ หลานชายเขาจะขโมยสิ่งของของหลานสาวเอาไปค้ำจุนตระกูลเผย…

ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ!

พ่อเฒ่าไม่กล้าสบมองซ่งอิง อย่างไรเสียก็มีความรู้สึกละอายใจอยู่เล็กน้อยเช่นกัน

สะใภ้ใหญ่ปั้นหน้าร้องไห้เศร้าเสียใจ “เอ้อร์ยาอา! พี่รองเจ้าเป็นไอ้คนโง่เลอะเลือน ไว้กลับมาจะหวดเขาให้น่าดู! เรื่องบ๊ะจ่างนี้…เจ้าว่าพอจะอะลุ่มอล่วยกันได้บ้างหรือไม่ ข้าจะไปหาคนมาช่วยเดี๋ยวนี้ละ เจ้าว่าเอาตามนี้ตกลงหรือไม่…”

หากเลือกชดใช้เงิน เช่นนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ?

จะเอาเงินจากไหนมาให้นางตั้งหนึ่งร้อยตำลึงเงิน!

ในใจเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่นึกจงเกลียดเผยซื่อแทบแย่ เดิมทีเผยซื่อตั้งครรภ์แล้วเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ตอนนี้นางคิดว่าเผยซื่อเป็นนางจิ้งจอกสาวตนหนึ่งเห็นๆ!

คิดไม่ถึงว่าจะเป่าหูสามีตนเองให้นำสิ่งของของน้องสาวสามีไปให้ทางด้านครอบครัวมารดาเสียได้ ยังมียางอายอยู่บ้างหรือไม่!

“ป้าสะใภ้ใหญ่ สามวันนี้ท่านช่วยข้าทำงาน ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่สองเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน บ๊ะจ่างเป็นของที่มีสัญญากับทางภัตตาคารเย่ว์เฟิง ข้าตัดสินใจไม่ได้ ให้ข้าทำไส้ขึ้นมาอีกครั้ง ข้าก็ไม่รังเกียจเช่นกัน แต่เรื่องที่พี่ใหญ่ทำนี้ไร้คุณธรรมเกินไป ต่อให้ทำบ๊ะจ่างมาชดเชยแล้ว ก็ต้องมีการชดใช้ให้ข้า ใช่หรือไม่เจ้าคะ?” ซ่งอิงกล่าว

“ใช่ๆ จะต้องมีการชดใช้ให้ ไว้รอเขากลับมา ข้าจะให้เขานั่งคุกเข่าเสียเลย! นี่ล้วนเป็นเรื่องฝีมือภรรยาชั่วร้ายของเขาผู้นั้น! เมื่อก่อนลูกเสี่ยนของข้านิสัยดีจะตาย ใครจะรู้ว่าครั้งนี้ไฉนจึงทำอะไรเลอะเลือนไปเสียแล้ว!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวพลางปาดน้ำตา

ไม่ใช่เพราะเลอะเลือน แต่เพราะเงินต่างหาก

“อีกอย่าง” ซ่งอิงมองดูเย็นชาอย่างยิ่ง “หากพี่ใหญ่นำบ๊ะจ่างไปปลอมแปลงเป็นบ๊ะจ่างทองคำชั้นยอดขายออกไปหลอกลวงชาวบ้าน ข้าจะแจ้งขุนนาง”

“หา?! แจ้งขุนนาง!?” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่และซ่งฝูซานพร้อมใจกันตกตะลึง

ตอนที่ 140 ต้องคดีความ

พวกเขาชาวบ้านธรรมดาทั่วไป โดยปกติในแต่ละวันเห็นเจ้าหน้าที่ทางการหลวงใหญ่ที่สุดก็คือหัวหน้าหมู่บ้าน จึงเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อซ่งอิงเอ่ยว่าจะแจ้งขุนนาง ก็คือไปที่ทำการขุนนางประจำเขต หาขุนนางหัวหน้าเขตอย่างจริงจังนั่นเอง!

ขุนนางหัวหน้าเขตที่ว่านี้ตัดสินคดีความไม่เหมือนเช่นหัวหน้าหมู่บ้าน ต้องอับอายขายหน้าไปทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วภายภาคหน้าหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง ใครยังจะกล้าคบค้าสมาคมกับตระกูลพวกเขาอีก ที่สำคัญคือ นี่คงจะไม่จับตัวลูกเสี่ยนของพวกเขาเข้าคุกใหญ่กระมัง!

“เอ้อร์ยา นี่ นี่เป็นเรื่องของครอบครัวเรา ไยต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่ทางการด้วยล่ะ…” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ชักสีหน้าเอ่ยพูด

แม้แต่สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไปด้วย มองดูเห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพึงพอใจเช่นกัน

“บ๊ะจ่างทองคำชั้นยอดเยี่ยมนี้เป็นของที่ภัตตาคารเย่ว์เฟิงกำหนดจำนวนไว้ชัดเจนแล้ว ตอนแรกก็ตกลงกันไว้ดิบดีแล้วเช่นกันว่าจะให้มีขายได้แค่ร้านเดียว หากพี่ใหญ่นำบ๊ะจ่างนี้อาศัยชื่อนี้ไปขาย เช่นนั้นก็เท่ากับการบอกกล่าวภัตตาคารเย่ว์เฟิงว่า ข้าซ่งอิงไม่น่าเชื่อถือ ละเมิดข้อตกลงในสัญญาโดยไปหาเจ้าอื่น? หากเป็นเช่นนี้ จำนวนเงินที่ต้องชดใช้ก็คงไม่ธรรดาเพียงแค่หนึ่งร้อยตำลึงเงินแล้วละเจ้าค่ะ และภัตตาคารเย่ว์เฟิงอาจถึงขั้นฟ้องร้องข้าถึงที่ทำการขุนนางก็เป็นได้ ถึงตอนนั้น ชื่อเสียงของข้าใครจะชดใช้ให้หรือเจ้าคะ” ซ่งอิงแค่นยิ้มเย็นชา

“ป้าสะใภ้ใหญ่ หากข้าอยากหลีกเลี่ยงการถูกภัตตาคารเย่ว์เฟิงฟ้องร้อง ก็จำเป็นต้องฟ้องร้องพี่ใหญ่เสียก่อน โดยฟ้องที่เขาขโมยบ๊ะจ่างเอาไปทำเลียนแบบเป็นบ๊ะจ่างชั้นยอด เช่นนี้จึงจะทำให้ภัตตาคารเย่ว์เฟิงรู้ความโชคร้ายของข้า เข้าใจหรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

หลายวันมานี้ ไม่ใช่ไม่มีบ๊ะจ่างอื่นๆ ทำลอกเลียนแบบบ๊ะจ่างชั้นยอด แต่ลูกค้าก็ไม่ใช่คนโง่เขลา มองดูสีสันและกลิ่นไม่ใช่ ก็ต้องไม่ซื้อเป็นธรรมดา ดังนั้นจึงค้าขายไม่ดี จากนั้นของลอกเลียนแบบนี้ก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

ภัตตาคารเย่ว์เฟิงจึงไม่นำของลอกเลียนแบบเหล่านั้นมากล่าวโทษที่ตัวนาง

แต่ในกรณีซ่งเสี่ยนแตกต่างออกไป

เขาคือคนตระกูลซ่ง มีความเกี่ยวข้องระดับหนึ่งกับนาง บ๊ะจ่างที่เขาขาย เป็นธรรมดาที่ภัตตาคารเย่ว์เฟิงจะไม่วางใจ

อีกอย่าง คนอื่นๆ ที่ได้รับประทานบ๊ะจ่างชั้นยอดก็มีจำนวนแค่ไม่กี่คนเท่านั้น คนอื่นๆ ไม่ทันได้แย่งซื้อกันด้วยซ้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอเพียงบ๊ะจ่างในมือซ่งเสี่ยนหลุดรอดไปได้ คนอื่นๆ ก็แทบจะเชื่อว่าบ๊ะจ่างของเขาเป็นของแท้!

เสียงปากของคนจำนวนมากที่พูดไปพูดมาย่อมทำให้ของปลอมกลายเป็นของจริง ของที่ขายออกไป จะให้ภัตตาคารเย่ว์เฟิงตรวจสอบทีละชิ้นก็คงลำบาก จึงพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าทั้งหมดที่ซ่งเสี่ยนขโมยไปล้วนเป็นบ๊ะจ่างธรรมดา!

ชายชราฟังเข้าใจได้

ว่ากันตามตรง หากซ่งเสี่ยนอาศัยนามบ๊ะจ่างธรรมดามาขาย เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยังพอพูดคุยกันได้ ถึงขั้นก็แค่จำเป็นต้องรับผิดชอบนำจำนวนบ๊ะจ่างของวันนี้เพิ่มเติมเข้ามาให้ครบถ้วนก็พอ

แต่หากเขาอาศัยขายในนามบ๊ะจ่างชั้นยอด ผลลัพธ์ก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อใดที่ขายออกไป ไม่หลานชายก็หลานสาว จะต้องไปเข้าพบเจ้าหน้าที่ขุนนาง

เขาอยู่ในครอบครัวนี้ แม้ว่าจะมีความลำเอียงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทารุณใครทั้งนั้น หลานชายก็ดี หลานสาวก็ช่าง ต่อให้เป็นซ่งอิงเด็กสาวที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข ล้วนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่สมบูรณ์เช่นเดียวกัน

เขาเองก็ยอมรับเช่นกันว่า ตอนที่แยกครอบครัว กระทำไม่ค่อยดีต่อครอบครัวบุตรคนรอง

แต่นั่นก็เป็นเพราะฐานะตัวตนของซ่งอิงจึงนำมาซึ่งการต้องแยกครอบครัว ทำให้เขาเดือดดาลในใจ!

ทุกวันนี้ ความโกรธเคืองนั้นมลายหายไปพักใหญ่แล้ว

หากวันนี้หลานชายหลานสาวกระทำผิดในเวลาเดียวกัน เช่นนั้นไม่ต้องพูดก็รู้ว่า เขาจะต้องปกป้องหลานชายเป็นแน่ แต่ความเป็นจริงคือ หลานสาวได้รับความไม่เป็นธรรม ส่วนหลานชายกระทำชั่ว

หลายปีมานี้เขาเป็นคนที่ค่อนข้างยึดถือความซื่อตรง ให้เขาหลับหูหลับตาเกลี้ยกล่อมซ่งอิงให้แบกรับความไม่พึงพอใจของภัตตาคารเย่ว์เฟิง? อย่าว่าแต่นี่คือเด็กที่ครอบครัวเขาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ต่อให้ไม่ใช่…ก็ทำเช่นนี้ไม่ได้เช่นกัน?!

ทันใดนั้น ชายชราแทบหายใจไม่ออก สีหน้าแดงก่ำและหอบขึ้นมา

ซ่งฝูซานและซ่งอิ๋นซานรีบเดินเข้ามาประคองเขาไว้

“เอ้อร์ยา เจ้าดูท่านปู่เจ้าสิ โกรธจัดจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้แล้ว เจ้าช่วยยกโทษให้ได้หรือไม่…ลูกเสี่ยนจะเป็นพ่อคนแล้ว ภรรยาเขา ภรรยาเขากำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย…จะให้ต้องคดีความไม่ได้เชียว!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ลนลาน

ซ่งอิงมองเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ “เช่นนั้นป้าสะใภ้ใหญ่หมายความว่า ให้ข้าเป็นคนต้องคดีความเองสินะเจ้าคะ?”

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ชะงักนิ่ง ใบหน้าชรากระตุก

หร่วนซื่อผลักเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ทันที หยาดน้ำตาเริ่มไหลริน “พี่สะใภ้ใหญ่…อาอิงบ้านพวกเราไม่ได้ ไม่ได้กระทำผิดต่อท่าน ไยท่านจึงใจร้ายถึงเพียงนี้…”