ตอนที่ 74 เรียกใช้

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 74 เรียกใช้
เรื่องที่คุณหนูสี่ตระกูลไป๋โดยโบยห้าสิบทีเพราะฟาดแส้ใส่คนโลภที่มาอาละวาดหน้าจวนเจิ้นกั๋วกงแพร่สะพัดออกไปทั่ว

บางคนชื่นชมว่าจวนเจิ้นกั๋วกงมีคุณธรรมสูงส่ง ยอมโดนรังแกแต่จะไม่รังแกผู้อื่น!

บางคนรู้สึกว่าจวนเจิ้นกั๋วกงอ่อนแอเกินไป สตรีของจวนเจิ้นกั๋วกงโต้ตอบเพราะมีคนมารังแกถึงหน้าจวน แต่กลับต้องรับโทษของตระกูลเช่นนี้

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ชาวบ้านก็อดนึกถึงคำถามที่คุณหนูใหญ่ไป๋ถามออกมาด้วยความโมโหมิได้ เพียงไม่นาน ข่าวลือเรื่องที่เจิ้นกั๋วกงดึงดันออกรบจนกองทัพพ่ายแพ้อยู่ที่หนานเจียงก็หายไป

ชาวบ้านบางคนนึกถึงซินอ๋องที่มีชีวิตรอดกลับมา ไม่รู้ว่าผู้ใดบังอาจเดาออกมาว่า…เรื่องที่เจิ้นกั๋วกงดึงดันออกรบอาจเป็นแผนการของซิ่นอ๋องที่ต้องการโยนความผิดพลาดที่รบพ่ายแพ้ให้แม่ทัพผู้กล้าเพื่อปกป้องตัวเอง

บางคนสงสัยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจ้างวานญาติทหารให้ไปอาละวาดที่หน้าจวนเจิ้นกั่วกงในวันนี้คือซิ่นอ๋อง

ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายมากขึ้น จนผู้คนเริ่มเชื่อตามนั้นชาวบ้านปักใจเชื่อว่านี่คือความจริง

เพียงครึ่งวัน บรรดาร้านค้า และบ้านในเมืองหลวงต่างได้ยินเสียงก่นด่าซิ่นอ๋องของชาวบ้านด้วยถ้อยคำที่รุนแรง

บุรุษใจกล้าบางคนถึงกับตรงไปที่หน้าประตูจวนซิ่นเพื่อถ่มน้ำลายใส่ จากนั้นจากไปด้วยความโมโห

ที่ปรึกษาที่อยู่ในจวนซิ่นอ๋องต่างร้อนใจมาก ปรึกษาหารือกันที่ห้องประชุมครึ่งวันก็ยังหาทางแก้ปัญหาไม่ได้

“แต่ยังดีที่เรารู้แล้วว่าบัดนี้ตระกูลไป๋ยังมิได้บันทึกสถานการณ์รบมาครอบครอง! ตอนนี้เราต้องช่วยกันหาบันทึกสถานการณ์รบให้เจอก่อนเป็นอันดับแรก!”

“ก็ทำได้เพียงเท่านี้แหล่ะ! สั่งให้คนจับตาดูจวนเจิ้นกั๋วกงไว้ด้วย หากมีบุคคลน่าสงสัยเข้าออกจวน รีบรายงานทันที”

ชายชราในชุดสีฟ้าซึ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟส่ายหน้า “รายงานสถานการณ์รบในครั้งนี้ ซิ่นอ๋องรีบร้อนปกปิดความผิดมากเกินไป การใช้คำว่า ดึงดันออกรบ มันชัดเจนเกินไปว่าพระองค์ทรงต้องการปัดความรับผิดชอบ ความผิดพลาดจริงๆ!”

ซิ่นอ๋องจะนำศพกลับมาในวันที่ห้า จวนเจิ้นกั๋วกงเสียชีวิตลงกะทันหัน โชคดีที่ยามปกติต่งซื่อดูแลจวนอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว คนในจวนไป๋สามัคคีกันดีแม้จะเป็นช่วงปีใหม่ ทว่าหลังจากที่ทราบข่าวในคืนสิ้นปี จวนเจิ้นกั๋วกงเตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพภายในเวลาเพียงสามวันเท่านั้น

ทว่าเรื่องการโยนชามกระเบื้องต่อหน้าวิญญาณ องค์หญิงใหญ่ ท่านแม่และบรรดาท่านป้าสะใภ้ยังไม่ได้กำหนดคน

บัดนี้บุรุษตระกูลไป๋ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว เหลือเพียงบุตรอนุที่ยังไม่ได้มีชื่ออยู่ในตระกูลของท่านลุงสอง ส่วนเด็กในท้องของฮูหยินห้าก็ยังไม่รู้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี

หากให้บุตรอนุเป็นผู้โยนชามกระเบื้องก็เท่ากับเป็นการยอมรับฐานะของไป๋ชิงเสวียน กระทั่งเป็นการฝากความหวังทั้งหมดของตระกูลไป๋ไว้ที่ไป๋ชิงเสวียนเพียงผู้เดียว หากรักษายศเจิ้นกั๋วกงไว้ได้ ผู้ที่ได้รับสืบทอดก็จะกลายเป็นบุตรอนุผู้นี้

แต่บุตรอนุผู้นี้มือเต็มไปด้วยเลือด รังแกข่มเหงผู้อื่น ไร้คุณธรรม ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่ ต่งซื่อหรือฮูหยินคนอื่นๆ ต่างก็ไม่วางใจที่จะมอบตระกูลไป๋ไว้ในมือของไป๋ชิงเสวียน

บรรดาฮูหยินร่วมปรึกษาหารือกับองค์หญิงใหญ่ที่เรือนฉางโซ่วตลอดช่วงบ่าย ทว่าก็ยังไม่ได้ผลสรุป แต่พวกบ่าวรับใช้ที่มีใจทะเยอทะยานกลับสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ต่างพากันไปเสนอหน้ารับใช้ที่เรือนชิงหมิง

ขนาดมารดาของไป๋ชิงเสวียนยังวางมาดเป็นว่าที่นายหญิงใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกง จวนเจิ้นกั๋วกงกำลังจัดพิธีไว้อาลัย แต่นางกลับไม่สนใจเรื่องที่ต่งซื่อสั่งห้ามรับประทานเนื้อสัตว์ นางสั่งให้โรงครัวนำรงนกมาให้บุตรชายของตน สักพักก็บอกว่าอยากทานหมูอบน้ำผึ้ง สักพักอยากได้หมูเย็น สักพักบุตรชายก็ตำหนิว่าขนมซูอวิ๋นหวานเกินไป สักพักก็รังเกียจหาว่าสาวใช้ที่มาปรนนิบัติไม่งามเป็นเสนียดแก่ดวงตาอันสูงส่งของบุตรชาย

แต่ก็มีบ่าวรับใช้ที่ต้องการประจบสองแม่ลูกคู่นี้ เจ้าเล่ห์แอบนำอาหารชั้นเลิศไปให้ที่เรือนชิงหมิง

สาวใช้บางคนได้ยินว่าไป๋ชิงเสวียนชอบสาวงามจึงเริ่มคิดไม่ซื่อ อาศัยว่าตัวเองหน้าตาดีจึงไปปรากฏกายที่เรือนชิงหมิง

ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่หน้าเตาผิงทองแดง หมัวมัวซึ่งนางเป็นคนส่งไปดูแลเรือนชิงหมิงยืนอยู่ด้านหน้าของนางอย่างนอบน้อมพลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนชิงหมิงสองสามวันมานี้ให้นางฟัง

“อี๋เหนียงของนายท่านสองที่อยู่เรือนชิงหมิงกล่าวว่า ผู้ใดทำให้ลูกชายของนางบาดเจ็บ ภายภาคหน้านางจะทวงคืนให้เท่ากันเจ้าค่ะ” หมัวมัวผู้ดูแลทราบดีว่าอี๋เหนียงหมายถึงคุณหนูใหญ่ นางจึงจำเป็นต้องรายงานให้คุณหนูใหญ่ทราบ

“ลำบากหมัวมัวแล้ว ข้าต้องการให้หมัวมัวคอยจับตาดูเรือนชิงหมิงต่อไป อย่าให้คนพวกนั้นก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาในตอนนี้เด็ดขาด” หญิงสาวเงยหน้ามองหมัวมัวที่ซื่อสัตย์พลางเอ่ยกำชับ

“คุณหนูใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ หากมีเรื่องอันใด บ่าวจะให้คนมารายงานให้คุณหนูใหญ่ทราบทันทีเจ้าค่ะ” หมัวมัวผู้ดูแลเอ่ย

ชุนเถาเดินไปส่งหมัวมัวผู้ดูแลที่หน้าประตู กำลังจะแหวกม่านเดินเข้าไปรับใช้ไป๋ชิงเหยียนก็เห็นถงหมัวมัวสะพายย่ามไว้ที่แขนเดินเข้ามาในเรือนชิงฮุยอย่างรีบร้อน

ชุนเถาน้ำตาคลอรีบถลาไปด้านหน้า ย่อกายทำความเคารพ กล่าวออกมาอย่างสะอึกสะอื้นด้วยดวงตาที่ร้อนผ่าว “ถงหมัวมัว ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที!”

แม้ปกติถงหมัวมัวจะไม่ค่อยยิ้มแย้ม ตั้งกฎระเบียบมากมาย ควบคุมบ่าวรับใช้ทุกคนอย่างเข้มงวด ทว่า ถงหมัวมัวอาบน้ำร้อนมาก่อนยิ่งเจอปัญหาก็ยิ่งสุขุม

บัดนี้จวนเจิ้นกั๋วกงกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่หลวง ถงหมัวมัวกลับมา บ่าวรับใช้อย่างพวกนางจะได้มีที่ยึดเหนี่ยว

ถงหมัวมัวพยุงชุนเถาให้ลุกขึ้น ขอบตาร้อนผ่าว สีหน้าที่เคร่งขรึมอยู่แล้วยิ่งดูเข้มงวดมากขึ้น

“คุณหนูใหญ่เป็นอย่างใดบ้าง สภาพร่างกายรับไหวหรือไม่”

“หมัวมัววางใจได้เจ้าค่ะ! คุณหนูใหญ่สบายดี! รับไหวเจ้าค่ะ!” น้ำตาของชุนเถาหยดลงไม่ขาดสาย

ช่วงที่ถงหมัวมัวไม่อยู่มีแต่เรื่องประดังประเดกันเข้ามา ดูภายนอกเหมือนว่าชุนเถาจะทนไหวเฉกเช่นเดียวกับคุณหนูใหญ่ แต่พอถงหมัวมัวกลับมานางจึงฝืนต่อไปไม่ไหว ยิ่งนึกถึงเรื่องต่ำช้าที่คนเลวทรามอย่างชุนเหยียนทำเอาไว้ นึกถึงจุดจบของบุรุษแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง ชุนเถาก็ร้องไห้ออกมาอย่างฝืนจะทน

ตอนที่ถงหมัวมัวยังไม่กลับมา นางได้ยินเรื่องราวมากมายของคุณหนูใหญ่จากด้านนอก แต่นางก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี แต่พอได้ยินชุนเถากล่าวเช่นนี้นางจึงคลายกังวล

“ข้าขอจัดการตัวเองก่อนแล้วค่อยไปพบคุณหนูใหญ่!” ถงหมัวมัวกล่าวจบจึงเดินเข้าไปที่ห้องข้างๆ ไล่ไอหนาวออกจากเสื้อผ้าของตนเองจากนั้นเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

ถงหมัวมัวได้ยินว่าจวนเจิ้นกั๋วกงเกิดเรื่องก็รีบกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียน ดวงตาของนางแดงก่ำในทันที มองสำรวจดูไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูแข็งแรงกว่าตอนที่นางจากไป นางจึงสบายใจ

ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้ชุนเถาประคองถงหมัวมัวนั่งลงบนที่นั่งทรงกลม เอ่ยถาม “ถงหมัวมัวรีบกลับมาเช่นนี้ ที่บ้านเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่”

บุตรชายของถงหมัวมัวป่วยหนัก นางจึงกลับไปเยี่ยมบุตรชาย เดิมทีหญิงสาวสั่งให้คนไปบอกถงหมัวมัวว่าให้นางอยู่ฉลองปีใหม่ที่บ้านก่อนแล้วค่อยกลับมา เกรงว่านางคงได้ยินเรื่องการตายของบุรุษตระกูลไป๋จึงรีบกลับมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดีของนาง

“บ่าวจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่มิต้องกังวล บ่าวกลับมาครั้งนี้ จินหมัวมัวแม่นมของคุณหนูใหญ่ไหว้วานให้ข้าพาพี่ชายสองคนซึ่งเป็นลูกของแม่นมของคุณหนูที่อาศัยอยู่ที่จวนนอกกลับมาด้วยเจ้าค่ะ! จินหมัวมัวกล่าวว่าบัดนี้ตระกูลไป๋กำลังเผชิญปัญหาเป็นช่วงที่ต้องการใช้คน ให้พี่ชายที่ดื่มนมร่วมเต้าเดียวกันทั้งสองของคุณหนูกลับมาที่จวนเพื่อคอยช่วยเหลือฮูหยินซื่อจื่อและคุณหนูใหญ่ จินหมัวมัวฝากให้ข้ามาบอกคุณหนูใหญ่ว่าอย่าได้กลัวไปเจ้าค่ะ บ่าวผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลไป๋ยังอยู่ ทุกคนพร้อมให้ฮูหยินซื่อจื่อและคุณหนูใหญ่เรียกใช้เจ้าค่ะ”

———————————————

[1] ขนมซูอวิ๋น เป็นของว่างมีลักษณะเป็นก้อนสีขาว หั่นเป็นแผ่นบางๆ มีรสชาติหอมหวาน เนื้อนุ่ม