บทที่ 104 ค้นพบ

ที่เบาะหลังรถ มู่เทียนซิงนั่งตรงกลางโดยมีหนีหย่าจูนอยู่ทางซ้ายและหลิงเล่อยู่ทางขวา หนีหย่าจูนหันหน้าและขยับไปด้านข้างเพื่อถ่ายรูป แล้วก็คลิกส่งภาพ หนีหย่าจูนส่งภาพนี้ไปยัง “กลุ่มครอบครัว” ที่มีสมาชิกหลายคน เช่น คุณตาหนีจื่อหยาง คุณพ่อหนีซีมู่ และป้าหนีซีเย่เป็นต้น เขายังเพิ่มประโยคใต้รูปถ่ายอีกด้วยว่า “วันนี้ชายน้อยคนนี้ทำสำเร็จแล้ว”

นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ทำลายความคาดหวังของครอบครัว ฝ่าฟันทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเรื่องแต่งงาน และตอนนี้เรื่องงานแต่งงานก็คุยกันเรียบร้อยแล้ว!

สมาชิกในครอบครัวก็ตอบอย่างรวดเร็ว

หนีจื่อหยาง:อย่าประมาท สู้ต่อไป

หนีซีมู่ :พวกเขายังไม่ได้ซื้อแหวนเหรอ

หนีซีเย่: ทีนี่ก็รอแต่คุณแล้ว รีบหาสาวสวยสักคนเถอะ

หนีหย่าจูนยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข อะไรจะหาได้เร็วขนาดนั้นล่ะ ภรรยาไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้าง่ายๆนะ ผมยังหาผู้หญิงดีดีสักคนไม่เจอเลย ผมยอมอยู่คนเดียวดีกว่าที่จะหาผู้หญิงมาเป็นของเล่น แบบนี้ขาดความรับผิดชอบ

หนีจื่อหยาง : ใช่ ถ้าจะมีต้องให้มีให้ดีไปเลย

หนีหย่าจูน : ไม่พูดแล้ว มัวแต่ส่งข้อความ พี่ชายของผมเริ่มสงสัยแล้ว เขาเจ้าเล่ห์ยังกับสุนัขจิ้งจอก!

เขาเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋า หนีหย่าจูนยังคงยิ้มอยู่ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่า มู่เทียนซิงและหลิงเล่ต่างก็จ้องมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์

เขาเหงื่ออกและรู้สึกเย็นวูบวาบที่หลัง “พวกคุณสองคนทำอะไรกัน จ้องผมทำไม?”

ยังไงๆมู่เทียนซิงก็เป็นเด็กผู้หญิง คำพูดของหนีหย่าจูนทำให้เธอเขินหน้าแดงจนต้องก้มหัวลงและเงียบไป

หลิงเล่ไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น เขาพูดอย่างเงียบ ๆว่า : “หุ้นของตระกูลหนีและเกาะเล็กๆที่ยกให้เทียนซิงคืออะไรกัน”

เมื่อได้ยิน สีหน้าของมู่เทียนซิงก็เคร่งเครียดขึ้น

เธอมองไปที่หนีหย่าจูนแล้วพูดว่า “พี่หย่าจูน เรื่องพวกนี้คุณลุงไม่รู้มาก่อนเหรอ “

บริษัทเพชรพลอยหนีซือเป็นบริษัทระดับโลก หุ้น5% แค่รับส่วนแบ่งรายปีก็เยอะมากแล้ว

เกาะเล็ก ๆ นอกทะเลเปิดถ้ามู่เทียนซิงเดาไม่ผิด เกาะนั้นน่าจะเป็นเกาะกุหลาบเหมือนที่คนอื่นร่ำลือกัน เกาะนั้นต้องใช้เงินหลายพันล้าน ถึงจะซื้อมาได้

“พี่หย่าจูน”มู่เทียนซิงตกใจ เขาหน้าซีดมาก แล้วก็มองไปที่หลิงเล่ “คุณลุง พวกเรากลับเถอะ เอาสัญญาข้อตกลงแต่งงานคืนให้พี่หย่าจูนเถอะ” เธอคิดว่าจะเอาสมบัติมากมายมาฟรีๆไม่ได้ อีกอย่างสมบัติพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อเสนอของหลิงเล่ สิ่งของราคาสูงพวกนี้เธอรับไว้ไม่ได้แน่ๆ ถ้ารับไว้แค่ในความฝันเธอก็อยู่ไม่เป็นสุข

หลิงเล่กุมมือเธอไว้ ไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว เขามองไปยังหนีหย่าจูนที่อายุไม่เกิน22 แล้วไม่นานก็หันไปมองทางอื่น

หนีหย่าจูนมองไปข้างนอกหน้าต่างเพราะไม่รู้จะตอบยังไง ที่จริงเขารู้ตั้งนานแล้วว่าครั้งนี้จะต้องโดนหลิงเล่จับได้และก็จะต้องโดนถามถึงเรื่องประวัติที่มาที่ไปของเขา ก่อนที่จะไปยังบ้านตระกูลมู่ เขาคิดอยู่ตลอดว่าจะอธิบายเรื่องมรดกแล้วก็ของที่ให้อย่างไร แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็นึกไม่ออกว่าจะตอบยังไง

บรรยากาศในรถตึงเครียด หลิงเล่ยังคงจ้องมองไปที่หนีหย่าจูน สายตาที่เขามอง ทำให้มู่เทียนซินสัมผัสได้ถึงความเจ็บใจ

เธอก็เลยดึงแขนเสื้อของหนีหย่าจูนแล้วพูดว่า“พี่หย่าจูน เขากำลังรอคำตอบของพี่อยู่”

หนีหย่าจูนรู้สึกเครียดไปหมด เขาหันกลับไปมองที่หลิงเล่อย่างมีเลศนัยแล้วก็พูดว่า “ หึหึ เรื่องนี้ปู่ของผมเคยอธิบายไปแล้วไม่ใช่เหรอ แม่ของคุณคือคนที่ไปเป็นผู้ช่วยที่สวิตเซอร์แลนด์ ให้กับน้าของผม อีกอย่างยังเป็นเด็กที่ตระกูลหนี่เก็บมาเลี้ยงอีกด้วย เขาทั้งสองยังเรียกแทนตัวเองว่าพี่น้องกันเลยนะ ตอนนี้เธอเสียชีวิตเเล้ว พวกเราต่างก็รู้สึกเสียใจก็เลยอยากทำดีกับคุณ”

หลิงเล่เงียบ ภายในดวงตาของเขาแอบแฝงไปด้วยความไม่สบายใจ มู่เทียนซิงฟังแล้วสีหน้าของเธอก็เริ่มเย็นชา มองไปยังหนีหย่าจูนโดยไม่กะพริบตา “ ฉันยังไม่เชื่อเลย แล้วพี่หย่าจูนคิดว่าคุณลุงจะเชื่อเหรอ”

ถึงเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง เลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆ ถึงแม้จะมองว่าเป็นลูกในท้อง แต่คุณหนีจื่อหยางกับคุณหญิงเยว่หยาคงไม่ยกมรดกมากมายขนาดนี้ให้หรอกนะ

ตระกูลหนี่ก็ยังมีลูกหลานอีก มรดกเยอะขนาดนี้ ทำไมไม่เก็บให้ภรรยาหรือลูกในอนาคตของหนีหย่าจูนล่ะ ให้ใครก็ได้ทำไมถึงต้องให้หลิงเล่

หนีหย่าจูนทำตัวไม่ถูก คำพูดของมู่เทียนซิงทำให้หนีหย่าจูนคิดแต่อยากจะหัวเราะอย่างเดียว “ฮ่าๆๆ ใช่เหรอ เธอก็ไม่เชื่อเหรอ หึหึ แต่นี่เป็นเรื่องจริง นั่นก็หมายความว่าตระกูลพวกเราจิตใจดีไง”

มู่เทียนซิงหมดคำพูด เธอมองไปที่หลิงเล่ รู้สึกว่าทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว เธอมองไปมองมา จากนั้นก็กอดแขนของเขาไว้ แล้วหนุนไปบนไหล่ของเขา

เขาก้มหน้าลง แต่เธอกลับหัวเราะออกมา “ลุง ในคาบแพทย์ ฉันได้เรียนบางอย่างมา ฉันคิดว่าคุณต้องสนใจมันแน่ๆ”

หลิงเล่ตกตะลึง แล้วมองไปยังรอยยิ้มที่มีเลศนัยของเธอพร้อมกับถามว่า “เกี่ยวกับอะไร”

“เกี่ยวกับDNA” เธอเอียงหัวยิ้มราวกับว่าเธอเป็นพระอาทิตย์ที่สดใสในโลกของเขา แล้วพูดเสียงด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า “DNAของทุกคนเรียงตัวไม่เหมือนกัน ดังนั้นอ้างอิงจากการเรียงตัวของคู่ดีเอนเอ ก็จะสามารถรู้ได้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดหรือไม่”

ถึงแม้หนีหย่าจูนกำลังมองไปนอกหน้าต่าง แต่เขาก็ได้เงี่ยหูฟังทั้งสองคุยกันอย่างใจจดใจจ่อ

หลิงเล่มองไปที่เธอแล้วพูดว่า “เล่าต่อสิ”

เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ คู่ดีเอ็นเอฝาแฝดจะเหมือนกัน100% พี่น้องท้องเดียวกันจะเหมือนกัน25%-99% แม่ลูกจะเหมือนกัน50% ลูกพี่ลูกน้องจะเหมือนกัน17.5% น้าหลานกับปู่ย่าและหลานจะเหมือนกัน 25% เลขพวกนี้เป็นเลขที่ตายตัว แต่ก็มีบ้างที่อาจเป็นเพราะตอนถ่ายทอดดีเอนเอได้เกิดการวิวัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน จึงทำให้ตัวเลขเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ไม่เกิน1% และมีความเป็นไปได้ที่น้อยมาก”

บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด

เมื่อพูดจบ จั๋วหรันก็ได้ขับรถถึงใต้ต้นยี่เข่งของคฤหาสน์จื่อเวย แล้วก็จอดรถอย่างนิ่งๆ

แต่เจ้าของรถกลับไม่มีทีท่าว่าจะอยากจะลงจากรถ

หลิงเล่มองไปที่เธอ คิดว่าเธอคงไม่พูดมั่วซั่วแบบไม่มีที่มาที่ไปเลยพูดว่า “คุณไปค้นพบอะไรมา”

มู่เทียนซิงอยากที่จะพูดออกมามากว่า “ฉันพบรูปภาพที่อยู่ในห้องของคุณหญิงเยว่หยา ในรูปคุณหญิงหรูเกอกับพระมหากษัตริย์เทียนหลิงหน้าตาคล้ายคุณเลย” แต่ว่าคุณหญิงหนีเคยเตือนเธอไว้ เธอเลยไม่กล้าพูด

เธอไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไปผลจะเป็นยังไง ยิ่งเธอเป็นห่วงผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เธอก็ยิ่งไม่กล้าพูด

หลังจากคิดแล้ว ในดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความระแวง แต่ก็ปรากฏให้เห็นถึงความไร้เดียงสา

“ยังไงช่วงนี้ก็ว่าง เอาผมลุงมาสักเส้นสองเส้น แล้วก็เอาของพี่หย่าจูนส่งไปที่โรงพยาบาลตรวจดีเอ็นเอ ถ้าคุณกับพี่หย่าจูนไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน งั้นที่พวกเขาอธิบายก็น่าเชื่อถือ นั่นก็คือแม่ของคุณคือเด็กที่ตระกูลหนีเก็บมาเลี้ยงจริงๆ เขารักทั้งแม่ทั้งลูก ก็เลยทำดีกับคุณ แถมยังให้ทรัพย์สินคุณและภรรยาคุณอีก”