บทที่ 76 คุณพ่อคุณแม่ของนัทธี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง

วารุณีนวดไปที่ขมับแล้วลุกขึ้นมากนั่ง ผ้าห่มที่อยู่บนตัวไหลตามลงมา เผยชุดนอนผ้าไหมสีดำที่อยู่ข้างในออกมา

ชุดนอนใหญ่มาก ดูก็รู้ว่าเป็นของผู้ชาย นี่ทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา “เสื้อผ้าของฉัน……”

นัทธีปิดนิตยสารด้านการเงินลง “วางใจเถอะ เสื้อผ้าของคุณนั้นแม่บ้านเป็นคนเปลี่ยนให้เอง”

แต่แค่ชุดนอนนั้นเป็นของเขาเท่านั้นเอง

หลังจากได้ยินแล้ว วารุณีทำใจให้สงบ รีบยิ้มกลับด้วยความเขินอายกับนัทธี “ขอโทษค่ะประธานนัทธี ฉันตอบสนองรุนแรงเกินไปหน่อย……”

เธอก็ไม่อยาก

เป็นเพราะสถานการณ์ในเมื่อวาน ทำให้เธอมีความเจ็บปวดที่หนักหนาทางจิตใจ

“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ” นัทธีพยักหน้าเบาๆ แสดงออกว่าไม่ได้คิดมาก

วารุณีบีบไปที่แก้ม “ไม่ว่ายังไงแล้ว เมื่อวานก็ขอบคุณประธานนัทธีนะคะ หากไม่ใช่คุณ ฉันอาจจะถูกนิรุตติ์…… จริงด้วย ตอนนี้นิรุตติ์เป็นยังไงบ้างแล้วคะ?”

เธอรีบถาม

นัทธีหรี่ตา น้ำเสียงมีความเย็นชาเล็กน้อย “นอนอยู่ที่โรงพยาบาล”

เมื่อวานเขาถีบกระดูกซี่โครงของนิรุตติ์หักไปไม่กี่คู่

ไม่ถึงสองเดือน นิรุตติ์กลับมาไม่ได้แน่

วารุณีตีไปที่ผ้าปูที่นอนด้วยความสะใจ “สมควรแล้ว!”

เห็นท่าทีที่ดีใจของเธอ นัทธียิ้มโค้งที่ริมฝีปาก แต่ว่าในไม่ช้าก็หายไปแล้ว “มารุตเจอกล้องวงจรปิดที่ห้องตัวหนึ่ง แต่เพราะว่าไม่ได้ถ่ายภาพที่สำคัญเอาไว้ บวกกับนิรุตติ์พูดอย่างยืนหยัดแล้วว่าคุณสมัครใจเอง ดังนั้นจึงไม่สามารถให้โทษกับนิรุตติ์ได้”

“ฉันไม่ได้สมัครใจซะหน่อย!” ความดีใจบนใบหน้าของวารุณีหายไป กลายเป็นความโกรธแค้นแทน

นัทธีนั่งไขว่ห้างแล้วมองเธอ “ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ได้สมัครใจ ไม่เช่นนั้นคุณคงไม่ขอความช่วยเหลือจากผม แต่ผมอยากรู้ว่า ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้นกับคุณ?”

แววตาของวารุณีเปล่งประกายขึ้น “ในกล้องวงจรปิดก็พูดแล้วไม่ใช่หรอคะ”

“กล้องวงจรปิดนั้นไร้เสียง” นัทธีตอบกลับด้วยเสียงเบา

ได้ยินประโยคนี้แล้ว จิตใจของวารุณีเป็นดั่งการนั่งรถไฟเหาะเลย เพียงแค่แป๊บเดียวก็ขึ้นจากข้างล่างไปยังบนยอดได้

ดีมากจริงๆ

หากเป็นแบบนั้น เขาก็ยังไม่รู้ว่าลูกสองคนนั้นเป็นของเขา!

ขณะที่คิดอยู่ วารุณีก้มหน้าลง ปกปิดความตื้นตันในแววตา แต่ใบหน้ากลับพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษค่ะประธานนัทธี ฉันยังไม่สามารถบอกคุณได้ชั่วคราว”

นัทธีเม้มที่ริมฝีปาก “ไม่เป็นไร คุณไม่อยากพูดก็ช่างเถอะ ถึงแม้ว่าโทษที่นิรุตติ์ทำกับคุณ ทางสถานีตำรวจจะไม่สามารถให้โทษอย่างเป็นทางการได้ แต่ว่าผมจะให้เขาออกจากสํานักงานใหญ่”

“อื้ม ขอบคุณค่ะ” วารุณีจับไปที่ผ้าห่ม รู้สึกขอบคุณจากใจจริงๆ

จากนั้น เธอเหมือนจะนึกอะไรออก จับไปที่ลำคอ เห็นว่าบนคอนั้นว่างเปล่า ทันใดนั้นก็กระวนกระวายแล้ว

นัทธีลุกขึ้น หยิบสร้อยคอที่มีแสงเปล่งประกายสีแดงออกมาจากกระเป๋า “คุณกำลังหาสิ่งนี้?”

วารุณีมองไป คือ Heart of Fire จริงๆ ด้วย รีบพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

“ให้คุณ” นัทธียื่นสร้อยคอไปยังข้างหน้าของวารุณี

วารุณีกลับปฏิเสธ “ประธานนัทธี รบกวนคุณช่วยฉันคืนสิ่งนี้ให้นิรุตติ์หน่อยเถอะค่ะ”

คืนกลับไป เธอก็ไม่ติดค้างอะไรนิรุตติ์แล้ว

“คืนให้นิรุตติ์? นัทธีขมวดคิ้ว”

วารุณีอื้มไปเสียงหนึ่ง

นัทธีเก็ยมือลง ใช้แรงบีบสร้อยคอแน่นมาก กลิ่นอายรอบๆ ข้างก็ดูแย่ลง

วารุณีรู้สึกได้แล้ว กะพริบตาด้วยความไม่เข้าใจ “เป็นอะไรคะประธานนัทธี?”

นัทธีปิดตาลง ราวกับว่ากำลังกดทับอะไรอยู่ ผ่านไปสองวินาที จึงจะเปิดปากพูดด้วยความเย็นชาว่า “สร้อยคอเส้นนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับนิรุตติ์!”

“ไม่เกี่ยวข้อง?” วารุณีอึ้งไปเลย

ความหมายของเขาคือ นิรุตติ์ไม่ได้เป็นคนซื้อสร้อยคอ แต่ว่า……

“ประธานนัทธี คุณเป็นคนให้สร้อยคอกับฉัน?” วารุณีกลืนน้ำลาย ถามพร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วมาก

นัทธีก้มหน้าลงไม่พูด เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ายอมรับแล้ว

วารุณีเบ้ปากที่มุมปาก “ฉันไม่รู้ ฉันคิดว่านิรุตติ์เป็นคนซื้อ แต่ว่าประธานนัทธีคะ คุณให้สร้อยคอฉันทำไมคะ?”

“เป็นรางวัลของBath fire rebirthเท่านั้นเอง” นัทธีนำสร้อยคอวางลงบนมือของเธอ แล้วตอบกลับอย่างธรรมดาไปประโยคหนึ่ง

วารุณีกัดริมฝีปาก “แต่ว่าแพงเกินไปแล้วค่ะ ฉันก็ยังไม่สามารถรับไว้ได้ ประธานนัทธี คุณเอากลับไปเถอะค่ะ”

นัทธีไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร มองเธอด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง “ของที่ส่งมอบไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะรับกลับมา คุณไม่เอาก็ทิ้งไปเถอะ”

“แค่ก!” วารุณีเกือบจะสำลักน้ำลายของตัวเอง

พูดเล่นหรอเนี่ย

สิ่งของราคาหลักสิบล้านอัพ คำพูดนี้ก็มีแต่เศรษฐีอย่างเขาแหละมั้งที่พูดออกมาได้

ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกคนมาเคาะ

นัทธีหันหลัง “เข้ามา!”

แกรก ประตูห้องถูกเปิดออก

หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งยื่นหัวเข้ามา “คุณผู้ชายคะ อาหารหลางวันเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณจะลงไปทานตอนนี้เลยไหมคะ?”

นัทธีมองไปทางวารุณีหนึ่งที “เตรียมถ้วยและตะเกียบเพิ่มอีกหนึ่งชุด”

ทันใดนั้นหญิงวัยกลางคนตอบสนองกลับทันที ยิ้มเฮอะๆ แล้วถาม “คุณผู้หญิงท่านนั้นตื่นแล้วหรอคะ?”

“อืม”

“ได้ค่ะ ฉันไปตอนนี้เลยค่ะ”

หลังจากพูดจบ หญิงวัยกลางคนก็ปิดประตูลง

“เธอคือป้าส้ม รับผิดชอบการทำอาหารโดยเฉพาะ” นัทธีแนะนำสถานะของหญิงวัยกลางคนคนนี้ให้กับวารุณี

วารุณีพยักหน้า แสดงออกว่าจดจำไว้แล้ว

นัทธีหยิบกล่องที่อยู่บนหัวเตียงกล่องหนึ่งมอบให้เธอ “เปลี่ยนเสื้อ จากนั้นลงตึกไปทานข้าวนะ”

“ค่ะ” วารุณียื่นมือทั้งสองไปรับกล่องมา

นัทธีออกไปแล้ว

วารุณีเลิกผ้าห่มจากตัวและลงเตียง เปิดกล่องแล้วเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า

หลังจากเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว เธอก็มองไปทาง Heart of Fire แล้วลังเลไปสองวินาที สุดท้ายก็เก็บขึ้นมา

ในเมื่อเขาไม่เอา เธอก็เก็บไว้ละกัน

รอให้ทีหลังมีโอกาส ค่อยคืนให้เขา

ขณะที่คิดอยู่ วารุณีก็จัดเตียงให้เรียบร้อย แล้วเดินไปทางประตู พึ่งออกจากประตู ก็เห็นนัทธีที่ยืนพิงอยู่ข้างหนัง ตกใจหมดเลย ตบไปที่หน้าอก “ประธานนัทธี คุณยังไม่ได้ไปหรอคะ”

“รอคุณ” นัทธีปล่อยแขนที่ประสานกันอยู่ออก

วารุณียิ้มแล้วเสยผม “กลัวว่าฉันจะหาบันไดไม่เจอหรอคะ?”

นัทธีไม่ได้ปฏิเสธ ยกเท้าเดินนำทางอยู่ข้างหน้า “ไปเถอะ”

วารุณีตอบกลับไปเสียงหนึ่ง เดินตามอยู่ข้างหลังเขา เดินลงตึกไปด้วย มองสำรวจวิลล่าของเขาไปด้วย

วิลล่าใหญ่มาก การตกแต่งก็ง่ายๆ เรียบๆ เหมือนกับอพาร์ทเม้นท์หลังนั้นของเขาเลย เงียบสงบ

มาถึงห้องอาหาร บนโต๊ะอาหารได้จัดวางอาหารเรียบร้อยแล้ว

วารุณีมองดูอาหารพวกนั้น เบิกตากว้างพูดด้วยความตะลึง “ว้าว หลากหลายมากเลยค่ะ”

ป้าส้มที่ถือซุปออกมาจากห้องครัวได้ยินประโยคนี้แล้ว ทันใดนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “รีบนั่งแล้วชิมดูค่ะว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง?”

“ได้เลยค่ะ” วารุณีก็ไม่เกรงใจแล้ว ดึงเก้าอี้ออกนั่งลง หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปาก

“เป็นยังไงบ้างคะ?” ป้าส้มถามเธอ

นัทธีคีบตะเกียบพลางมองไปทางเธอ

ภายใต้การมองของทั้งสอง วารุณียกนิ้วโป้งขึ้นมา “อร่อยมากค่ะ”

ป้าส้มหรี่ตายิ้ม “งั้นก็ทานเยอะๆนะคะ”

“ค่ะ” วารุณีพยักหน้า

ดังนั้น เธอจึงไม่ทันระวังทานจนอิ่มเลย

หลังจากทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว นัทธีไปคุยวิดีโอคอลประชุมที่ห้องหนังสือ

วารุณีนั่งอยู่บนโซฟาที่ห้องรับแขก ลูบๆท้องให้อาหารย่อย

ป้าส้มถือน้ำเลมอนมาแก้วหนึ่ง “คุณวารุณีคะ นี่ค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” วารุณีรีบรับมา

ป้าส้มนั่งอยู่ข้างกายของเธอ มองเธอด้วยแววตาที่เอ็นดู

วารุณีถูกป้าส้มมองจนรู้สึกมีความกดดัน จับไปที่หน้าของตัวเองแล้วถามว่า “ป้าส้มคะ บนหน้าของหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ไม่มีค่ะ ฉันก็แค่มีความรู้สึกสงสัยในตัวคุณวารุณีค่ะ คุณวารุณีเป็นแขกคนแรกที่คุณผู้ชายพากลับมาเลยนะคะ” ป้าส้มพูด

“คนแรก?” ท่าทางที่จะดื่มน้ำของวารุณีหยุดไป “คุณหมอพิชิตและว่าที่ภรรยาของประธานนัทธีรวมถึงคุณนวิยายังไม่เคยมาที่นี่เลยหรอคะ?”

ป้าส้มส่ายหัว “ไม่เคยค่ะ คุณผู้ชายไม่ให้ ดังนั้นเมื่อคืนตอนที่คุณผู้ชายพาคุณวารุณีกลับมา ฉันถึงได้ตกใจขนาดนั้นค่ะ”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” วารุณีหมุนแก้วที่อยู่ในมือ ในใจรู้สึกมีความสุขมากๆ

ขณะนี้ จู่ๆ เธอก็เห็นอะไรบางอย่าง ชี้ไปทางภาพที่อยู่บนผนังตรงข้ามโทรทัศน์ “ป้าส้ม พวกเขาคือ?”