ตอนที่ 102 ฝึกจูบในที่ทำงาน
ตอนที่ 102 ฝึกจูบในที่ทำงาน
หลินเซี่ยเห็นชายคนนั้นสอดข้อมือเข้าไปในถุงบรรจุกล่องอาหารและปรบมืออย่างแรง จึงส่งยิ้มหวานให้เขา
เมื่อเฉินเจียเหอเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของภรรยา เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ จนเผลอปรบมือแรงยิ่งกว่าเดิม
เลขานุการหลี่พูดขึ้นว่า “ไม่เลว ไม่เลว พวกคุณสามารถเป็นตัวแทนของโรงงานยานยนต์ของเราในการแข่งขันได้แน่นอน”
“ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักของพวกคุณนะ เสี่ยวหลิน สมแล้วที่เป็นคนรุ่นใหม่ความคิดกว้างไกล”
ทันทีที่เลขาหลี่ออกปากชื่นชม หลินเซี่ยและสาวใหญ่ทั้งหลายก็ดูผ่อนคลาย
ความพยายามอย่างหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมาในที่สุดก็ไม่ไร้ประโยชน์แล้ว
หลินเซี่ยตอบกลับ “ขอบคุณเลขาหลี่ที่สนับสนุนพวกเราค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะมาเข้าแถวฝึกซ้อมกันทุกวันหลังจากเลิกงาน การแข่งขันจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ใช่ไหมคะ ดังนั้นทุกคนต้องรักษาจิตวิญญาณของตัวเองไว้ จำไว้ว่าอย่าทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ เพราะพวกเราจะขึ้นเวทีด้วยสภาพที่เพียบพร้อมที่สุด นำชื่อเสียงมาสู่โรงงานยานยนต์ของเรา”
เลขานุการหลี่พยักหน้า “ใช่แล้ว ผมจะประสานกับทางโรงงานเพื่อขอผ่อนผันให้พนักงานที่เข้าร่วมการแสดงสามารถเลิกงานก่อนเวลาได้หนึ่งชั่วโมง จะได้มีเวลางีบหลับล่วงหน้าได้”
หลังจากที่เลขานุการหลี่พูดจบ เขาก็มองไปที่เหล่าหยางซึ่งยืนอยู่กลางฝูงชนและกำลังดูการเต้นรำอยู่ ถามว่า “เหล่าหยาง การแสดงของฝั่งผู้หญิงพร้อมแล้ว การแสดงของคุณกับเสี่ยวหวังล่ะพร้อมหรือยัง?”
ชื่อเต็มของเหล่าหยางคือหยางเป่าเฉวียน เขายังมีสถานะเป็นสามีของพี่สาวหลิว เมื่อกี้นี้เขาเองก็ปรบมือให้กับภรรยาของเขาไม่หยุดเช่นกัน เขาตอบว่า “ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ เรามักจะซ้อมกันหลังเลิกงาน ไว้ผมจะไปเรียกเสี่ยวหวังมาแสดงให้ทุกคนชม”
“ได้ ลองเล่นให้พวกเราดูหน่อยเถอะ”
พูดจบทุกคนก็ตบมือและโห่ร้องให้กำลังใจ
เฉินเจียเหอถือโอกาสย้ายตำแหน่งของตัวเองไปยืนข้างหลินเซี่ยและชมเชยว่า “คุณเต้นเก่งจริง ๆ”
หลินเซี่ยยักคิ้ว “กว่าจะเก่งก็ฝึกซ้อมกันมาตั้งนานน่ะค่ะ”
เขาพูดว่า “ผมขอขึ้นไปเก็บกล่องอาหารไว้ในบ้านก่อน ไม่อย่างนั้นอาหารจะเย็นชืดหมด”
“ค่ะ ไว้ฉันค่อยตามขึ้นไปหลังจากดูการแสดงของหยางกงจบ”
หยางเป่าเฉวียนหยิบยาสีฟันจงหัวหลอดหนึ่งออกมาจากที่ไหนสักแห่ง แล้วป้ายไปบนจมูกของเขา
จากนั้นเขาก็หยิบหนังยางมัดผมมาจากข้อมือของพี่สาวหลิว แล้วผูกผมเป็นจุกเล็ก ๆ ไว้เหนือศีรษะตัวเอง
ทันใดนั้นหลินเซี่ยก็ตระหนักได้ว่าการแสดงที่พวกเขากำลังจะเล่นนั้นคือการแสดงคู่
พวกเขายกโต๊ะออกไปวางต่างฉาก เสี่ยวหวังไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง จากนั้นหยางเป่าเฉวียนก็เริ่มแสดง
หลินเซี่ยยืนดูด้วยความสนุกสนาน หัวเราะไปกับการแสดงและบทพูดที่แสนจะตลกขบขันของพวกเขา
เฉินเจียเหอขึ้นไปวางกล่องอาหารเสร็จแล้ว และลงมายืนข้างหลินเซี่ยตามเดิม
“หยางกงแสดงได้ดีมาก”
“อืม ดีจริง ๆ”
ปากตอบไปอย่างนั้นว่าดี แต่เขากลับเอามือล้วงกระเป๋า ไม่แม้แต่จะหัวเราะสักแอะ
“เหล่าหยางและเสี่ยวหวังแสดงได้ดีมาก ในเมื่อการแสดงสองรายการของเรายอดเยี่ยมแบบนี้ ในที่สุดผมก็รู้สึกโล่งใจแล้ว สหายทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านได้ พวกคุณยังต้องฝึกซ้อมให้หนัก อย่าหย่อนยานการซ้อมเด็ดขาด ถ้าพวกคุณสามารถคว้ารางวัลกลับมาให้โรงงานเราได้ เราจะมอบของที่ระลึกให้พวกคุณทุกคน”
หลังจากเลขานุการหลี่พูดคุยแลกเปลี่ยนและแสดงความยินดีกันเล็กน้อย ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านของใครของมัน
“คุณเหนื่อยไหม?” หลังจากเข้ามาในห้อง เฉินเจียเหอก็เกลี่ยผมหน้าม้าออกจากหน้าผากของเธอแล้วถามด้วยความห่วงใย
“ไม่เหนื่อยค่ะ ดูสิ นี่คือเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พวกเราเพิ่งซื้อมาวันนี้ ดูดีไหมคะ?” เธอถามพลางชี้ไปที่เสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่
“ดูดี ไม่ว่าคุณจะใส่อะไรก็ดูดีไปหมด” เฉินเจียเหอมองหน้าเธอ สายตาของเขาแสดงออกเหมือนกับที่หวังซิ่วฟางพูดไม่มีผิด หวานเชื่อมมากจนหวานหยด
หลินเซี่ยกระตุกมุมปากเล็กน้อย “ทำไมวันนี้ปากหวานจังเลยล่ะคะ?”
เฉินเจียเหอ “อาจเป็นเพราะมันถูกทาด้วยน้ำผึ้ง”
หลินเซี่ย “…”
เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับเขาอย่างไรดี
“ไม่เชื่อเหรอ? ลองชิมดูสิ”
“หา?”
ก่อนที่เธอจะทันได้โต้ตอบ เขาก็รวบร่างเธอเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะทาบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของเธอ
ดวงตาของหลินเซี่ยเบิกกว้างด้วยความตกใจกับการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของเขา
“หลับตา” เสียงของเขาทั้งแหบพร่าและเย้ายวน
หลินเซี่ยยอมหลับตาอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับยกมือขึ้นกอดรอบเอวสอบของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ค่อย ๆ ขยับริมฝีปากบดจูบอย่างนุ่มละมุน มองเธออย่างเร่าร้อนด้วยดวงตาล้ำลึก
จากนั้นเขาก็จูบมุมปากของเธออีกครั้ง
ขาของหลินเซี่ยอ่อนเปลี้ยไม่เหลือแรงยืน
ลมหายใจของเธอผันผวนไม่สม่ำเสมอ เธอพยายามจับเอวของเขาไว้แน่นจนสามารถกลับมายืนได้อย่างมั่นคง
“สองวันมานี้คุณไปทำอะไรมา?” เธอถามคาดคั้นพลางจ้องมองเขา
เฉินเจียเหอตอบ “ไปทำงาน”
“ที่ทำงานมีเวลาให้ฝึกจูบด้วยเหรอ?”
พัฒนาการของเขาในครั้งนี้ดีงามมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ริมฝีปากของเธอยังหลงเหลือร่องรอยความหวานราวกับผลไม้เล็กน้อย
เหมือนเขาไปเอาน้ำผึ้งมาทาปากจริง ๆ
เขาคือคนเดียวกันกับที่กัดปากเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนจนทำให้ปากเธอเจ็บชาหรือเปล่านะ?
เฉินเจียเหอได้ยินแบบนั้นก็คลี่ยิ้มจาง ๆ “คุณหมายความว่าจูบของผมพัฒนาขึ้นงั้นเหรอ?”
“ออกไปเลย” หลินเซี่ยหน้าแดงและผลักเขาออกไป
เฉินเจียเหอมองตามร่างของเธอที่วิ่งหนีไป ตะโกนไล่หลังว่า “รีบอาบน้ำนะ ผมขอเช็กดูก่อนว่ากับข้าวเย็นหมดแล้วหรือยัง”
หลินเซี่ยวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ มองหน้าตัวเองในกระจก เห็นว่าลิปสติกบนปากถูกกลืนกินแทบไม่เหลือ
เขากลืนกินลิปสติกของเธอสองครั้งแล้ว
เธอไม่มีน้ำมันทำความสะอาดเครื่องสำอางคุณภาพสูงหรือกระดาษชำระ ดังนั้นจึงทำได้แค่ล้างหน้าด้วยสบู่ แล้วเช็ดออกแรง ๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้า
เมื่อเธอออกมา เฉินเจียเหอก็จัดวางอาหารไว้บนโต๊ะแล้ว
กับข้าวถูกเทลงในชามสำหรับเธอโดยเฉพาะ หลินเซี่ยมองไปที่ข้าว แกงจืดผักกาดและเต้าหู้ รู้สึกว่ามันน่ากินมาก
หรืออาจเป็นเพราะเธอหิวเกินไป
“เมื่อไหร่หู่จือจะกลับมาเหรอคะ? ฉันเริ่มคิดถึงเขาแล้ว” หลินเซี่ยถามเขาขณะกินข้าว
เฉินเจียเหอบอกว่า “ผมว่าจะไปรับเขากลับมาวันมะรืนนี้ แล้วค่อยพาไปรายงานตัวที่โรงเรียนอนุบาลในวันจันทร์หน้า”
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ เฉินเจียเหอก็หยิบขนมสีแดงที่ห่อด้วยกระดาษห่อขนมออกมาจากกระเป๋า และวางไว้ตรงหน้าเธอ
“ให้ฉันเหรอคะ?”
“อืม คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ต้องเติมความหวานให้สดชื่นบ้าง”
หลังจากที่เฉินเจียเหอพูดจบ เขาก็หยิบชามขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในครัว
หลินเซี่ยหัวเราะหลังจากได้ยินคำคมสร้างแรงบันดาลใจที่เขาพูดให้เธอฟัง
เธอลอกกระดาษห่อขนมออก แล้วหยิบตัวขนมเข้าปาก
หวานจริง ๆ ด้วย
เธอหยิบกระดาษห่อขนมขึ้นมา แล้วบรรจงพับเป็นรูปดอกไม้ เสียบไว้ที่กระจกตรงหน้าต่าง
ขณะมองดูกระดาษห่อขนมชิ้นนั้น ใบหน้าของเธอก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน
ชีวิตของเธอในตอนนี้ช่างหอมหวานเหลือเกิน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเซี่ยออกไปซื้อไม้กวาด ที่โกยผง ผ้าขนหนู และอุปกรณ์ทำความสะอาดอื่น ๆ จากร้านขายของชำ และเข้าไปที่ร้านเพื่อทำความสะอาด
ก่อนที่เธอจะวางสิ่งของลงกับพื้นหลังจากเปิดประตูม้วนขึ้น ลุงเจ้าของบ้านพร้อมกับชายมีหนวดคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นเจ้าของบ้าน หลินเซี่ยก็ยิ้มแล้วทักทายว่า “คุณลุง ฉันตั้งใจว่าจะเข้ามาทำความสะอาดบ้านก่อน และในอีกสองวันข้างหน้าจะเริ่มตกแต่งซ่อมแซมเบื้องต้นค่ะ”
เจ้าของบ้านมองหลินเซี่ยด้วยท่าทางอึดอัดเล็กน้อย หลังจากกระแอมไอก็พูดอย่างเชื่องช้าว่า “เสี่ยวหลิน ผมต้องขอโทษด้วย ผมขายร้านนี้ไปแล้ว นี่คือเถ้าแก่เฉียน เฉียนต้าเฉิง”
“ขายแล้ว?” หลินเซี่ยไม่สนใจการเปลี่ยนมือเจ้าของสักเท่าใด ยังคงถามด้วยรอยยิ้ม “คุณหมายความว่าฉันกำลังจะมีเจ้าของตึกคนใหม่เหรอคะ?”
เจ้าของบ้านไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่หันไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พี่เหอเรียนรู้ไวจังค่ะ คลั่งรักอะไรอย่างนี้
อ้าว ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า ไหนบอกจะขายร้านให้เซี่ยเซี่ยไงล่ะลุง
ไหหม่า(海馬)