ตอนที่ 81 ขอหลักฐาน
สองนายบ่าวออกจากจวนตงผิงปั๋ว ทว่าไม่ได้ไปที่ตรอกเชวี่ยจื่อ แต่กลับมุ่งตรงไปที่ทิศตรงกันข้าม
มีหมู่บ้านที่อาศัยแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากตรอกหลีอวี๋เฉียน หนึ่งในนั้นเป็นบ้านที่อยู่มุมลับตาคนปล่อยให้เช่า เมื่อหลายวันก่อนเจียงซื่อได้ไปขอเช่าผ่านจากนายหน้ามา
ที่ดินในเมืองหลวงนั้นแพงยิ่งนัก และเป็นเรื่องยากที่จะซื้อบ้านสักหลังในที่ดินของผู้มั่งคั่ง ดังนั้นการที่จะเช่าที่พักจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร
เจียงซื่อนำเงินสองพันตำลึงที่ได้จากการลงพนันออกมาเตรียมการนี้ ถึงแม้ว่าทุกครั้งจะได้พบกับอาเฟยที่โรงเตี๊ยมอยู่เสมอ แต่พอนานเข้าก็ไม่ค่อยสะดวก
สองนายบ่าวเข้าไปในบ้านนั้นครู่หนึ่ง พอกลับมาอีกครั้งก็กลายเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาพาหนุ่มน้อยหน้ามนเดินออกมา
อาหมานมองเจียงซื่อที่สวมชุดบุรุษแล้วหัวเราะคิกคักไม่หยุด “คุณหนู ท่านน่าจะทำใบหน้าให้คล้ำกว่านี้นะเจ้าคะ”
“ไว้ครั้งหน้าเถอะ ต่อไปนี้ ยังจะต้องมาเตรียมอะไรไว้ที่นี่อีกเยอะ” เจียงซื่อเดินออกไปด้านนอกในใจพลางคิดว่าเมื่อไหร่อาเฟยจะกลับมา
วันนี้ก็ไปหาอวี้จิ่นก่อนว่ามีหลักฐานของซื่อจื่อแห่งจวนฉังซิงโหวหรือไม่ เต้าหู้ไซซีซิ่วเหนียงจื่อก็ไม่อาจจะปล่อยให้เข้าใจผิดไปได้ ทั้งหากทางท่านพ่อได้สืบข่าวเรื่องวัดหลิงอู้ได้แล้วก็จะต้องรีบลงมือตรวจสอบ เรื่องที่จะต้องทำมีมากมายเหลือเกิน
ตรอกเชวี่ยจื่ออยู่ห่างกันไม่ไกลจากจวนตงผิงปั๋วที่อยู่ทางตรอกอวี๋เฉียน สองนายบ่าวเดินไปเพียงครู่ก็ถึงที่นั่นแล้ว ตามข้อมูลที่ได้จากเจียงจั้นตรงหน้าประตูบ้านจะมีต้นพุทรากิ่งงออยู่ต้นหนึ่ง
“คุณหนู ใช่ที่นี่หรือไม่”
“น่าจะใช่แล้ว ไปเรียกเปิดประตูเถอะ บอกไปว่าคุณชายรองเจียงมาเยี่ยม”
“พวกเรามาเยี่ยมใครกันหรือเจ้าคะ” อาหมานชักเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ
คุณหนูสวมชุดแบบนี้ อีกทั้งยังใช้สถานะของคุณชายรอง หรือว่าจะมาหาผู้ชายกันแน่
อาหมายยืนอยู่หน้าประตู สงสัยอยู่ครู่หนึ่งจึงเคาะประตู
“ใคร?” หลังประตูส่งเสียงออกมา พอเปิดบานประตูออกมาได้เพียงครึ่งก็มีใบหน้าที่ผ่านร้อนหนาวมานานยื่นออกมา
คนที่ประตูอายุราวสี่สิบปี ตาบอดข้างหนึ่ง เหลือเพียงอีกข้างที่ดูค่อนข้างดุร้าย
อาหมานหน้าชาวาบอย่างอดไม่ได้ “คุณชายรองเจียงมาขอเข้าเยี่ยมนายท่านขอรับ”
คนที่ประตูมองไปทางข้างหลังแวบหนึ่ง ในตาเปล่งประกายวาบทันที
“มาทำอันใด” หนังหัวของอาหมานชาวาบอีกจนถอยร่นออกมา
“คุณชายรองเจียงอยู่ที่ใด”
อาหมานหลบไปด้านข้าง เผยให้เห็นใบหน้าของเจียงซื่อ “นี่คือคุณชายของพวกเราขอรับ”
คนที่ประตูกวาดตามองแวบหนึ่ง ยิ้มออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “รอสักครู่”
พอเสียงพูดจบ ก็ปิดประตูใส่ดังปัง
อาหมายลูบจมูกก่นด่าขึ้นมา “บ่าวบ้านนี้ไร้มารยาทเสียจริง”
พอคนที่ประตูปิดประตูเสร็จเรียบร้อยก็วิ่งเข้าไปรายงานด้านใน “เจ้านายขอรับ มีคนแอบอ้างว่าเป็นคุณชายรองเจียงมาขอเข้าเยี่ยมท่าน”
ไม่ทันได้รอให้อวี้จิ่นตอบรับ หลงต้านก็เอ่ยเสียงเย็นชา “ใครมันกล้ามาหลอกลวงเจ้านายกัน ปล่อยสุนัขออกไป!”
เอ้อร์หนิวมองหลงต้านด้วยหางตา และยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
มันต้องการจะกล่าวว่า มีสิทธิ์อะไรมาปล่อยข้าทำไมไม่ปล่อยเจ้าไปแทนเล่า?
แต่สิ่งที่ทำให้หนึ่งคนหนึ่งสุนัขคิดไม่ถึงก็คือ เจ้าของพวกเขาได้ก้าวยาวๆ เดินออกไปข้างนอกเสียแล้ว
นี่มันเรื่องอะไรกัน
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขมองหน้ากันและรีบตามออกไป
อวี้จิ่นรีบออกไปข้างหน้า เมื่อมองไปยังประตูไม้สีเขียวนั่นก็หยุดลงชั่วครู่ พลางปรับลมหายใจให้กลับมาปกติและเปิดประตูไปทันที
เอ้อร์หนิวก็วิ่งพรวดออกไปจากข้างตัวของอวี้จิ่น
“มารดามันเถอะ” อาหมานตกใจอดไม่ได้จนร้องเสียงหลง
เจ้าสุนัขตัวใหญ่มาหยุดตรงหน้าเจียงซื่อ ใช้ปากงับชายแขนเสื้อของนางลากเข้าไป ทั้งส่ายหางดุ๊กดิ๊กอย่างดีใจ
เจียงซื่อแอบถอนหายใจเงียบๆ
สุนัขเถรตรงกว่าคนอยู่มากโข ไม่ว่าคนจะเปลี่ยนไปอย่างไร เปลี่ยนไปแค่ไหน ขอเพียงกลิ่นไม่เปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่าสุนัขก็จะจำได้อยู่แล้ว
“รีบปล่อยก่อน ไม่เช่นนั้นเจ้าจะทำให้แขนเสื้อของข้าขาดเอาได้นะ”
เมื่อนางได้กล่าวออกมา เสียงธรรมชาติที่ได้ยินนั้นแจ่มใสไม่เหมือนกับอาหมาน เสียงอ่อนโยนเช่นหญิงสาวก็ปิดเอาไว้ไม่มิด
เอ้อร์หนิวที่งับเสื้ออยู่พลางคิดและหันกลับไปมองอวี้จิ่น
“คุณชาย…เจียง เชิญด้านใน”
เจียงซื่อเองก็ไม่ได้อยากยืนอยู่นอกประตูให้นานเท่าใดนัก จึงได้เดินนำหน้าอวี้จิ่นเข้าไปด้านในก่อน
คนที่ประตูแอบเรียกหลงต้านเงียบๆ “ก็เห็นๆ อยู่ว่าไม่ใช่คุณชายรองเจียง…”
หลงต้านสีหน้าตื่นเต้น ตบๆ ไปที่มือของคนที่ประตู “อย่าเพิ่งทำเสียเรื่อง”
สวรรค์ มีสาวน้อยมาหาเจ้านายถึงบ้านเสียแล้ว เขาจะต้องรีบไปดูสักหน่อยแล้ว
เจียงซื่อเดินตามอวี้จิ่นเข้าไปด้านใน พอถึงกลางลานกว้างก็หยุดลง
“วันนี้ที่มามีเรื่องจะรบกวนสอบถามคุณชายอวี๋เจ้าค่ะ”
“ไม่ทราบว่าแม่นางเจียงมาหาข้ามีธุรอันใด”
หลงต้านที่ยืนอยู่ด้านข้างเบิกตาโตขึ้นมาทันที
ที่แท้เจ้านายก็รู้อยู่แล้วว่าคนผู้นี้เป็นแม่นางเจียงนี่เอง
เดี๋ยวก่อนสิ แม่นางเจียงกับคุณชายรองเจียงมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
เมื่อชาติก่อนเจียงซื่อค่อนข้างคุ้นเคยกับหลงต้านและเหลิงอิ่ง และทราบว่าพวกเขาจงรักภักดีต่ออวี้จิ่นมาก จึงไม่ได้สนใจว่าหลงต้านจะอยู่ด้วยหรือไม่ จึงได้ควักนำถุงผ้าปักออกมา “เหตุใดคุณชายอวี๋จึงมอบให้ข้า”
ตอนนี้หลงต้านอ้าปากค้างไปแล้ว
เจ้านายมอบของแทนใจให้ไปแล้วหรอกหรือ
อาหมานก็อ้าปากค้างด้วยเช่นกัน จึงมองอวี้จิ่นอย่างไม่พอใจ
เจ้าคนนี้มันอย่างไรกันถึงกับมอบของให้คุณหนูแล้วยังไม่ผ่านมือนางได้? หน้าไม่อายเลยจริงๆ
“ข้าได้รับของชิ้นนี้แล้วตกใจมาก ดังนั้นข้าจึงอดไม่ได้ที่จะมาสอบถามท่านว่าเป็นมาอย่างไรกันแน่ หวังว่าคุณชายอวี๋จะไม่ถือสาที่ข้าเสียมารยาทนะเจ้าคะ”
“ไม่ถือสาเลย” อวี้จิ่นรีบตอบกลับทันที กระแอมพลางพูดตอบจริงจัง “แม่นางเจียงอยากรู้เรื่องอันใดหรือ”
“ข้าอยากทราบความหมายของกระดาษแผ่นนั้นที่คุณชายอวี๋เขียน”
“ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะถูกเอาเปรียบ เลยอดไม่ได้ที่จะเตือนเจ้า”
หลงต้านกัดมือ
เขากำลังฝันไปใช่หรือไม่!
เอ้อร์หนิวกำลังนอนทำท่าทางสบายๆ พลางกระดิกหางอยู่ระหว่างอวี้จิ่นและเจียงซื่อ และมันเองก็ไม่เคยรู้สึกสบายขนาดนี้มาก่อน
ฝั่งหนึ่งเป็นเจ้านาย ฝั่งหนึ่งเป็นนายหญิง เป็นสุนัขที่รู้จักแสดงความรู้สึกมากมายตัวหนึ่งเลย ไม่เสียดายที่เกิดเป็นชาติสุนัขจริงๆ
ใบหน้าเจียงซื่อร้อนผ่าวพลางกัดปากตอบ “ข้าหมายถึง เหตุใดท่านจึงพูดว่าซื่อจื่อแห่งฉังซิงโหวเช่นนั้น หรือว่าเขามีอะไรผิดปกติ?”
ไม่มีใครถามเขาว่าเขาคิดอย่างไรเสียหน่อย คนผู้นี้เหตุใดจึงทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอยู่ได้ ช่างเป็นคนที่ปลิ้นปล้อนเสียจริง
“ซื่อจื่อแห่งฉังซิงโหวดวงตาหม่นหมอง ริมฝีปากซีดเซียว เวลาเดินเท้าก็เบาไร้เรี่ยวแรง…”
ตามคำอธิบายลักษณะที่อวี้จิ่นกล่าวมา ทำให้หลงต้านไม่สามารถใช้ความตกใจเพื่ออธิบายอารมณ์ในตอนนี้ได้
ตามท่าทางที่เจ้านายบอก ซื่อจื่อแห่งฉังซิงโหวเป็นพวกมักมากนี่ แล้วจะไปพูดแบบนี้กับแม่นางผู้นี้ได้อย่างไรกัน
“สรุปก็คือซื่อจื่อแห่งฉังซิงโหวเป็นพวกมักมาก บุรุษเช่นนี้ไม่ควรเข้าใกล้ ดังนั้นแม่นางเจียงจงอยู่ห่างคนประเภทนี้เอาไว้”
เจียงซื่อมุมปากกระตุก “คุณชายอวี๋มองจากรูปลักษณ์เอาอย่างนั้นหรือ”
อวี้จิ่นพยักหน้าย้ำ “รูปลักษณ์ภายนอกของผู้คน บ่งบอกจิตใจภายใน”
เมื่อห้าปีที่แล้วเขากำลังจะเดินทางไปทางใต้ ซึ่งตรงกับการแต่งงานของจวนตงผิงปั๋ว และเพื่อได้พบนางเขาจึงได้แอบย่องเข้ามา
ในเวลานั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เขาก็รู้สึกรังเกียจมากกับสายตาของซื่อจื่อแห่งฉังซิงโหวยามที่มองไปยังนาง จนเขาอยากจะควักดวงตานั้นออกมา
แต่ทว่าคำเหล่านี้เขาไม่มีโอกาสที่จะพูดกับนาง
ไม่ใช่เพียงแค่เขารู้สึกรังเกียจมากกับสายตาของซื่อจื่อแห่งฉังซิงโหวที่มองนางเมื่อห้าปีก่อน โกรธจนกระทั่งบัดนี้เลยก็ว่าได้
เขาเป็นคนที่ขี้หึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
“ข้าก็นึกว่าเพราะซื่อจื่อแห่งฉังซิงโหวมีอะไรผิดปกติ เลยตั้งใจว่าจะไปเตือนพี่รองของข้าสักหน่อย ในเมื่อเป็นแค่เพราะลักษณะท่าทางแล้วก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดแล้ว วันนี้รบกวนท่านแล้ว ข้าขอตัวก่อน” เจียงซื่อขอตัวอย่างรักษามารยาท
พอดีกับเวลานี้คนที่ประตูวิ่งเข้ามารายงาน “คุณชายรองเจียงมาขอรับ!”