ตอนที่ 82 สนิทกัน

พี่รองมา?

เจียงซื่อตกตะลึงแล้วมองไปยังอวี้จิ่น

เห็นได้ว่าอวี้จิ่นเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พอตั้งสติได้จึงรีบชี้ไปห้องเก็บฝืนว่า “เข้าไปหลบข้างในนั้นก่อน”

เจียงซื่อที่ยังคิดไม่ทันก็ถูกอาหมานดึงเข้าไปที่ห้องเก็บฝืนอย่างรวดเร็ว

“ในที่สุดก็ปลอดภัย” อาหมานลูบหน้าอกหน้าใจที่เต้นตุบตับ

เหมือนเจียงซื่อจะได้กลับสติแล้ว พอมองรอบๆ ห้องเก็บฝืนที่ทั้งเตี้ยและมืดก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ทำไมถึงต้องมาที่นี่กัน”

แต่คงจะออกไปข้างนอกในเวลานี้ไม่ได้แล้ว เพราะเจียงจั้นได้เดินเข้ามาพร้อมกับเนื้อปรุงสุก เดิมทีหากยังอยู่ตรงลานบ้านยังพออธิบายได้ แต่ถ้าออกไปตอนนี้คงแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น

“พี่อวี๋ชี วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อให้รางวัลกับเจ้าเอ้อร์หนิวเป็นพิเศษเชียวนะ” เจียงจั้นเขย่าเนื้อปรุงสุกในมือแล้วยิ้มอย่างสดใส

“ให้รางวัลกับเจ้าเอ้อร์หนิวอย่างนั้นหรือ”

เจียงจั้นโยนเนื้อออกไป เอ้อร์หนิวกระโดดขึ้นงับเนื้อวัวที่ห่อด้วยถุงกระดาษ พอเดินไปใต้ต้นไม้ก็หมอบลงเพื่อเริ่มกิน

กลิ่นหอมของเนื้อโชยออกมา

หลงต้านอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก

โอ้โห ซอสปรุงเนื้อของภัตตาคารจุ้ยเซียวโหลวนี่ ถึงราคาจะแพงมาก แต่รสชาติก็ดีสมราคาเช่นกัน ซึ่งโดยปกติเขาเองยังไม่กล้าที่จะชื้อกินเลย

ต้าโจวมีธรรมเนียมห้ามฆ่าวัว ยกเว้นวัวที่ตายด้วยวัยชรา โรคภัยไข้เจ็บ หรือการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเท่านั้น หากฆ่าวัวที่มีสุขภาพดีจะต้องถูกลงโทษ

ด้วยแหล่งเนื้อที่มีอยู่ไม่กี่แห่ง ราคาของเนื้อวัวในร้านอาหารจึงแพงมากสำหรับคนทั่วไป

หลงต้านจ้องไปยังเอ้อร์หนิวที่กำลังกินอาหารอย่างเพลิดเพลิน ในหัวนั้นมีเพียงคำพูดประโยคเดียว เป็นสุนัขยังดีกว่าเป็นคนเสียอีก!

เจียงจั้นนั่งลงอย่างอาจหาญ “เจ้าเอ้อร์หนิว วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก และแน่นอนว่าสมควรได้รับรางวัล”

หลงต้านได้แต่กะพริบตาปริบ

เดี๋ยวก่อนนะ เรื่องดีที่คุณชายรองเจียงกล่าวถึงคงไม่ใช่ที่เอ้อร์หนิวไปก่อความวุ่นวายตอนที่คนอื่นเขากำลังไปรับเจ้าสาวหรอกกระมัง

“เอ๋ พี่อวี๋ชี ที่เจ้าเอ้อร์นิวทำลงไปคงไม่ใช่ท่านไปสั่งมันทำหรอกนะ”

อวี้จิ่นเหลือบมองไปที่ประตูห้องฝืนที่แง้มเล็กน้อยด้วยหางตาและพูดอย่างเคร่งขรึม “จะเป็นไปได้อย่างไร คุณชายสามจี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของข้านะ”

“อ้อ เจ้านั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านหรือ” เจียงจั้นเบิ่งตาโตทันที “เดี๋ยวก่อนนะ พี่อวี๋ชี ท่านเป็นญาติกันกับจวนอันกั๋วกงหรือ”

อวี้จิ่นหน้านิ่งไปครู่

แย่แล้ว เผลอหลุดต่อหน้านางเข้าแล้วสิ

เจียงซื่อที่ในห้องเก็บฟืนฟังแล้วค่อนข้างที่จะสมน้ำหน้า

เจ้านิสัยปลิ้นปล้อนมาก ชาติที่แล้วนางถูกอวี้ชีที่เป็นพ่อค้าปั่นหัว และตอนนี้เขาหลอกล่อพี่รองจนจับทิศไม่ถูก มาดูกันว่าตอนนี้เขาจะอธิบายอย่างไร

ใครจะไปรู้ว่าคนบางคนกลับตั้งสติขึ้นมาอย่างรวดเร็วพลางถอนหายใจ “ใช่ ครอบครัวใหญ่ที่ไหนจะไม่มีญาติที่จนๆ บ้าง”

เมื่อเจียงจั้นได้ยิน เขาก็แสดงความเห็นอกเห็นใจในทันที “พี่อวี๋ชี ท่านก็ลำบากไม่น้อย ต่อจากนี้ไป จงอยู่ห่างจากพวกที่ชอบดูถูกคนเหล่านั้น ถ้ามีอะไรให้ช่วยให้มาบอกข้าเจียงจั้นคนนี้ก็พอ”

เอ้อร์หนิวที่กำลังกินเนื้ออยู่ก็เห่าใส่เจียงจั้นสองครั้งด้วยความไม่พอใจ

มันเกลียดคนงี่เง่าที่ชอบดูถูกสุนัข

อวี้จิ่นซาบซึ้งใจ แต่ในรอยยิ้มของเขากลับมีนัยยะบางย่าง “ในอนาคตจะต้องมีเรื่องให้น้องเอ้อร์เจียงช่วยอย่างแน่นอน ข้าต้องขอขอบคุณล่วงหน้าแล้วล่ะ”

“มาเกรงใจอะไรกัน พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ” เจียงจั้นโบกมืออย่างห้าวหาญ ทำเป็นท่าทางไม่ต้องเกรงใจ

พี่อวี๋ชีเป็นผู้ช่วยชีวิตของเขา หากเขาเป็นผู้หญิงตามธรรมเนียมแล้วเขาควรจะมอบให้ทั้งกายด้วยซ้ำ ตอนนี้มีอะไรให้ช่วยถ้าทำได้ก็จะช่วยอย่างแน่นอน

เจียงจั้นถอนหายใจประหนึ่งว่าเขายังไม่สามารถตอบแทนบุญคุณที่พี่อวี๋ชีมีต่อเขาได้มากพอ ทันใดนั้นหญิงสาวคนหนึ่งกรีดร้องจากห้องเก็บฟืน ต่อมาเมื่อประตูไม้เปิดออกอาหมานก็รีบวิ่งออกไปพลางเอามือกุมหัว “มีหนู”

เจียงซื่อที่ยังคงอยู่ข้างในตกตะลึงเป็นอย่างมาก

คิดไม่ถึงเลยว่าอาหมาน ผู้ที่เอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้แต่กลับกลัวหนู

ในขณะนั้นอวี้จิ่นที่ ‘หลอกลวงจนเคยชิน’ ไม่มีปฏิกริยาใดๆ ในใจของเขามีเพียงความคิดเดียวคือ เจ้าเอ้อร์เจียงคงไม่ใช่ทำคุณบูชาโทษหรอกนะ

ในช่วงเวลานี้เอง สุนัขตัวใหญ่ที่กำลังกินเนื้ออยู่ใต้โคนต้นไม้ได้ถอยหลังออกไปสองก้าวแล้วกระโดดขึ้นไปในอากาศที่ว่างเปล่า

เจียงจั้นกำลังจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตาของเขามืดสนิทถูกสุนัขตัวใหญ่กดลงไปที่พื้น

สุนัขตัวใหญ่ใช้สองเท้าหน้าเหยียบลงบนตัวของเจียงจั้นและใช้ลิ้นเลียไปที่บนใบหน้าของเขา เจียงจั้นกลัวมากจนไม่กล้าขยับพลางก่นด่าในใจว่า เขาจะตายเพราะดมกลิ่นเนื้อในปากสุนัขเป็นแน่

อาหมานยืนอยู่ที่ลานบ้านอย่างนิ่งๆ และอดไม่ได้ที่จะปิดปากของนางหลังจากได้สติ

โอ้ แย่แล้ว

อวี้จิ่นกระแอมเบาๆ และชี้ไปที่ประตู

อาหมานยังดีที่ฉลาดพอและเข้าใจความหมายของอวี้จิ่นในทันที และวิ่งหนีออกไป

ส่วนเจียงซื่อที่ยังอยู่ในห้องเก็บฟืนนั้น “…”

เมื่อเห็นอามานวิ่งหนีไปแล้ว ในที่สุดเอ้อร์หนิวก็ปล่อยอุ้งเท้าออก และเดินช้าๆ กลับไปที่โคนต้นไม้พลางกินเนื้อวัวต่อ

เจียงจั้นกระโดดเด้งขึ้นราวกับปลาและรีบเดินไปที่โคนต้นไม้ด้วยความอาฆาต “เจ้าเอ้อร์หนิว ข้าจะฆ่าและกินเนื้อเจ้าด้วย”

อวี้จิ่นรีบห้ามเจียงจั้นและพูดอย่างใจเย็นว่า “น้องเอ้อร์เจียง เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”

“เข้าใจผิดอะไรกัน”

“เพราะเอ้อร์หนิวกินอย่างมีความสุข เมื่อครู่คือแสดงความขอบคุณต่อเจ้าอย่างไรเล่า”

“หือ? แสดงความขอบคุณแบบนี้เนี่ยนะ”

อวี้จิ่นยิ้มอย่างเขินๆ “สุนัขกับคนจะไปคิดแบบเดียวกันได้อย่างไร ข้าเลี้ยงเจ้าเอ้อร์หนิวมา ข้ารู้ว่าเมื่อมันรู้สึกตื่นเต้นก็จะชอบอยู่ใกล้ผู้คนมาก”

เจียงจั้นจ้องไปที่เอ้อร์หนิวอย่างสงสัยและในที่สุดก็พูดว่า “ถ้าเป็นข้าเลี้ยงสุนัขตัวนี้ ข้าอาจจะดีมันตายไปนานแล้ว”

โฮ่ง

อวี้จิ่นใช้สายตาเหลือบมองเอ้อร์หนิวเพื่อเป็นการปลอบโยน เอ้อร์หนิวจึงได้สงบลง

“ใช่แล้ว พี่อวี๋ชี ผู้หญิงที่เพิ่งวิ่งออกมาจากห้องเก็บฝืนเป็นใครหรือ”

เจียงจั้นถูกเอ้อร์หนิวกดล้มลงไปโดยยังไม่ทันได้เห็นอะไรชัดเจนในตอนนั้น แม้ว่าอาหมานจะสวมเสื้อผ้าผู้ชาย แต่ด้วยเสียงกรีดร้องทำให้เขายืนยันว่านางเป็นผู้หญิง

เขาเคยมาหาพี่อวี๋ชีที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เคยเห็นสาวใช้หรืออะไรทำนองนั้น เป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสนิทของพี่อวี๋ชี

อวี้จิ่นตกตะลึงและทำสีหน้าเคร่งขรึมดุหลงต้านที่กำลังสังเกตการณ์ “ต่อไปนี้ไม่อนุญาตให้นำผู้หญิงเข้ามาวุ่นวายในบ้าน!”

หลงต้าน “…” ถ้าเกิดเขาจะทำตัวไม่รู้ที่ต่ำที่สูงขึ้นมาสักครั้งจะเป็นอย่างไรหนอ

เจียงจั้นเหลือบมองหลงต้านด้วยหางตาแวบหนึ่ง

หลงต้าน “…” เขาคงจะได้ทำตัวไม่รู้ที่ต่ำที่สูงให้สักครั้งแล้วจริงๆ

ไม่ง่ายกว่าจะหาเรื่องพูดให้เจียงจั้นออกไปได้ อวี้จิ่นยกมือขึ้นนวดขมับของเขา แอบโล่งใจเล็กน้อย

เจียงซื่อเดินออกมาจากห้องเก็บฝืน

“ให้ข้าส่งเจ้ากลับเถอะ”

“ไม่ต้องรบกวนคุณชายอวี๋หรอกเจ้าค่ะ” เจียงซื่อปฏิเสธ เมื่อเห็นใบหน้าที่บาดเจ็บของอวี้จิ่นแล้วแต่ก็ไม่อาจทำลายใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้ และพูดเบา ๆ ว่า “ถ้ามีคนเห็นเข้าจะไม่ดี”

อวี้จิ่นมองไปยังหญิงสาวที่ไม่รับความหวังดีใดๆ จากเขาและทันใดนั้นก็ยิ้ม “คนอื่นมักเห็นข้าดื่มกับคุณชายรองเจียงประจำ ไม่เป็นไรหรอก”

เจียงซื่อนั้นตัวสูง ทั้งสองพี่น้องหน้าตาเหมือนกับมารดาที่ละสังขารไปแล้ว คนที่ไม่สนิทหากมองไกลๆ ก็ยากมากที่จะบอกว่าใครเป็นใคร

“แล้วถ้าเจอพี่รองของข้าล่ะ?” เจียงซื่อถามกลับ

อวี้จิ่นแตะจมูกของเขาและพูดเบา ๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นให้เจ้าเอ้อร์หนิวพาเจ้าออกไป เจ้ามาหาข้าและตอนนี้จะกลับไปคนเดียวหากเกิดอะไรขึ้น ข้าคงไม่สามารถหาคำอธิบายให้เจ้าเจียงเอ้อร์ได้หรอก”

เจียงซื่อไม่อยากถกเถียงอีก จึงพยักหน้าตอบรับ

อวี้จิ่นยืนมองอยู่ที่ประตู จนเขามองไม่เห็นเงาของหญิงสาวและสุนัขตัวใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้ขยับอยู่นานสองนาน

หลงต้านเข้ามาใกล้และถามด้วยความอยากรู้ “เจ้านาย หญิงสาวที่เพิ่งมาเมื่อครู่คือคนสนิทของท่านหรือ”

อวี้จิ่นยกมือขึ้นเขกหัวของหลงต้านพลางขมวดคิ้วและพูดว่า “อย่ามาพูดไร้สาระ”

ตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่สักวันเราจะสนิทกันเอง