ตอนที่ 83 ผิดพลาด
เมื่อเจียงซื่อไม่ได้รับข้อมูลอันเกิดประโยชน์จากอวี้จิ่น เรื่องการค้นหาวัดหลิงอู้และเต้าหู้ไซซีซิ่วเหนียงจื่อจึงกลายเป็นหน้าที่อันเร่งรีบขึ้นมาทันใด
บัดนี้เรื่องของวัดหลิงอู้กำลังรอข่าวจากเจียงอันเฉิง ส่วนเรื่องเต้าหู้ไซซี เมื่อครั้งนั้นที่คลองต้นหลิวบังเอิญพบว่ามีคนมากมายรู้จักนาง คาดว่าหากจะสืบเรื่องของนางคงไม่ยาก
เนื่องจากอาเฟยยังไม่กลับมา ดังนั้นเจียงซื่อจึงมอบหมายหน้าที่นี้ให้แก่อาหมาน
อาหมานมีทักษะยอดเยี่ยม เมื่อนางแต่งกายเป็นชายแทบไม่มีผู้ใดมองออกเลย จึงนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดียิ่ง
เดิมทีเจียงซื่อคิดที่จะให้เจียงจั้นเข้ามาช่วย แต่เมื่อนางไตร่ตรองดูแล้วจึงได้ลบล้างความคิดนี้ไป
แม้จะไม่อยากยอมรับเท่าไรนัก แต่ความเป็นไปได้ที่พี่รองจะช่วยให้เรื่องแย่ลงก็มีมากเหลือเกิน
คาดไม่ถึงว่าเมื่อตอนรับประทานอาหารค่ำ อาหมานก็ได้นำข่าวของเต้าหู้ไซซีซิ่วเหนียงจื่อมารายงาน
“สืบง่ายมากเจ้าค่ะ บ่าวเพียงแค่ไปถามเด็กแถวนั้นก็รู้ความแล้ว เต้าหู้ไซซีอาศัยอยู่ที่คลองต้นหลิว ไม่ไกลจากหมู่บ้านหวังจยาเท่าไรนัก บริเวณท้ายหมู่บ้านติดกับแม่น้ำหลังนั้น…” อาหมานรายงานออกมาอย่างกระฉับกระเฉง ดูเหมือนนางพยายามทำความดีเพื่อชดเชยความผิด
นางเกือบทำให้คุณหนูถูกคุณชายรองจับได้ ยิ่งคิดยิ่งไม่น่าให้อภัย
“แต่ทว่า เด็กคนนั้นบอกกับบ่าวว่า เต้าหู้ไซซีกลายเป็นหญิงเสียสติไปแล้ว นางไม่ขายเต้าหู้ตามเคย แต่ละวันได้แต่นั่งร้องไห้โอดครวญอยู่ในเรือน” เมื่อกล่าวจบอาหมานก็ถอนหายใจออกมาอย่างเห็นอกเห็นใจ
“จัดเตรียมของให้เรียบร้อย ค่ำคืนนี้เราจะเดินทางไปหมู่บ้านหวังจยากัน”
“คุณหนู?” อาหมานแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่เมื่อพบกับสายตาอันสงบนิ่งของเจียงซื่อ นางจึงทำได้เพียงหยักหน้าแล้วไม่กล้าเอ่ยถามอีก ทว่าในใจนางกลับรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
ในครั้งนั้นคุณหนูพานางแอบไปสำรวจทะเลสาบมั่วโยวยามค่ำคืน ครั้งนี้จะพานางไปสำรวจหมู่บ้านหวังจยา ในฐานะบ่าวรับใช้คนโปรด นางรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างน่ายอดเยี่ยมจริง
เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ เจียงอันเฉิงก็ได้นำข่าวดีมาแจ้งว่า “ช่างน่าบังเอิญเหลือเกิน อาสามของเจ้าเคยได้ยินเรื่องวัดหลิงอู้มาก่อน”
เจียงซื่อคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะสามารถสืบเรื่องเต้าหู้ไซซีซิ่วเหนียงจื่อได้ แต่เรื่องของวัดหลิงอู้กลับทำให้นางประหลาดใจและดีใจนัก
“วัดหลิงอู้อยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ”
“อยู่ที่เมืองชิงหนิวตรงชานเมืองหลวง แม้จะไม่ได้ขึ้นชื่อเท่ากับวัดใหญ่ในเมืองหลวงเหล่านั้น แต่ก็นับว่ามีชื่อเสียงไม่น้อยในพื้นที่ใกล้เคียง” เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เจียงอันเฉิงก็หัวเราะ ออกมา “ว่ากันว่าหากต้องการบนบานหาคู่หรือมีบุตร ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก”
“เช่นนั้นหรือเจ้าคะ” เจียงซื่อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้โอกาสที่เหมาะสมเอ่ยร้องขอเจียงอันเฉิงว่า “ลูกอยากไปถวายธูปเทียนที่วัดหลิงอู้ และพักที่นั่นสักสองสามวันได้หรือไม่เจ้าคะ”
ที่เขตชานเหมืองไม่เหมือนกับในเมือง เดินทางไปกลับพร้อมทั้งสืบหาเบาะแส อย่างน้อยคาดว่าต้องใช้เวลาสักสองสามวันเห็นจะได้ หากไม่สอบถามความยินยอมจากผู้ใหญ่ นางเกรงว่าจะไม่อาจลงมือได้อย่างราบรื่น
สำหรับคำร้องขออันเล็กน้อยของบุตรสาวนี้ เจียงอันเฉิงไม่ได้แม้แต่ครุ่นคิดก็ตอบตกลงทันใดว่า “ไปเถิด บัดนี้ยังไม่ร้อนมาก ที่ชานเมืองสว่างสดใสกว่าในเมืองมากนัก พักที่นั่นคงจะสบายกว่า ประเดี๋ยวพี่ชายรองของเจ้ากลับมาแล้ว พ่อจะบอกให้เขาไปเป็นเพื่อนเจ้า”
นางอยากเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจย่อมไม่ใช่ปัญหา ทว่าเรื่องความปลอดภัยยังคงต้องดูแลอย่างทั่วถึง หากไม่เกรงว่าบุตรสาวจะเบื่อหน่าย เขาคงจะตามไปด้วยตนเองแล้ว
เฮ้อ! เอาเถิด หนุ่มสาวจะไปพักผ่อนเที่ยวเล่น หากมีคนชราอย่างเขาตามไปด้วยคงจะไม่สนุกสนานกันพอดี
นายท่านใหญ่เจียงผู้สง่างามได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ
“ซื่อเอ๋อร์ตั้งใจจะเดินทางเมื่อใดเล่า”
“คาดว่าจะเป็นสองสามวันนี้เจ้าค่ะ จะได้มีเวลาจัดเตรียมสิ่งของเสียก่อน” เจียงซื่อไม่ได้ให้คำตอบอย่างแน่นอน
หากเรื่องของเต้าหู้ไซซีราบรื่น อย่างช้าที่สุดในวันมะรืนก็สามารถไปสืบเรื่องที่วัดหลิงอู้ได้ แต่หากไม่ราบรื่นก็คงต้องเลื่อนเวลาออกไปเล็กน้อย
ในไม่ช้า ค่ำคืนก็เดินทางมาถึง
ท่ามกลางราตรีในฤดูร้อน ดวงจันทร์สว่างไสว ดวงดาวประกายส่องแสง เงาของดอกไม้พัดไหว อาเฉี่ยวส่งเจียงซื่อและอาหมานที่ตรงประตูแล้วกระซิบว่า “คุณหนูระวังนะเจ้าคะ”
“วางใจเถิด มีข้าอยู่ด้วยทั้งคน” อาหมานยืดอดรับปากอย่างมั่นใจ
นี่คือครั้งที่สองที่พวกนางลงมือในตอนกลางคืน นายบ่าวทั้งสองนั่งรถออกไปจากตงผิงปั๋วตามเส้นทางอย่างชำนาญ มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำจินสุ่ย
ขณะนี้ ณ แม่น้ำจินสุ่ยเป็นเวลาที่กำลังครึกครื้น
บนผิวน้ำอันกว้างขวางมีเรือจอดเทียบท่าจนเต็ม
มีเรือล่องชมแม่น้ำสูงสามชั้นประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีสันสดใส และยังมีเรือสำราญตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงล่องลอยไปบนแม่น้ำ
บรรดาสตรีน้อยใหญ่ซึ่งอยู่บนเรือเหล่านี้ล้วนเป็นนางโลมที่อาศัยในเมืองหลวง บัดนี้เป็นเวลาอันเหมาะสมยิ่งที่จะออกมาต้อนรับแขก
ที่ว่าแม่น้ำจินสุ่ยไม่เคยหลับใหล ก็หมายถึงช่วงเวลานี้นี่เอง
อาหมานชายตามองออกไป เห็นเพียงต้นหลิวเขียวขจีริมสองฝั่ง ในแม่น้ำเต็มไปด้วยเงาจากเรือ แสงเจิดจ้าตกลงมาไปยังผิวน้ำสะท้อนดุจทองคำระยิบระยับ เสียงดนตรีอันแผ่วเบาลอยมาตามสายลม งดงามราวกับแดนสวรรค์บนดิน
“คาดไม่ถึงจริงเชียวว่าแม่น้ำจินสุ่ยที่เงียบสงบยิ่งในตอนกลางวัน จะครึกครื้นเช่นนี้ในยามค่ำคืน” อาหมานอุทานออกมา เมื่อสังเกตเห็นว่าเจียงซื่อหยุดฝีเท้าลงจึงเอ่ยถามว่า “คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดจึงไม่เดินหน้าต่อ”
หมู่บ้านหวังจยาอยู่ไม่ไกลจากคลองต้นหลิวเท่าไรนัก ทั้งสองไม่จำเป็นเป็นต้องเข้าใกล้แม่น้ำจินสุ่ย
เจียงซื่อมองไปยังคลองต้นหลิวและแม่น้ำสายนั้น ในใจลึกๆ ของนางก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
พี่รองของนางสิ้นชีวิตเพราะจมลงไปในแม่น้ำจินสุ่ยนี้
นางสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นเจียงซื่อจึงหันไปยิ้มกับอาหมานว่า “ไปกันเถอะ”
จากการนำทางของอาหมาน นายบ่าวทั้งสองก็ได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านหวังจยา
“คุณหนูเจ้าคะ เรือนของเต้าหู้ไซซีอยู่ที่สุดทางโน้น พวกเราจะเดินผ่านหมู่บ้าน หรือจะเดินอ้อมไปจากด้านโน้นเจ้าคะ”
เมื่อมองไปยังไฟในหมู่บ้านซึ่งยังคงส่องสว่าง เจียงซื่อจึงได้ตัดสินใจว่า “อ้อมไปเถอะ”
ชาวบ้านคนธรรมดาทั่วไปบัดนี้ได้ดับไฟนอนแล้ว เนื่องจากพวกเขาเสียดายน้ำมันตะเกียง เห็นได้ชัดว่าหากเดินตรงเข้าไปในหมู่บ้านอาจจะมีอันตรายมากกว่า
ลมโชยยามค่ำคืน เกบและแมลงต่างส่งเสียงร้องออกมาดังระงม นายบ่าวสองคนนี้ไม่ได้จุดตะเกียงนำทาง พวกนางจึงทำได้เพียงใช้แสงจันทร์และแสงดาวส่องทางดินโคลนข้างหมู่บ้านซึ่งไม่คุ้นเคย
“คุณหนูเจ้าคะ เรือนหลังที่อยู่บนเนินเขาก็คือเรือนของเต้าหู้ไซซี”
เรือนของเต้าหู้ไซซีไม่เหมือนกับคนทั่วไป นางสร้างเรือนติดกับเนินเขา ดังนั้นโดยรอบจึงไม่มีเพื่อนบ้านอาศัยอยู่
เมื่อเจียงซื่อเดินไปถึงประตูอันทรุดโทรม นางก็หยุดฝีเท้าลงเล็กน้อย
นางไม่ได้กลิ่นเปรี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มาจากการบดเต้าหู้เป็นเวลานานหลายปีอย่างทั่วไปที่ควรเป็น
ท่ามกลางความมืดไม่ดที่ซ่อนเร้น สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เป็นจริงดังคาด ที่นี่ไม่น่าใช่เรือนของเต้าหู้ไซซี!
“คุณหนูเจ้าคะ พวกเราจะเข้าไปกันหรือไม่” อาหมานมองดูท่าทางของเจียงซื่อซึ่งหยุดอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน จึงได้กระซิบถาม
เจียงซื่อส่ายหน้าแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “อาหมาน เจ้าถูกเด็กหลอกเอาเสียแล้ว ที่นี่ไม่ใช่เรือนของเต้าหู้ไซซีหรอก”
“หา? เหตุใดคุณหนูจึงกล่าวว่าเช่นนั้นเจ้าคะ”
เจียงซื่อนิ่งเงียบไปชั่วครู่ นางกำลังครุ่นคิดว่าท่ามกลางความมืดนี้ นางจะทำการค้นหาเรือนของเต้าหู้ไซซีต่อไปให้พบดี หรือจะกลับไปเสียก่อนแล้วค่อยออกค้นหาใหม่ในวันพรุ่งนี้
จากเหตุผลนั้นเห็นได้ชัดว่าการกลับไปเสียตอนนี้เป็นทางเลือกที่ดี แต่จากความรู้สึกนั้นนางคิดว่าไหนๆ ก็เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว หากจะกลับไปมือเปล่าคงคับข้องใจและน่าเสียดายแย่
อีกอย่าง หากทางด้านนี้ช้าไปวันหนึ่ง ก็หมายความว่าที่วัดหลิงอู้นั้นก็จะช้าตามไปด้วยอีกวัน ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปแต่ละวันอาจจะมีเด็กสาวเคราะห์ร้ายถูกลงมือมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเจียงซื่อจะมีลางไม่ดีเกี่ยวกับฉังซิงโหวซื่อจื่อสักเท่าไร
นับจากที่ได้สนทนากับเจ้าสองคนนั่น นางก็รับรู้ได้ว่าภายในสองปีมานี้มีหญิงสาวจำนวนเจ็ดแปดคนถูกทำลายโดยฉังซิงโหวซื่อจื่อ แต่บุตรสาวของเต้าหู้ไซซีหายตัวไปหลังจากที่หญิงสาวคนล่าสุดถูกทำร้ายเป็นเวลาไม่ห่างกันมากนัก
นั่นหมายความว่าฉังซิงโหวซื่อจื่อนับวันยิ่งกำเริบมากขึ้นเรื่อยๆ ความห่างของระยะเวลาที่อาจมีหญิงสาวถูกทำร้ายนั้นก็สั้นลงทุกที
แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าการที่นางปรากฏตัวขึ้นในจวนของเขา ทำให้ฉังซิงโหวซื่อจื่อถูกกระตุ้นมากขึ้น
และด้วยเหตุนี้เอง เจียงซื่อยิ่งคิดจึงยิ่งรู้สึกว่าเวลาน้อยลงเต็มที
ในขณะที่เจียงซื่อกำลังครุ่นคิดนั้น บริเวณที่ไม่ไกลออกไป ประตูอันชำรุดก็ถูกเปิดออก
อาหมานรีบกระโดดไปแล้วลากเจียงซื่อให้หลบที่ด้านข้าง
ใครบางคนเดินออกมาจากในเรือนบ้าน แล้วหยุดลงที่ปากประตู
ดวงตาของเจียงซื่อหรี่ลงทันใด
คนผู้นั้นถือมีดทำครัวไว้ในกำมือ!