ตอนที่ 98 เธอมันไม่ใช่มนุษย์
ชั่วพริบตาวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เวียนมาถึงอีกครั้ง
ที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ ตาเป่ยหมิงและยายหลานซีตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง
พวกเขาแทบไม่สามารถซ่อนความยินดีบนใบหน้านั้นไว้ได้เลย ใครก็ตามที่เดินผ่านมาและได้เห็นสีหน้านี้ ต่างก็ต้องเดาได้ว่าต้องมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นกับสองผู้เฒ่านี้อย่างแน่นอน
หลังจากแปรงฟันและล้างหน้าเสร็จ คู่สามีภรรยาชราก็คุ้ยกล่องและตู้เพื่อหาเสื้อผ้าเครื่องประดับ เหมือนกับหนุ่มสาวที่เพิ่งตกหลุมรักและสาบานว่าจะแต่งตัวให้ดีที่สุดเพื่อให้ ‘เดตแรก’ ครั้งนี้เป็น ‘เดต’ ที่ประทับใจไม่รู้ลืม!
ในที่สุด ทั้งคู่ก็พบชุดที่จะทำให้พวกเขาดูอ่อนเยาว์ลงสักสิบปีและเข้าคู่กันและกัน
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงไปนั่งรอที่ชั้นล่าง ยายหลานซีก็เริ่มเซ้าซี้สามีว่า “ตาแก่ ไปตรวจสอบสิ่งของที่จะเอาไปให้หลานสาวอีกครั้งซิ อย่าได้ลืมหรือตกหล่นอะไรไปเชียว”
“ได้ๆๆ ฉันจะไปตรวจสอบอีกครั้ง” เป่ยหมิงยิ้มและเดินไปที่โกดังเก็บของ
พวกเขาเริ่มเตรียมของขวัญกันตั้งแต่สองผู้เฒ่าตระกูลเย่ว์บอกว่าพวกเขาสามารถไปเยี่ยมหลานสาวได้
พวกเขามีหลานสาวเพียงคนเดียว แม้สองผู้เฒ่าตระกูลเป่ยอยากจะย้ายคลังเก็บสมบัติของพวกเขาไปด้วย แต่มันก็ใหญ่เกินไปสำหรับเฮลิคอปเตอร์ลำเล็กๆ เพียงลำเดียว และสะดุดตาเกินไปหากจะใช้เฮลิคอปเตอร์หลายลำลำเลียงสิ่งของไปที่นั่น
ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดยังหาไม่พบ ดังนั้นจึงไม่อาจทำอะไรสะดุดตา ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นกับหลานสาวซ้ำอีก
สองผู้เฒ่ารับประทานอาหารเช้ากันอย่างมีความสุข และเมื่อพวกเขากำลังจะขึ้นไปชั้นบนเพื่อขนสัมภาระที่เตรียมไว้พร้อมสรรพแล้วลงมา สองพ่อลูกเย่ว์หลั่ง เย่ว์จือเหิง และเย่ว์เลี่ยงก็เดินเข้าประตูมาพร้อมกับกล่องขนาดใหญ่และขนาดเล็กเต็มมือ
“พ่อครับ แม่ครับ”
“คุณตา คุณยาย”
“คุณลุง คุณป้า”
“อ๊ะ! พวกเธอกลับมากันแล้วสินะ รีบไปขนของเร็วเข้า เสร็จแล้วก็ไปกันได้เลย!” เห็นได้ชัดว่าใจร้อนกันมาก!
“พ่อครับ แม่ครับ นี่ยังเช้าอยู่ นักบินยังไม่มาเลย”
“ยังเช้าอยู่เหรอ” คู่สามีภรรยาสูงวัยมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ยังเช้าอยู่จริงๆ” ขอบฟ้าเพิ่งจะเผยแสงตะวันให้เห็น
“พ่อครับ แม่ครับ เดี๋ยวผมเข้าครัวทำอาหารเช้าก่อน”
“อาหลั่ง อย่าวุ่นวายเลย พ่อกับแม่กินข้าวเช้ากันเสร็จแล้ว”
“เร็วขนาดนี้เชียว นี่เพิ่งรุ่งสางเองนะครับ พวกเชฟยังไม่น่าจะตื่นกันเลยมั้ง ใครเป็นคนทำอาหารเช้า” เย่ว์หลั่งและคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจจริงๆ
นี่ยังไม่ถึงเวลาตื่นปกติด้วยซ้ำ!
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาบอกว่าเขาจะเข้าครัวทำอาหารเช้า
“เมื่อคิดว่าแม่จะได้เจอกับหลานสาวเร็วๆ นี้ แม่กับพ่อก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ พวกเราเลยตื่นเร็วลุกขึ้นมาเข้าครัวกินข้าวกันเสร็จตั้งนานแล้ว”
“…แต่พวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันมาเลย เรามาที่นี่ตั้งแต่เช้าก็เพื่อมากินข้าวเช้าที่นี่กับพ่อแม่”
“งั้นพวกเธอก็ไปหาอะไรกินในครัวสิ”
“ให้ผมไปเองเถอะครับ พ่ออยู่คุยกับตายายข้างนอกนี่แหละ” เยว่จือเหิงอาสารับหน้าที่ทำอาหารเช้าแทน
เย่ว์หลั่งโบกมือให้ลูกชายไปที่ห้องครัว จากนั้นพวกเขาก็ขนของขวัญที่เพิ่งขนมาจากตำหนักพระจันทร์ไปที่โกดัง
เมื่อพวกเขามาถึงโกดัง ยายหลานซีก็ตบหัวของตัวเองแล้วหันไปพูดกับลูกเขยว่า “แม่เกือบลืมของที่สำคัญมากที่สุดไปแล้ว! อาหลั่ง ผลนมหมาป่าที่เสี่ยวเยาเยาชอบกินล่ะ ยังไม่มาส่งอีกเหรอ!”
เข่อเหยาบอกว่าหลานสาวตัวน้อยคุ้นชินกับชื่อที่อาจารย์เธอตั้งให้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงพร้อมใจกันเปลี่ยนคำเรียก
“ผมให้คนตื่นแต่เช้าเพื่อไปเก็บผลที่สดที่สุดมาแล้วครับ พวกมันน่าจะมาส่งตอนแปดโมง”
สองผู้เฒ่าพยักหน้า
เป่ยหมิงถามเย่ว์เลี่ยงอย่างกระวนกระวายเล็กน้อยว่า “เสี่ยวเย่ว์เลี่ยงเอ๋ย เธอเคยพบกับเสี่ยวเยาเยาแล้วสินะ นอกจากผลนมหมาป่าแล้วเธอยังชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหม หรือว่ามีของอะไรที่ต้องการบ้างหรือเปล่า พวกเราจะได้เอาไปให้เธอที่นั่น”
พวกเขากลัวว่าหลานสาวตัวน้อยจะไม่ชอบพวกเขา
แต่ถึงเธอจะไม่ชอบจริงๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่พวกเขาคงจะรู้สึกเสียใจมากๆ …
“คุณลุงคะ เสี่ยวเยาเยาไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร เธอน่ารักมากแถมยังว่าง่ายทั้งยังฉลาดเฉลียวสุดๆ ไม่ว่าทุกคนจะเอาอะไรไปด้วย เธอก็มีความสุขทั้งนั้นค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยาของเราไม่เลือกกินเหรอ เป็นไปได้ไหมว่าเธอมีชีวิตที่ลำบากเป็นพิเศษ” ยายหลานซีพูดแล้วน้ำตาก็เกือบจะไหลออกมา
เด็กสาวคนไหนบ้างไม่เลือกกิน เว้นแต่ว่าชีวิตจะลำบากมากจนไม่มีเงื่อนไขให้เลือกมาก!
“คุณลุงคุณป้าวางใจเถอะค่ะ อาจารย์ทั้งสองคนของเสี่ยวเยาเยาปฏิบัติต่อเธอดีมากเหมือนเป็นหลานสาวแท้ๆ ของพวกเขาเอง เธอไม่ได้มีชีวิตที่ยากลำบากเลย”
ตั้งแต่เธอกลับมาจากการพบกับเสี่ยวเยาเยา คำถามนี้ถูกถามนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอก็ยังตอบมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาวของเธอ พูดกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
ความจริงแล้ว ประสบกับความยากลำบากอยู่บ้างนั้นก็เป็นเรื่องปกติเพราะการฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นเหน็ดเหนื่อยมาก
ในชาติที่แล้วเธอเกิดในตระกูลที่ต้องต่อสู้ห้ำหั่นกัน ดังนั้นเธอจึงรู้ซึ้งถึงความจำเป็นของสิ่งนี้ดี
ช่วยไม่ได้ ไม่มีใครสามารถเรียนรู้หรือฝึกฝนแทนใครได้
โชคดีที่เสี่ยวเยาเยามาที่นี่ตอนที่เธอยังเป็นทารกและมีประสบการณ์ในชาติที่แล้วติดตัวมาด้วย ดังนั้นมันจึงง่ายกว่าที่จะเริ่มฝึกฝนตั้งแต่เด็กๆ
ชาตินี้เธอย่อมเรียนรู้ได้มากกว่าชาติที่แล้วมาก
“ไม่ได้ลำบากก็ดีแล้ว” ยายหลานซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คุณป้าวางใจเถอะค่ะ เสี่ยวเยาเยาเธอสุขสบายดีมาก”
“อื้ม”
“แม่ครับ ถึงที่นั่นแล้วส่งวิดีโอมาให้ผมดูหน่อยนะ ผมเองก็อยากเห็นเสี่ยวเยาเยาเหมือนกัน” เย่ว์หลั่งอยากจะไม่สนใจอะไรแล้วบินไปหาลูกสาวของเขาเสียเดี๋ยวนี้!
น่าสงสารพ่อแก่ๆ คิดถึงลูกสาวแต่ก็ทำได้เพียงต้องอดทนไว้!
มีพ่อคนไหนน่าอนาถเท่าเขาบ้าง!
“ได้ ถ้าเสี่ยวเยาเยาเต็มใจ เราจะส่งวิดีโอมาให้เธอกับอาเหิงได้เห็นหลานสาวตัวน้อย”
เย่ว์เลี่ยงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ป้าคะ ป้าแค่บอกเรื่องนี้กับเสี่ยวเยาเยา เธอจะไม่คัดค้านอย่างแน่นอน” หัวใจของลูกสาวเธอกำลังอ่อนลง!
ยายหลานซีพยักหน้า
หลายคนตรวจสอบโกดังอีกครั้งก่อนที่จะออกไป
คนรับใช้ของคฤหาสน์ลุกขึ้นมาทีละคน เป่ยหมิงทนรอไม่ไหวแล้วจึงสั่งให้พ่อบ้านสั่งคนให้ลำเลียงของในโกดังไปไว้ที่เฮลิคอปเตอร์ล่วงหน้า
ทันทีที่ผลนมหมาป่ามาถึง พวกเขาก็รีบออกเดินทาง
คู่สามีภรรยาสูงวัยพาบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยเพียงสองคนเท่านั้น
ในระหว่างที่เฮลิคอปเตอร์กำลังบินอยู่ ทั้งสองคนก็หันไปสบตากันหลายครั้งอย่างกระวนกระวาย หมดมาดผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่ทรงอำนาจ เหลือเพียงตายายธรรมดาๆ คู่หนึ่ง
สิบชั่วโมงต่อมา เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ด้านหลังคฤหาสน์ตระกูลตี้ในเขตเซิ่งซื่อฉางอันเมืองเย่ว์ตู
มู่เถาเยาพร้อมกับคนตระกูลตี้และคนตระกูลเย่ว์ออกมารอต้อนรับพวกเขา
สองผู้เฒ่าจากตระกูลเป่ยก็เหมือนกับสองผู้เฒ่าจากตระกูลเย่ว์ พวกเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้เลยเมื่อเห็นมู่เถาเยา
มู่เถาเยามีประสบการณ์จากเหตุการณ์ครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้เธอจึงไม่ลนลานหรือตื่นตระหนกอีกต่อไป
“คุณตา คุณยาย”
“โฮ เสี่ยวเยาเยา ยายคิดถึงหลานมาสิบแปดปีแล้ว…”
“…” โอเค เธอก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะปลอบประโลมผู้เฒ่าเหล่านี้ยังไง
อาจารย์สองคนของเธอยังไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
เพราะชาติที่แล้ว สถานการณ์ทุกอย่างในวังหลวงพลิกเปลี่ยนไปตอนเธออายุได้เพียงแปดขวบ ในตอนนั้นเธอมีท่านตาและท่านยายรวมถึงลุงเล็กคอยปลอบโยนเธอ
แต่เพราะหัวใจของเธอมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและมุ่งแต่จะล้างแค้น ซึ่งสถานการณ์แตกต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง เธอจะหยิบยืมวิธีการปลอบเหล่านั้นมาใช้ได้ยังไง
ย่าเย่ว์เดินขึ้นไปข้างหน้าเพื่อ ‘ช่วยเหลือ’ มู่เถาเยา ดวงตาคู่งามเอ่อรื้นไปด้วยหยาดน้ำ
“อาซี อาหมิง สองท่านนี้คืออดีตราชาและนายหญิงผู้เฒ่าตระกูลตี้ นายน้อย และคุณชายน้อย”
แน่นอนว่าสองตายายตระกูลเป่ยย่อมคุ้นหน้าคุ้นตาอดีตราชาเป็นอย่างดี
ผู้เฒ่าสองสามคนไม่ได้ใช้คำพูดเป็นทางการทักทายกันเหมือนที่ใช้ในทางการทูต แต่แลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบทักทายกันเหมือนเพื่อนเก่าที่พบหน้ากันทั่วไป
“อดีตราชาตี้ เราไม่ได้เจอกันมายี่สิบกว่าปีแล้วใช่ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเยาเยา ยายแก่กับฉันคงไม่มีโอกาสได้มาพบกับคุณสองคนอีก”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ! เสี่ยวเยาเยาช่างเป็นสาวน้อยที่น่าอัศจรรย์จริงๆ …” ไม่มีใครรักและเอ็นดูมู่เถาเยาได้มากเท่าคนตระกูลตี้อีกแล้ว
สองผู้เฒ่าตระกูลเป่ยฟังแล้วยิ่งมีความสุขมากขึ้นเป็นเท่าทวี!
มู่เถาเยา “…”
ทำไมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการยกยอปอปั้นผู้อื่นแบบเวอร์ๆ กันนะ
เธอเก่งอย่างที่พวกเขาพูดจริงๆ เหรอ ราวกับว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพ!
ตี้อู๋เปียนมองไปที่เด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ทำสีหน้าเหมือนสับสนในชีวิตอย่างตลกขบขันเล็กน้อย
ที่ตลกยิ่งกว่านั้นคือถุงลมน้อยตี้อันเหยี่ยมีความสุขมากเมื่อได้ยินคนยกย่องมู่เถาเยา!
เขาฟังไม่เข้าใจคำศัพท์ยากๆ เหล่านั้น แต่เขารู้ว่าคุณปู่และคุณย่าหลายคนกำลังยกย่องพี่สาวของเขา!
เพราะคำนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกิน พี่สาวมักจะใช้มันเพื่อชมเชยเขาบ่อยๆ !
เขาจำได้!