กองกำลังของแม่ทัพแวนเดลแตกพ่าย
พลเอกแวนเดลนำทัพออกจากวังจอมมารมาเพื่อสกัดกั้นข้าศึก หน้าที่หลักของเขาเป็นเพียงการถ่วงเวลาเพื่อให้ทัพหลักตามมาในภายหลัง ตลอดหลายวันที่ผ่านมาแวนเดลทำเพียงปะทะเล็กน้อย เลี่ยงเผชิญการศึกซึ่งหน้า
ทว่ากลับมีข่าวว่ากองกำลังของแวนเดลพ่ายแพ้ เนื้อความนี้บ่งบอกว่ามีการรบเต็มรูปเกิดขึ้น กระบวนทัพของแวนเดลแตกกระจายหลบหนีจากบาดแผลการศึก
ข่าวนี้ทำให้อินกองนึกถึงเหตุการณ์กบฏเผ่าสายฟ้าชาด ในครานั้นพวกเขาใช้กำลังบุกเข้าซึ่งหน้า แต่ไพ่ตายอย่างสว็อมพ์แมมม็อธก็ทำให้พวกเขาต้องถอยทัพแพ้อย่างหมดรูป
ยอดเสียชีวิตในสงครามทั่วไปมิได้มากมายอย่างที่ส่วนใหญ่คาดคิด การเข่นฆ่านองเลือดส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งถอยหนีทำให้การป้องกันลดลง ในการศึกครั้งกบฏเผ่าสายฟ้าชาดนั้น เรียกว่าพวกเขาล่าถอยอย่างทันท่วงทีทำให้มีการสูญเสียค่อนข้างน้อย
หนึ่งสิ่งจากข่าวการปราชัยของแวนเดลที่คณะของอินกองต้องเก็บมาคิดก็คือ สาเหตุและวิธีการที่แวนเดลพ่ายแพ้ ข่าวกรองบอกว่าแวนเดลมิได้รับบาดเจ็บมากนัก นั่นทำให้หลงเหลือโอกาสรวบรวมกำลังพลที่แตกกระจายเพื่อตั้งหลักอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามยังมีอีกความเป็นไปได้ แม้จะน้อยแต่เหล่าทหารทั้งหมดอาจถูกชนเถื่อนสังหาร
ท่ามกลางเวลาดึกดื่นเลยเที่ยงคืน บุคคลสำคัญของคณะอินกองได้มารวมตัวหารืออีกครั้ง
คารัคกางแผนที่ออกบนโต๊ะแล้วเริ่มรายงาน
“นี่คือจุดที่ท่านแม่ทัพเข้าสกัดกั้น”
ป้อมปราการทั้งเจ็ดของเอเวียงสามารถแบ่งได้เป็นสามเขตใหญ่ ปราการที่ห้า หก และเจ็ดทางทิศเหนือ ปราการที่หนึ่ง สอง และสามทางทิศใต้ ส่วนปราการที่สี่อยู่กึ่งกลางระหว่างปราการที่สามกับปราการที่ห้า
จุดที่คารัคชี้อยู่ไม่ห่างไปจากป้อมปราการที่สาม
“ข่าวของแม่ทัพแวนเดลถูกส่งมาจากป้อม3 หลังจากพวกมันตีท่านแม่ทัพแตก พวกมันก็เข้ายึดป้อม3 จากช่วงเวลาแล้วข้าว่าพวกมันยึดป้อม3 ไปแล้ว”
เจ้าออร์คขีดกากบาทลงบนแผนที่สร้างสีหน้าเจ็บปวดให้ผู้เข้าร่วมประชุม การที่เหล่าชนเถื่อนบุกรุกมาได้ถึงเพียงนี้เรียกว่าเป็นข่าวร้าย
“มีการติดต่อจากแม่ทัพแวนเดลมาบ้างไหม?”
คารัคขมวดคิ้วใช้ความคิดก่อนตอบคำถามจากเฟลิซี
“ในตอนนี้ยังไม่มี แต่จากการติดต่อครั้งสุดท้ายของป้อม3 ประจวบกับช่วงเวลา ข้าว่าสถานการณ์ท่านแม่ทัพไม่สู้ดีนัก”
คารัคขีดเส้นโยงจากป้อมปราการที่สามไปยังปราการที่สอง ระยะห่างระหว่างทั้งสองป้อมค่อนข้างไกล ตัวมันไม่อาจมั่นใจว่าแม่ทัพแวนเดลหลบหนีไปบริเวนไหน
“รายงานสุดท้ายจากป้อม3 เรียกว่ายุ่งเหยิง ข้าว่าสถานการณ์คงเลวร้ายสุดๆ”
คารัคนำจดหมายเหตุขึ้นมากางอ่านให้ทั้งหมดเห็น
“แม่ทัพแวนเดลแตกพ่าย ความเสียหายประเมินไม่ได้ เสียป้อม3 ในไม่ช้า ยอดเสียชีวิตล้นหลาม ราชาชนเถื่อน? ทิศเหนือ!”
เหล่าองครักษ์ต่างขมวดคิ้วให้กับข้อความจากจดหมาย ข้อความยากจะปะติดปะต่อบ่งบอกถึงความเร่งด่วน
“นี่มันอะไรกัน แม่ทัพแวนเดลถูกตีแตกจนศัตรูไม่ไล่ตามเลยเชียวหรือ? นี่คือแม่ทัพแวนเดลเชียวนะ ท่านพลเอกแวนเดล! แม่ทัพแวนเดลนำทัพด้วยตนเองแต่ศัตรูกลับละเลยเนี่ยนะ?”
เฟลิซีกรีดร้องเสียงแหบแห้งด้วยท่าทีตื่นตระหนก เคทลินจ้องมองภาพรวมจากแผนที่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี คัปลานได้แต่ส่ายหน้า
moba เค้าชนะกันที่ป้อมไม่ใช่แต้มฆ่า สงครามก็เช่นกัน
“บางทีพวกมันอาจส่งหน่วยแกะรอยเพื่อตาหาตัวท่านแม่ทัพ ส่วนที่เหลือก็เคลื่อนพลเข้าทิศเหนือ”
แน่นอนว่าศีรษะแม่ทัพฝ่ายศัตรูย่อมมีมูลค่าในหลายประการ แต่ก็เพียงเท่านั้นเมื่อเทียบกับแผนการโดยภาพรวม นี่แสดงให้เห็นว่าแวนเดลสูญเสียกำลังพลไปมาก มากจนศัตรูไม่ให้ความสำคัญกับเหล่าทหารหนีทัพ
เคทลินเอ่ยปากถามท่ามกลางบรรยากาศอันวังเวง
“คัปลาน เธอคิดว่าเพราะอะไรพวกนั้นถึงไม่บุกตีป้อม1 หรือป้อม2?”
“ข้าพระพุทธเจ้าคิดว่าราชาชนเถื่อนน่าจะพุ่งเป้าหมายไปที่เมืองทาก้า”
“ทาก้า?”
คัปลานผงกหัวรับ เขาชี้ไปยังบริเวนหนึ่งบนแผนที่
“นอกชายแดนเป็นดินแดนแร้นแค้น สำหรับเหล่าชนเถื่อนที่อาศัยในดินแดนนั้น เมืองเอเวียงถือว่าอุดมสมบูรณ์เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหากพวกมันเข้ายึดครองทางวังจอมมารย่อมไม่นิ่งเฉยแน่”
คัปลานถอนหายใจก่อนยิ้มออกมา
“ใต้ฝ่าพระบาทได้ทรงเข้าร่วมการศึกในการปราบกบฏเผ่าสายฟ้าชาดใช่หรือไม่พระพุทธเจ้าข้า?”
เคทลินพยักหน้า เวลาล่วงเลยมาเพียงไม่กี่เดือน คณะของอินกองยังคงจดจำเหตุการณ์ได้อย่างดี
คัปลานพอใจแล้วกล่าวต่อ
“สิ่งที่กำลังเกิดก็คล้ายกันจะต่างก็เพียงระดับความรุนแรง เหล่าชนเถื่อนมีระดับความอันตรายมากนักเมื่อเทียบกับเผ่าสายฟ้าชาด ไม่ว่าจะด้วยจำนวนหรือความสามารถแต่ละบุคคล หากพวกมันเข้ายึดเอเวียง เหล่าแม่ทัพองครักษ์ทั้งห้าย่อมเคลื่อนไหวเป็นแน่แท้”
โลกมารถือว่ามีเขตแดนกว้างขวาง และอำนาจจากวังจอมมารก็กระจายปกครองไปทั่ว
หนึ่งในต้นตออำนาจนั้นก็คือเหล่าแม่ทัพองครักษ์ทั้งห้า
เรียกได้ว่าพวกเขาสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็มิปาน การที่พวกเขาออกมาเคลื่อนไหวบ่งบอกถึงสถานการณ์อันหนักหน่วง และแน่นอนว่าเหล่าชนเผ่าในโลกมารรวมถึงดินแดนใกล้เคียงย่อมยำเกรง
“หรือก็คือพวกชนเถื่อนจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายของพวกมัน หลีกเลี้ยงการเข้ายึดเอเวียง แต่พวกมันก็จะใช้โอกาสนี้กอบโกยให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ พวกมันจะบุกเมืองปล้นสะดม เข้นฆ่า ช่วงชิงทรัพยากรทั้งหมดเท่าที่ทำได้ ก่อนหนีเตลิดกลับไปยังดินแดนนอกเขตแดน พวกมันจะสร้างความเสียหายให้มากที่สุดเพื่อซื้อเวลาในการเตรียมตัวรับมือกับห้าแม่ทัพองครักษ์”
เฟลิซีพยายามจะกล่าวสรุปอย่างลนลาน แต่สิ่งที่กล่าวไม่อาจเรียกว่าสรุปได้สักเท่าไร คัปลานกล่าวเสริม
“แน่นอนว่าราชาชนเถื่อนแสดงพลังที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนออกมา บางที่เขาอาจจะมีแผนการอื่นนอกเหนือจากนี้ ทว่าเขาเลือกมุ่งหน้าไปทางเหนือ ทำให้ทาก้าดูเป็นตัวเลือกเป้าหมายที่ใกล้เคียงที่สุด”
การเยี่ยมเยือนเมืองทาก้าทำให้คณะของอินกองเข้าใจในสิ่งที่คัปลานต้องการจะสื่อ ทรัพย์สินโดยรวมของเมืองท้าก้าเรียกได้ว่ามากเกินครึ่งของทรัพย์สินทั้งหมดในเขตแดนเอเวียง
“เพราะแม่ทัพแวนเดลเข้าขัดขวาง ทำให้พวกมันไม่สามารถบุกทาก้าได้ตั้งแต่แรกสินะ?”
คัปลานพยักหน้ารับ
“บางทีการที่พวกมันกระจายตัวเข้าบุกป้อมปราการอาจมิได้เพื่อตัดเส้นทางเสบียงของแม่ทัพแวนเดล พวกมันอาจเตรียมตัวสำหรับการบุกเข้าตีเมืองทาก้า”
แต่การแทรกแทรงจากอินกองทำให้แผนการพวกมันผิดพลาด แม้แต่ทหารฝ่ายเดียวกันยังตกตะลึงกับกลยุทธ์ลมกรด แน่นอนว่าเหล่าชนเถื่อนย่อมเสียความคาดหมายยิ่งกว่า
เอลิต้าถอนหายใจก่อนกล่าวสรุป
“หรือก็คือ กองทัพแวนเดลแตกกระจายตัวอยู่ทางทิศตะวันตก ราชาชนเถื่อนอยู่ทางทิศเหนือ”
เอลิต้าวางหมากสามตัวลงบนแผนที่ หมากแสดงถึงตัวแวนเดล กองกำลังชนเถื่อน และตัวราชาชนเถื่อน
เฟลิซีขมวดคิ้ว
“พวกเราต้องรีบเตรียมการรับมือกันตอนนี้ถึงจะทันท่วงที พวกศัตรูเป็นกองทัพขนาดใหญ่ทำให้พวกมันต้องเสียเวลาในการเคลื่อนทัพอย่างล่าช้า แต่ถึงจะช้าพวกมันก็เคลื่อนตัวเข้าสู่เขตเอเวียงแล้ว ยังไงพวกมันก็จะมาถึงบริเวนนี้ในเวลาราว 3 วัน ไม่น่าจะช้าเกินไปกว่า 3 วันแน่นอน”
ค่อนข้างมั่นใจได้ในตอนนี้ว่าราชาชนเถื่อนจะเคลื่อนพลเข้ายึดป้อมปราการที่สี่ แล้วมุ่งหน้าต่อมายังป้อมปราการที่ห้า หลักจากเห็นพ้องต้องกัน เฟลิซีก็หันมาทางอินกอง
“ฉัตร เธอคิดว่าจะเป็นยังไงต่อ?”
คำถามที่นำทุกสายตามายังอินกอง
ทายาทจอมมารทั้งสามมารวมตัวกัน แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าผู้นำคือใคร
ทั้งเฟลิซีกับเคทลินต่างให้การช่วยเหลือแต่ทั้งคู่ก็มอบให้อินกองเป็นผู้ตัดสินใจท้ายที่สุด คัปลานกับเอลิต้าต่างก็เคารพในการตัดสินใจของอินกองอย่างไม่โต้แย้ง ยิ่งผู้บัญชาการป้อมปราการทั้งสามที่เลือกติดตามอินกองอย่างเลื่อมใสยิ่งไม่ขัดขืน
อินกองใช้ความคิดจ้องมองแผนที่ เขาถอนหายใจก่อนตอบอย่างหนักแน่น
“ถอนตัวออกจากป้อม5 แล้วเคลื่อนทัพเข้าช่วยเหลือแม่ทัพแวนเดล”
“ใต้ฝ่าพระบาท?”
การตัดสินใจของอินกองสร้างความสับสนให้กับดิโอทิมา สำหรับนางการถอนตัวออกจากป้อมปราการเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่กาลิกุล่ากับโรโตฟเข้าใจ นั่นเพราะอินกองได้ให้พวกเขาถอนตัวออกจากป้อมปราการที่หกกับเจ็ดเรียบร้อย
อินกองกล่าวอธิบายเพิ่มเติม
“กองกำลังของพวกเราในตอนนี้ไม่สามารถหยุดยั้งเหล่าชนเถื่อนได้แน่ ยิ่งสถานการณ์ไม่อาจบอกได้ว่ากำลังเสริมจากวังจะมาถึงเมื่อไร”
แม้กำแพงป้อมปราการที่ห้าจะสูงชันกว่าปราการที่หก แต่กำแพงเหล่านี้ก็เสียหายเกินกว่าครึ่ง ยากจะเรียกที่แห่งนี้ว่าป้อมปราการ รับศึกซึ่งหน้ากับกองกำลังที่นำโดยราชาชนเถื่อนที่ป้อมนี้เรียกได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
เฟลิซีพยักหน้าพึมพำอย่างครุ่นคิด
“ถ้าพวกเราขนเสบียงทั้งหมดไปด้วยอย่างที่ผ่านมา… ยังไงเสีย ป้อม5 6 7 ก็เป็นคลังเสบียง คลังเสบียงที่ไร้เสบียงก็ไม่ต่างอะไรจากเปลือกนอก… เหมือนหอยทากที่ไม่มีตัวทาก… เป็นความคิดที่ดี เป็นความคิดที่ดี”
ดิโอทิมาเป็นผู้เดียวที่แปลกใจเมื่อได้ยินว่าเสบียงทั้งหมดจะถูกขนไปด้วย
อินกองได้รวบรวมเสบียงทั้งหมดจากป้อมปราการที่หกกับเจ็ดเป็นที่เรียบร้อย นอกเหนือจากเฟลิซีกับเคทลินแล้วไม่มีผู้ใดล่วงรู้วิธีการ แต่พวกเขาก็ทำมันถึงสามครั้งตั้งแต่เมืองทาก้า จึงมิใช่เรื่องแปลกใหม่อย่างใด
ถ้าจำไม่ผิด เจ้าออร์คแสนฉลาดก็รู้ด้วยนา ได้ค่าปิดปากเป็นเกราะอะไรซักอย่าง~
แน่นอนว่าหากศัตรูยึดป้อมปราการทั้งสามแห่ง ถึงจะขนเสบียงทั้งหมดไปแต่พวกเขาก็จะถูกปิดล้อมอยู่ดี
ทว่ากำลังเสริมจากวังจอมมารน่าจะมาสมทบได้ก่อนเสบียงของพวกเขาจะหมดลง
“ต ใต้ฝ่าพระบาทเพคะ หากเหล่าไพร่พลถอนตัวจากฐานที่มั่นนี้ ข้าพระพุทธเจ้าเกรงว่าตัวเมืองทาก้าจะตกอยู่ในอันตรายเพคะ”
ดิโอทิมาพยายามกล่าวเตือน แต่อินกองส่ายหน้า
“ระยะห่างจากป้อมปราการทั้งสามนี้อยู่ห่างจากเมืองทาก้าพอสมควร กว่าราชาบาบาเรี่ยนจะเคลื่อนพลถึงเมืองทาก้า พวกเราก็ช่วยเหลือแม่ทัพแวนเดลและเคลื่อนตัวกลับมาสมทบอย่างพร้อมรบ”
อินกองยังเชื่อมั่นว่าเหล่าทหารระดับสูงของกองทัพแวนเดลย่อมหนีเอาตัวรอดไปได้
‘รวบรวมทหารเทพๆที่กระจายตัวเพื่อเตรียมตัวรบ เหมือนในเกมสงครามเป๊ะ’
“แน่นอนว่าแผนการนี้อาจจะยุ่งยาก แต่สำหรับเรา… ชีวิตของเหล่าทหารสำคัญกว่าเมืองทาก้า”
เป็นคำพูดที่อาจสร้างความแตกแยกได้ ทว่าสมาชิกทุกตนในที่นี้ต่างเป็นทหาร การให้ความสำคัญกับชีวิตเหล่าทหารจึงสร้างความตื้นตันให้กับผู้บัญชาการทั้งหมด
“ใต้ฝ่าพระบาท…”
ดิโอทิมาอุทานออกมาอย่างเลื่อมใส อินกองยิ้มให้นางก่อนคัปลานจะซักถามเพิ่ม
“ทว่าตำแหน่งของแม่ทัพแวนเดลยังคลุมเคลือ ใต้ฝ่าพระบาทมีวิธีการรับมือในเรื่องนี้แล้วหรือพระพุทธเจ้าข้า?”
พวกเขาจะหาตัวแวลเดนพบได้อย่างไรกัน?
“บางทีนะ”
อินกองผงกหัวพร้อมการปรากฏกายของกรีนวินด์ เวลาล่วงเลยทำให้พลังของนางฟื้นคืนจนให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับยามที่อินกองแรกพบ
อย่างไรเสียกรีนวินด์ก็ยังคงเป็นกรีนวินด์ นางส่งยิ้มให้อินกองเช่นเคย ก่อนอินกองจะลูบหัวนาง
&
หลายกำลังทัพต่างเคลื่อนพลในเวลาเดียวกัน
ราชาเคราโตสเข้ายึดป้อมปราการที่สี่ได้สำเร็จ
เพราโตสหลบหนีออกจากเมืองทาก้าได้สำเร็จเช่นกัน เขาตระเวนรวบรวมเหล่าชนเถื่อนที่หลบหนีกระจายตัวหลังจากพ่ายแพ้ให้กองทัพของอินกอง
เพราโตสนำกำลังพลที่รวบรวมเข้าบุกป้อมปราการที่เจ็ดแต่ก็พบกับความว่างเปล่า เขานำกำลังพลเข้าบุกป้อมปราการที่หกก่อนพบความว่างเปล่าอีกครั้ง เหล่าชนเถื่อนผู้หิวโหยมั่นใจว่าเสบียงทั้งหมดต้องถูกขนย้ายไปยังปราการที่ห้า ก่อนออกเคลื่อนพลอย่างคาดหวัง
ระหว่างที่เพราโตสยังคงอดอยาก ราชาเคราโตสก็เตรียมพร้อมเคลื่อนพลออกจากป้อมปราการที่สี่ เป้าหมายคือป้อมปราการที่ห้า
หลังจากอินกองทราบข่าวการแตกพ่ายของแวนเดล เวลาก็ล่วงเลยมาได้วันเศษ
แวนเดลเตรียมกำลังที่เหลือพร้อมเข้าต่อสู้เฮือกสุดท้ายของชีวิต
admin เว็บแมวประกาศบอกให้พักแปลผลงานจากประเทศเกาหลี .( ̵˃﹏˂̵ )
เพราะเค้าอู้บ่อยไปใช้มั้ย เค้าขอโทษ