แวนเดลถือกำเนิดในสมรภูมิรบ

 

  เขากำพร้าทั้งพ่อและแม่

 

  เขาไม่รู้แน่ชัดถึงชาติกำเนิดของตนเอง มีเพียงความจริงที่ว่าแม่ของเขาเป็นโอเกอร์ แม่ของเขาอาจจะเป็นทหารสังกัดจอมมาร ทหารรับจ้าง หรือพลเรือนธรรมดา

 

  พ่อของเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทหารรับจ้างเร่ร่อน ความทรงจำในวัยเด็กของเขาเลือนลาง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจำได้ชัดเจนคือกลุ่มทหารนี้มิใช่ทหารรับจ้างธรรมดาทั่วไป

 

  ชีวิตเขาเป็นหนี้บุญคุณหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้าง ตัวเขาเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของเหล่าสมาชิกในฐานะสัญลักษณ์นำโชค

 

  ต้องขอบคุณลักษณะเด่นของโอเกอร์ในเรื่องพลังชีวิตที่ทำให้แวนเดลอยู่รอดมาได้ หากเปรียบเทียบกับบรรดาโอเกอร์ทั่วไป เรียกได้ว่าเขาจัดอยู่ในกลุ่มผ่าเหล่าที่มีคุณสมบัติสูงกว่าปกติ

 

  บันทึกชีวิตวัยเยาว์ของแวนเดลอาจเรียกได้ว่าเป็นจารึกประวัติสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการรบที่ได้เปรียบเสียเปรียบ สมรภูมินองเลือดที่เข่นฆ่าอย่างบ้าระห่ำ หรือสมรภูมิที่ทั้งสองฝ่ายต่างถอนทัพ แวนเดลเคยผ่านทั้งเป็นฝ่ายกระทำและฝ่ายถูกกระทำ

 

  หลากสนามรบทั้งชนะและพ่ายแพ้… ประสบการณ์ที่สั่งสมในตัวมากเกินกว่าจะนับ มีบางการศึกที่โดดเด่นจนเขาสามารถจดจำได้อย่างฝังใจ

 

  หนึ่งในนั่นคือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อน

 

  เป็นการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับหมดรูป เรียกได้ว่าย่ำแย่ที่สุดจากประสบการณ์ที่แวนเดลสั่งสม

 

  ทหารราวเก้าพันตน… ไม่ทราบจำนวนรอดชีวิต… ไม่ทราบจำนวนสูญเสีย… ไม่ทราบจำนวนสูญหาย… หลักฐานความจริงที่บ่งบอกถึงความเลวร้ายในสถานการณ์ของเขา

 

  จำนวนทหารที่แวนเดลควบคุมอยู่ตอนนี้มีราวสองพันตนโดยประมาณ แน่นอนว่าหากเขารวบรวมกำลังพลที่แตกกระจายอาจได้จำนวนมากกว่านี้ แต่ศัตรูก็มิปล่อยให้เขาทำได้อย่างใจคิด

 

  หน่วยแกะรอยของศัตรูพบตำแหน่งของแวนเดล ทหารชนเถื่อนหลายพันล้อมกรอบไล่ล่าแวนเดล ทหารเหล่านี้มิใช่ทัพหลักของราชาชนเถื่อนแต่อย่างใด เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แยกออกมาเพื่อไล่ล่าแม่ทัพศัตรูที่พ่ายแพ้เท่านั้น

 

  กำลังพลของแวนเดลล้วนอ่อนล้า ส่วนใหญ่บาดเจ็บ บ้างลมตาย และบางส่วนหนีทัพเนื่องจากไม่เห็นโอกาสคว้าชัยชนะ

 

  แวนเดลที่ปกติอยู่เบื้องหน้านำทัพย้ายตำแหน่งตนเองอยู่เยื่องไปทางด้านหลังลึกที่สุด หากแต่มิใช่เพื่อตรวจตราป้องกันการหนีทัพ

 

  แวนเดลมิได้กลัวตาย ทว่ากลายตายของแม่ทัพย่อมทำให้เหล่าทหารเสียขวัญ หากพวกเขาหวังโอกาสในการพลิกเอาชนะศัตรู แวนเดลต้องรอด

 

  ฝุ่นละอองคละคลุ้งบ่งบอกถึงเหล่าชนเถื่อนที่ไล่ล่าตามหลัง เกิดการปะทะเล็กน้อยตลอดหลายวันที่แวนเดลพยายามถอยหนี ไม่ว่าจะด้วยจำนวนหรือความเพรียบพร้อมของกำลังพล แวนเดลเป็นรองในทุกด้าน

 

  แวนเดลถอนหายใจ เขากำหมัดชูขึ้นส่งท้องฟ้า

 

  ในเมื่อผลลัพธ์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แวนเดลเลือกที่จะกลับมาบัญชาการรบแนวหน้า

 

‘ไม่สิ ไม่ใช่ข้ออ้างอะไรพรรค์นั้น’

 

  ศรธนูที่พุ่งทะลวงทัพข้าศึก หรือในอีกนัยหนึ่งก็คือโล่เนื้อที่ถูกส่งไปเพื่อพลีชีพ

 

  ที่แวนเดลต้องทำก็เพียงบุกตะลุยสร้างความโกลาหลในทัพศัตรูเพื่อให้ฝ่ายตนชิงข้อได้เปรียบมาได้ ไม่ว่าจะกองทหารใดต่างก็ตบรางวัลตามผลงาน แน่นอนว่าสำหรับเหล่าชนเถื่อน ศีรษะแม่ทัพข้าศึกอย่างแวนเดลย่อมเรียกได้ว่าเป็นผลงานชั้นดี

 

  เสียงอึกทึกดังมากขึ้น รุนแรงขึ้นจากฝีเท้าสัตว์สงครามที่ย่างกรายเข้ามา

 

  แวนเดลกับองครักษ์ประจำตัวเตรียมพร้อมรบ ตำแหน่งยืนองครักษ์มือขวาว่างเปล่า ออร์คผู้ซื่อสัตย์เสียชีวิตระหว่างการต่อสู้กับราชาชนเถื่อนเพื่อให้แวนเดลหลบหนี

 

  แวนเดลส่งพลังไปยังมือทั้งสองที่กุมอาวุธ บาดแผลจากการต่อสู้กับราชาเคราโตสทำให้แขนข้างซ้ายควบคุมได้อย่างยากลำบาก ขาข้างขวาเจ็บแปลบในทุกครั้งที่เขาขยับตัว

 

  สภาพร่างกายเช่นนี้ แวนเดลจะต่อสู้ทำศึกได้อย่างไร? แต่อย่างไรเสียสนามรบก็อยู่เคียงข้างเขามาทั้งชีวิต และโอเกอร์ตนนี้ก็เลือกที่จะตายในสนามรบ

 

  แวนเดลนึกถึงหัวหน้าหน่วยทหารรับจ้างที่ชุบเลี้ยงเขา คำพูดติดปากหัวหน้าลอยขึ้นมา

 

‘นี่เป็นวันที่ดีที่จะตาย’

 

  แวนเดลหัวเราะออกมา ถ้อยคำที่ฟังดูไร้สาระ หรือว่าบางทีวันนี้จะเป็นวันดังกล่าว?
  It is a good day to die! คำพูดปลุกเร้าของทหารในยามเผชิญการรบที่ไร้หนทางชนะ 
  เป็นวันที่ดีที่จะตาย แต่ผู้พูดไม่คิดจะตายในวันนี้  

 

“พวกมันมาแล้ว”

 

  แวนเดลกล่าว หน่วยทหารกระชับอาวุธของตนให้พร้อมปะทะ

 

  ฝุ่นละองตลบคละคลุ้ง เสียงกู่ร้องคำรามศึกมากมายปะปนกับเสียงฝีเท้าสัตว์สงคราม

 

  แวนเดลแผดเสียงคำรามร้องออกมา เสียงอันดังสนั่นระยะประชิดทำให้สัตว์ภาหนะของศัตรูมีอาการชะงักเล็กน้อย แต่ก็มากพอทำให้เสียรูปกระบวน

 

  แวนเดลเค้นลมปราณไปทั่วร่างแล้ววิ่งกระโจนเข้าหาศัตรู

 

“บุก!”

 

  แล้วกำลังพลของทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะตะลุมบอล

 

&

 

  ในการต่อสู้ปราบกบฏเผ่าสายฟ้าชาด

 

  ยาคุซันหัวหน้าเผ่าเลือกกุมอาวุธต่อสู้ยืนหยัดจนตัวตาย 

 

  แวนเดลก็คิดเช่นกัน

 

“โฮก!”

 

  แวนเดลคำรามเหวี่ยงค้อนศึกใส่ศัตรู พละกำลังของโอเกอร์รวมเข้ากับอาวุธไร้คมอย่างค้อนส่งผลให้วิชากายแกร่งไร้ประโยชน์ ชนเถื่อนโดนเหวี่ยงกระเด็นและบาดเจ็บจากบาดแผลภายใน

 

  แวนเดลวิ่งฝ่าเข้ากลางดงศัตรู ค้อนในมือทั้งสองข้างเหวียงควงราวกับพายุ กระบวนทัพของเหล่าชนเถื่อนถูกโอเกอร์ตนนี้บุกตะลุยจนเสียรูป

 

  ถึงกระนั้นเหล่าชนเถื่อนก็ใช่ว่าจะไร้สมอง เมื่อรู้ว่าไม่สามารถปะทะด้วยซึ่งหน้า พวกเขาก็เปลี่ยนใช้หอกซัดแทน แวนเดลจับร่างของชนเถื่อนที่หมดสติใช้เป็นโล่กำบังอาวุธขว้าง แต่ก็ไม่อาจป้องกันปริมาณทั้งหมดได้ ไหล่กับแขนขวาทั้งแขน ข้อเข่าทั้งสองข้าง สีข้าง และอกโดนเสียบทะลุ

 

  แวนเดลพุ่งเข้าหาศัตรูโดยป้องกันเพียงศีรษะของตนเท่านั้น เสียงคำรามร้องอันเจ็บปวดและเกรี้ยวกราดดังจากทั้งแวนเดลและชนเถื่อน

 

  แม้แวนเดลจะใช้ร่างชนเถื่อนเป็นโล่กำบัง แต่ชนเถื่อนที่เหลือก็มิได้สนใจความปลอดภัยพวกพ้อง หอกซัดถูกขว้างอย่างต่อเนื่อง เสียบทะลุร่างของชนเถื่อนที่เป็นโล่ไปยังตัวโอเกอร์คลั่ง หากจ้องมองที่หอกเหล่านี้จะพบว่าพวกมันปกคลุมด้วยไอพลังสีแดงเบาบาง และชนเถื่อนบางตนก็แผ่ไอพลังสีแดงนี้ออกมาอย่างชัดเจน

 

  แวนเดลส่งลมปราณเข้าค้อนศึกแล้วขว้างมันขึ้นไปกลางอากาศ ลมปราณภายในระเบิดออกแผ่ทำลายหอกซัดในระยะ บางส่วนที่ไม่ถูกทำลายก็โดนปรับเปลี่ยนแนววิถี

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

 

  แววตาของแวนเดลเรืองแสงออกมาอย่างประหลาด แม้จะเพียงเบาบาง แต่ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยไอพลังสีน้ำเงิน

 

  แวนเดลหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาพุ่งเข้าหาชนเถื่อนที่เรืองไอพลังสีแดง ด้วยปกติร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นนี้ย่อมไม่อาจทำได้ เรียกได้ว่ามีแต่ผู้ที่คลุ้มคลั่งเท่านั้น

 

  เหล่าชนเถื่อนที่ขวางทางต่างถูกปัดออก บ้างสลบ บ้างกะโหลกแตกตาย ชนเถื่อนที่เรืองไอพลังสีแดงก็เช่นกัน เขาไม่อาจต้านทานพลังทำลายจากแวนเดลได้ ร่างกายบริเวณที่โดนค้อนซัดระเบิดออกตายคาที่  

 

  หอกเสียบแทงทะลุจากด้านหลังของแวนเดลทำให้เขาได้สติร้องคำรามเหวี่ยงค้อนโจมตีศัตรู แววตาเขากลับเป็นดังเดิมและไอพลังที่ว่าถูกลมปราณขับเคลื่อนชำระล้างหายไป แวนเดลเตรียมโจมตีต่อ แต่เหล่าชนเถื่อนไม่ปล่อยโอกาส ชนเถื่อนเหล่านี้ล้วนแผ่ไอพลังสีแดงออกมา แวนเดลทำได้เพียงตั้งรับ บาดแผลที่สั่งสมเพิ่มพูนมากขึ้น บาดแผลเหล่านี้ส่งมอบความเจ็บปวดไปทั่วร่าง

 

  ค้อนศึกของแวนเดลไม่สามารถรับภาระท่ามกลางการต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อนได้อีกต่อไป แวนเดลระเบิดค้อนด้วยลมปราณอีกครั้งแล้วเตรียมใช้หมัดเข้าต่อสู้ต่อ แม้โอเกอร์จะมีพลังชีวิตที่มากกว่าเผ่าอื่นแต่กระนั้นร่างกายสิ่งมีชีวิตย่อมมีขีดจำกัด แวนเดลเสียเลือดไปมากจากการต่อสู้ ทัศนวิสัยของเขาเริ่มพร่ามัว การเคลื่อนไหวของร่ากายช้าลง ลมปราณแตกกระจายเกินจะควบคุม

 

  หอกจำนวนมากยังคงพุ่งซัดใส่ร่างโอเกอร์ที่อ่อนแรง แม้ศัตรูเพลี่ยงพล้ำแต่เหล่าชนเถื่อนก็ไม่ประมาท ชนเถื่อนตนหนึ่งกระโจนเข้าหมายตัดศีรษะแวนเดลแต่ก็ถูกหมัดต่อยสวนเข้าอย่างไม่คาดคิดตายคาที่

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

 

  เสียงหัวเราะครั้งสุดท้าย

 

  แวนเดลหัวเราะให้กับความตายที่กำลังมาเยือน ทว่าเขาไม่รอความตาย เขากระโจนเข้าหามัน แวนเดลแค้นพลังที่เหลือเตรียมส่งหมัดสังหารศัตรูให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้!

 

บรึ้ม!

 

  เสียงระเบิดดังขึ้นจากอกของแวนเดล หอกที่เรืองไอพลังสีแดงทั้งหมดระเบิด บาดแผลเหวอะหวะทำให้ร่างกายของโอเกอร์ตนนี้ล้มกองกับพื้นในที่สุด เหล่าชนเถื่อนต่างกรูเข้าใช้หอกแทงซ้ำ

 

‘จบสิ้นแล้วสินะ’

 

  อาจเรียกว่าโชคดีที่หัวใจของแวนเดลยังไม่บุบสลาย เขาใช้แรงอีกเฮือกคว้าขยี้ข้อเท้าชนเถื่อน แวนเดลจ้องมองท้องฟ้าที่ถูกชนเถื่อนจำนวนมากบดบัง ท้องฟ้าปลอดโปร่งอันงดงาม

 

‘นี่เป็นวันที่ดีที่จะตาย’

 

  แวนเดลพยายามหัวเราะแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา เขาหลับตาลง

 

  ทันใดนั้นก็มีก้อนอุกกาบาตสีน้ำเงินตกจากท้องฟ้าลงมาข้างกายแวนเดล สะเก็ดสีขาวกับดำแตกออกกระแทกใส่เหล่าชนเถื่อนที่รายล้อม

 

  แวนเดลลืมตาอีกครั้ง ภาพอันพร่ามัวแสดงเพียงร่างของบางสิ่งสีขาวขาวปะปนควบคู่สีน้ำเงิน หูของเขาไม่อาจได้ยินข้อความที่สิ่งนั่นบอกกล่าว ทว่าด้วยเหตุผลบางประการเขากลับนึกถึงเด็กหนุ่มตนหนึ่ง

 

‘เพราะอะไรกัน?’

 

  แวนเดลพยายามเอ่ยถ้อยค้ำบางอย่าง ในขณะเดียวกันร่างที่มาจากอุกกาบาตก้อนนั้นก็ชูบางสิ่งสีขาวและปักมันลง

 

“ใต้ร่มเงากษัตริย์!”

 

ครืน!

 

  ทั้งที่สูญเสียการได้ยิน แต่แวนเดลกลับรับรู้ถ้อยคำนั้น แสงสีขาวระเบิดออกจากบางสิ่งที่ถูกปัก มันแผ่กระจายออกไปรอบอาณาบริเวณ

 

  พระราชา… 

 

  แผ่นหลังของกษัตริย์

 

&

 

  หลังจากจัดการเหล่าชนเถื่อนที่ห้อมล้อมแวนเดล อินกองก็จ้องมองไปเบื้องหน้า เขาจ้องมองไปยังเหล่าชนเถื่อนที่แผ่ไอพลังสีแดง แม้จะเป็นครั้งแรกที่เขาพบเห็นไอพลังนี้แต่เขาก็รับรู้ได้ทันที ไอพลังแห่งรณการ

 

  ทักษะใต้ร่มเงากษัตริย์จึงประจวบเหมาะกับสถานการณ์นี้ พลังแห่งอาณัติช่วยผลักการคุกคามจากพลังแห่งรณการ และยังช่วยให้ทหารของแวนเดลสามารถต่อการกับเหล่าชนเถื่อนที่ได้รับพลังแห่งรณการได้

 

‘บัญชา’

 

  เสียงกระซิบจากสตรีนิรนามดังขึ้น

 

‘ยึดครองพลังของนาง ปกครองและควบคุม!’

 

  อาชาแห่งรณการมิได้อยู่ที่นี่ ไอพลังแห่งรณการเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ถูกส่งมอบ นั่นทำให้พลังแห่งรณการไม่สามารถคุกคามพลังแห่งอาณัติได้

 

  อินกองดึงธงขึ้นชี้ไปยังเหล่าชนเถื่อน ไอพลังแห่งอาณัติพุ่งถาโถมเข้าชะล้างไอพลังแห่งรณการ

 

“ฉัตร!”

 

  เคทลินเรียกเขาจากอ้อมแขน 

 

  อินกองปล่อยเคทลิน เขาหันมองไปยังโล่ชีวาตม์ทั้งสองที่โบยบินเชือดเฉือนชนเถื่อน แม้ศัตรูจะถูกผลักออกไปบ้าง แต่บริเวณนี้ทั้งหมดรายล้อมไปด้วยเหล่าชนเถื่อน มีเพียงอินกองกับเคทลินสองตนเท่านั้นที่กระโจนเข้ามาช่วยแวนเดลอย่างกระชั้นชิด

 

  ย้อนกลับไปหลายชั่วโมงก่อน เมื่อคณะของอินกองหารือแผนการที่ป้อมปราการที่ห้าเสร็จสิ้น พวกเขารับรู้เส้นทางหลบหนีของแวนเดลอย่างคร่าว อินกองมองผ่านดวงตาของกรีนวินด์จากท้องฟ้า ส่วนตัวเขาเองก็ชำเลืองสังเกตแผนที่ย่อเป็นระยะ

 

  กว่าเขาจะพบตัวแวนเดล การต่อสู้ก็เริ่มขึ้นแล้ว อินกองจึงรีบรุดหน้ามากับเคทลินด้วยโล่ไวท์อีเกิ้ล ทิ้งให้เอลิต้ากับคัปลานเป็นผู้นำกำลังทัพ

 

  ระหว่างการบินสู่จุดหมาย อินกองใช้เวลานั้นวิเคราะห์สถานการณ์ แวนเดลถูกห้อมล้อมด้วยศัตรูนับพัน

 

  ทั้งอินกองกับเคทลินโคจรแก่นจันทรากับแก่นบริวารเผื่อส่งทอดพลัง จากนั้นเขาใช้ทักษะจากฮูกคุ้มภัยในการพุ่งเข้าจุดหมาย ส่วนโล่อีเกิ้ลทั้งสองเป็นหน้าที่ของกรีนวินด์

 

  กลับมาที่ปัจจุบัน… 

 

  เมื่อการคุกคามจากพลังแห่งรณการลดลง อินกองก็เตรียมพสุธากัมปนาทให้พร้อมต่อสู้ 

 

“กัมมะ!”

 

  ทักษะรับสั่งอัญเชิญตัวกัมมะให้ปรากฏตัว นางมีสีหน้าประหลาดใจชั่วครู่ก่อนปรับตัวเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อินกองไม่จำเป็นต้องสั่งการอะไร กัมมะรุดหน้าเข้าทำการรักษาแวนเดล เศษหอกถูกดึงออกจากร่างตามด้วยพรฟื้นฟูของดรูอิด

 

‘นายท่าน!’

 

  กรีนวินด์ร้องเตือนอินกองพลางร่ายพรแห่งสายลม โล่ทั้งสองยังคงบินสะกัดการถาโถมของเหล่าชนเถื่อน แต่อาจทำได้เพียงไม่นาน

 

“องค์ชายเก้า… ”

 

  เสียงอันแผ่วเบาดังขึ้นทำให้อินกองต้องหันหลังกลับ ร่างที่ชโลมไปด้วยบาดแผลของแวนเดลส่งยิ้มมาให้เขา ร่างกายแวนเดลสั่นเทาพยายามขยับเขยื่อนอย่างทุลักทุเล ท้ายที่สุดแวนเดลก็ทำได้เพียงขยับยื่นนิ้วมือให้อินกอง

 

  เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด ถึงแม้พลังแห่งรณการจะถูกผลักให้ล่าถอยและมีโล่ชีวาตม์คอยคุ้มกัน  แต่ด้วยจำนวนชนเถื่อนแล้ว อินกองเหลือเวลาเตรียมการไม่มาก

 

  ถึงกระนั้นอินกองก็เดินเข้าจับนิ้วแวนเดลราวกับจับมือ

 

  แสงสีขาวแผ่ออกสู่แวนเดล ทั้งสองพยักหน้าให้กัน ก่อนอินกองจะหันไปทางเคทลิน

 

“รบกวนนูนะช่วยคุ้มกันแม่ทัพแวนเดลกับกัมมะด้วยครับ”

 

“ไม่มีปัญหา เธอระวังตัวด้วยละ”

 

“นูนะก็เหมือนกันครับ”

 

  เคทลินขยับเข้าระวังภัยให้แวนเดลกับกัมมะ ส่วนอินกองก็เรียกโล่ชีวาตม์กลับมา โล่ทั้งสองกลับรวมตัวประกอบกันเป็นโล่ชีวาตม์ดั้งเดิมติดเข้าที่แขนซ้ายของเขา

 

  เมื่อโล่บินทั้งสองหายไปเผยให้เห็นช่องว่างระหว่างเหล่าชนเถื่อนกับกลุ่มของอินกอง เหล่าชนเถื่อนต่างเห็นว่านี่เป็นโอกาสทอง พวกมันกู่ร้องอย่างดีใจแล้วถาโถมเข้าสู่อินกอง

 

‘นายท่าน’

 

  กรีนวินด์ร้องเตือน อินกองรวมลมปราณเค้นส่งไปยังแก่นมังกรในตัว

 

‘โลหิตมังกร’

 

  พลังสายเลือดมังกรตื่นตัวขึ้นในร่าง… 

 

  จากนั้นอินกองใช้พลังสายเลือดมังกรนี้เรียกใช้อีกทักษะหนึ่ง

 

“อสูรทมิฬ”

 

  เสียงจากอินกองเป็นเพียงเสียงกระซิบท่ามกลางพายุเสียงโห่ร้องของเหล่าชนเถื่อน

 

  ทักษะพิเศษของฮูกราตรีอันของวิเศษแห่งพญามังกรไคทีน

 

หลังไมค์ไปถาม admin เว็บแมว นิยายเรื่องนี้รอด แฮ่~  
อาจเพราะเป็นนิยายเก่าแล้ว(?) เลยไม่มีสำนักพิมพ์ไหนสนใจเพ่งเล็ง 
สรุปว่าแปล(อู้?)ต่อได้ (๑˃̵ᴗ˂̵)و