ตอนที่ 107 ภรรยาเอก ภรรยารอง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 107 ภรรยาเอก ภรรยารอง

เยียนอวิ๋นเพ่ยทำหน้าโกรธแค้น พูดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ยังเพราะเหตุใดได้อีก ก็เพราะว่ากูเหยียสมรสกับข้า ไม่ได้สมรสกับเยียนอวิ๋นเฟย ทางตระกูลหลิงล้วนคิดว่าข้าไม่คู่ควรกับกูเหยีย รังเกียจที่ชื่อเสียงของข้าไม่ดี ท่านแม่ ข้าอยู่ในตระกูลหลิงอย่างลำบากมาก! แม่สามีและสะใภ้ต่างดูถูกข้า ทุกคนดูถูกข้า ข้ามาเมืองหลวงอย่างลำบากนัก กูเหยียไม่ยอมเข้าห้องข้า ไม่ยอมให้ข้ามีบุตรของเขา เหตุใดข้าจึงลำบากเช่นนี้!”

เมื่อพูดถึงเรื่องที่เสียใจ นางก็ร้องไห้ออกมา

ซุนฮูหยินสงสารนางยิ่งนัก

ซุนฮูหยินโกรธแค้นอย่างมาก “ตระกูลหลิงทำเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งที่กูเหยียเป็นคนทำให้เจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียง ก็สมควรรับผิดชอบต่อเจ้า เรื่องนี้แม้แต่ท่านโหวผิงอู่สืออุนยังยอมรับ ทุกคนต่างบอกว่าลุงป้าใหญ่ที่สุด ท่านโหวผิงอู่สืออุนเป็นลุงของกูเหยีย งานสมรสของพวกเจ้าเขาเป็นคนตัดสินใจ เหตุใดตระกูลหลิงจึงไม่ยอมรับ พวกเขามีสิทธิ์ใดรังเกียจเจ้า

หากจะมีความเห็นก็สมควรไปหาท่านโหวผิงอู่สืออุน ตระกูลหลิงรังแกเจ้า เจ้าออกเรือนไกลบ้าน ไม่มีคนในตระกูลหนุนหลัง ช่างรังแกคนเสียจริง ไม่ได้ ข้าต้องไปพูดกับกูเหยีย เจ้าเป็นภรรยาที่เขาสมรสถูกต้องตามประเพณี เหตุใดเขาจึงไม่เข้าห้องของเจ้า เหตุใดไม่ยอมให้เจ้ามีบุตร การปรองดองของตระกูลหลิงกับตระกูลเยียนยังนับอยู่หรือไม่”

“ท่านแม่ ท่านอย่าไป! กูเหยียหยิ่งในศักดิ์ศรี หากท่านไปซักถามเขา ทำให้เขาเสียหน้า กลับไปเขาย่อมต้องโทษข้า”

เยียนอวิ๋นเพ่ยขอร้อง

ซุนฮูหยินโกรธที่บุตรสาวไม่เอาไหน “เจ้าเหลวไหล! ข้ากับท่านพ่อของเจ้าเดินทางมาถึงเมืองหลวงอย่างยากลำบากเพื่อสิ่งใด เพื่อหนุนหลังให้เจ้าไม่ใช่หรือ เจ้าไม่เพียงไม่คว้าโอกาส อีกทั้งยังรั้งข้ากับท่านพ่อของเจ้า สมองของเจ้าฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ เวลานี้ หากข้ากับท่านพ่อของเจ้าไม่ออกหน้าเรียกร้องให้เจ้า ชาตินี้เจ้าอย่าหวังจะมีบุตรได้พลิกตัวขึ้นมา เจ้ารู้หรือไม่”

เยียนอวิ๋นเพ่ยทำท่าทางน่าสงสาร

ซุนฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ นางระบายความโกรธไม่ได้

“เจ้าดูเยียนอวิ๋นเกอ นางแข็งกร้าวเพียงใด แม้แต่จวนองค์หญิงยังกล้าพัง เจ้าเล่า แม้แต่ชายเพียงผู้เดียวยังมัดใจไว้ไม่ได้ เจ้าเรียนรู้จากเยียนอวิ๋นเกอเสียบ้างได้หรือไม่”

เมื่อเยียนอวิ๋นเพ่ยได้ยินคำว่าเยียนอวิ๋นเกอ ทันใดนั้นไฟโกรธก็ปะทุ “เยียนอวิ๋นเกอมีมารดาที่เป็นท่านหญิง ข้าเล่า ข้ามีอันใด”

“เจ้าเหลวไหล! หรือว่าเจ้าลืมแล้ว เจ้าถูกส่งต่อให้เซียวฮูหยินเลี้ยงดู ซึ่งหมายความว่า มารดาของเยียนอวิ๋นเกอก็เป็นมารดาของเจ้า เจ้าได้รับความลำบากในตระกูลหลิง ไม่ได้รับการเคารพที่สมควรได้ เจ้าควรไปหามารดาที่ได้มาอย่างง่ายดายของเจ้า ขอให้นางช่วยเหลือ”

เยียนอวิ๋นเพ่ยทำหน้าแข็ง “ข้าไม่ต้องการให้นางช่วยเหลือ! ขอให้นางช่วยเหลือ เกรงว่าหนังข้าต้องถลอกก่อนชั้นหนึ่ง”

“หากหนังถลอกหนึ่งชั้นสามารถแลกกับบุตรหนึ่งคน เจ้ายอมหรือไม่” ซุนฮูหยินถามนางด้วยสีหน้าดำทะมึน

นางอึ้ง

เดิมทีอยากตอบอย่างไม่ลังเล ‘ไม่ยอม’ แต่เมื่อคำพูดถึงปากก็กลืนกลับเข้าไปใหม่

ซุนฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจสองที “เวลานี้รู้จักผลเสียผลประโยชน์ ก่อนหน้านี้ เหตุใดเจ้าจึงนึกไม่ถึง ถึงแม้ป้าใหญ่ของเจ้าไม่ยอมช่วยเหลือ แต่เจ้าก็หาเยียนอวิ๋นฉวนได้ คนอย่างเยียนอวิ๋นฉวนหยิ่งในศักดิ์ศรี หากเจ้าขอร้องให้เขาช่วยเหลือ อย่างไรเขาก็ต้องช่วยเหลือ

มีวิธีการมากมายควบคุมกูเหยีย เหตุใดเจ้าจึงไม่ทำ สิ้นเปลืองเวลาเสียเปล่าตั้งนานสองนาน หากเจ้าเคลื่อนไหวเร็วกว่านี้ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจตั้งครรภ์หลายเดือนแล้วก็ย่อมได้”

เยียนอวิ๋นเพ่ยทั้งอับอาย ทั้งละอาย ทั้งเสียใจเมื่อถูกท่านแม่ตำหนิ

เหตุใดก่อนหน้านี้นางจึงคิดไม่ถึง

นางคิดไม่ถึงจริง หรือไม่ยอมทำ

ไม่ยอมขอร้องผู้อื่น ไม่ยอมเปิดเผยสภาพที่น่าอนาถของตนเองต่อหน้าคนในครอบครัว

ดังนั้นนางจึงแบกรับไว้คนเดียวเสมอมา

เหมือนดั่งที่ว่าหยิ่งในศักดิ์ศรีย่อมต้องทนทุกข์ทรมาน

นางก้มหน้า ยิ้มเยาะตนเอง ภายในใจเย็นยะเยือก

นางอึดอัดอย่างมาก!

นางหยิ่งในศักดิ์ศรี เพียงเพื่อศักดิ์ศรีของนาง ดังนั้นนางไม่ยอมพูดความจริงแม้แต่กับบิดามารดาตั้งแต่แรก

แต่คำตำหนิของมารดา ทำให้นางเงยหน้าไม่ขึ้น

เวลานี้นางไร้ซึ่งศักดิ์ศรีทั้งภายในภายนอก

ถึงแม้จะมีบิดามารดาหนุนหลังให้นาง ความดีใจนี้ก็ไม่อาจเทียบได้กับความละอายภายในใจ

คนที่รักเกียรติของตนเองมากกว่าสิ่งอื่นใด จะยอมรับความย่ำแย่และอ่อนแอของตนเองได้อย่างเปิดเผยได้อย่างไร

นางสลดใจอย่างมาก ไม่อยากพูดสิ่งใด

นางเงียบ!

ฟังคำติหนิของท่านแม่ แต่ความคิดลอยไปไกล

สองสามีภรรยาบ้างรองเลือกวันที่ดี นำของขวัญมาเยือนตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการ

หลิงฉางจื้อนำหลิงฉางเฟิงออกมาต้อนรับ

เริ่มแรก ทั้งเจ้าภาพและแขกต่างสนุกสนาน

เมื่อนายท่านรองตระกูลเยียนพูดถึงเรื่องหลิงฉางเฟิงและเยียนอวิ๋นเพ่ย บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

หลิงฉางจื้อตรงไปตรงมา สัญญาว่าจะสั่งสอนน้องชาย ให้เขาไม่เหลวไหลอีก

แต่หลิงฉางเฟิงกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีการแสดงออกใดๆ ทั้งสิ้น

คนที่รู้จักเขาต่างรู้ดี เขากำลังไม่พอใจ ไม่พอใจอย่างมาก

เขากับเยียนอวิ๋นเพ่ยถูกคนบังคับจับคู่

เขาให้ฐานะภรรยาเอกแก่เยียนอวิ๋นเพ่ยแล้ว ยังต้องการสิ่งใดอีก

บังคับให้เขารักใคร่เยียนอวิ๋นเพ่ย ต้องขอโทษด้วย เขาทำไม่ได้

ภรรยาของเขา ไม่ควรเป็นสตรีอย่างเยียนอวิ๋นเพ่ย

เยียนอวิ๋นเพ่ยไม่คู่ควรกับเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

มันคือเรื่องจริง

หากให้เขาพูด บ้านรองตระกูลเยียนควรยอมรับความจริงข้อนี้ ไม่ควรบังคับคนอื่น

แต่พี่ชายของเขาไม่เห็นด้วย อีกทั้งยังบังคับให้เขาก้มหน้ายอมรับผิด

เขาโกรธ ภายในใจของเขากำลังปะทุ

ตระกูลหลิงเป็นตระกูลใหญ่บนแผ่นดินนี้ เขาเป็นบุตรชายภรรยาเอกของตระกูลหลิง เหตุใดต้องก้มหัวให้กับบ้านรองของตระกูลเล็กที่ไร้อำนาจ

พวกเขาเป็นพ่อตาแม่ยายของตนเองไม่ผิด

แต่เรื่องที่ซ่อนอยู่ภายในทุกคนต่างรู้ดี พวกเขาไม่ละอายหรือที่แสดงท่าทีของพ่อตาแม่ยายออกมา

อย่าลืม เยียนอวิ๋นเพ่ยถูกส่งต่อให้ท่านหญิงจู้หยางแล้ว

เขาไม่ยอมก้มหัวไม่ว่าอย่างไร

หลิงฉางจื้อถลึงตา เขากลัว แต่เขายังคงเงยหน้า

มันเป็นเรื่องของหลักการ

เรื่องอื่นยอมได้ เรื่องของหลักการไม่อาจยอมได้

หลิงฉางจื้อโกรธจนหน้าดำ

เจ้าน้องเหลวไหล ดื้อรั้นอีกแล้ว

หลิงฉางจื้อทำได้เพียงเบี่ยงเบนประเด็นไปทางอื่น พูดเรื่องท้องถิ่น พูดเรื่องขุนนางในราชสำนัก พูดเรื่องที่บรรดาชายหนุ่มต่างสนใจ

ไม่นานนัก นายท่านรองตระกูลเยียนก็ถูกพาไขว้เขวไป ดึงไม่กลับแม้แต่น้อย

งานเลี้ยงในคราวนี้ หลิงฉางจื้อใช้ความสามารถเพียงห้าส่วนก็กล่อมจนบ้านรองตระกูลเยียนพึงพอใจ

ระหว่างทางกลับไป ซุนฮูหยินยังคงระลึกถึง “สมกับเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลใหญ่ กิริยาวาจา คนธรรมดาล้วนไม่อาจเทียบได้ เสียดาย นายน้อยใหญ่ตระกูลหลิงสมรสแล้ว”

ซุนฮูหยินพูดถึงเรื่องที่บรรดาฮูหยินในเมืองหลวงต่างรู้สึก

เสียดายที่นายน้อยใหญ่ตระกูลหลิงสมรสเร็วเกินไป ภรรยาของเขามีชาติกำเนิดจากตระกูลใหญ่เหมือนกัน

หากรู้ว่าตระกูลหลิงมีผู้มีความสามารถเพียงนี้ ตอนนั้นนางคงจะให้บุตรสาวสมรสกับอีกฝ่าย แม้จะต้องเสียเกียรติก็ตาม

เสียดายน่ะเสียดาย!

เสียดายหลิงฉางจื้อมาเมืองหลวงสายเกินไป

เหตุใดจึงไม่มาเมืองหลวงก่อนแต่งงาน

มันเป็นคำถามและความเสียดายของบรรดาฮูหยินในเมืองหลวง

นายท่านรองตระกูลเยียนประทับใจต่อหลิงฉางจื้อเช่นเดียวกัน “มารยาทและท่าทีของตระกูลหลิง เจ้าก็เห็นหมดแล้ว อวิ๋นเพ่ยไม่มีทางลำบากในตระกูลหลิงหรอก”

“เหลวไหล!”

เมื่อพูดถึงบุตรสาว ซุนฮูหยินก็ตื่นขึ้นจากภาพลวงที่หลิงฉางจื้อสร้างขึ้นมา

“หลิงฉางจื้อคือหลิงฉางจื้อ หลิงฉางเฟิงคือหลิงฉางเฟิง ออกมาจากท้องเดียวกัน แต่นิสัยของสองพี่น้องแตกต่างอย่างมาก ต้องโทษตระกูลหลิง ไม่ยอมสั่งสอนหลิงฉางเฟิงให้ดี หากเขามีความดีครึ่งหนึ่งของพี่ชายเขา ข้าก็ไม่ต้องกลุ้มแล้ว”

นายท่านรองตระกูลเยียนหัวเราะ “หากกูเหยียได้ครึ่งหนึ่งของหลิงฉางจื้อ ก็คงไม่ถึงคราวที่อวิ๋นเพ่ยได้สมรสกับเขา”

ซุนฮูหยิน “…”

ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ!

คำพูดนี้ทำให้นางพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

โต้แย้งหรือ

จะโต้แย้งอย่างไร

หากหลิงฉางเฟิงมีดีเท่าครึ่งหนึ่งของหลิงฉางจื้อ เขาย่อมไม่มีทางเกิดความสัมพันธ์อันไม่สมควรกับพี่น้องของว่าที่ภรรยา

จากนั้นย่อมไม่มีทางมีเรื่องของเยียนอวิ๋นเพ่ย

ตระกูลหลิงย่อมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านรอง

นายท่านรองตระกูลเยียนหันหน้ามาปลอบภรรยา “เจ้าอย่าคิดมากไปเลย! เราไม่อาจได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมด อวิ๋นเพ่ยแต่งเข้าตระกูลหลิงได้ถือว่าอาจเอื้อมแล้ว ไม่อาจเรียกร้องกูเหยียมากไป”

“แต่อย่างน้อยกูเหยียต้องมีบุตรกับอวิ๋นเพ่ยหรือไม่!”

“เจ้าไม่ได้ยินที่นายน้อยใหญ่ตระกูลหลิงพูดหรือ เขาจะสั่งสอนกูเหยีย ไม่ยอมให้กูเหยียเหลวไหล มันเท่ากับคำมั่นสัญญา อวิ๋นเพ่ยต้องให้กำเนิดบุตรของกูเหยียไม่ช้าก็เร็ว”

“หวังว่าอย่างนั้น!”

หลังส่งบ้านรองตระกูลเยียนจากไป หลิงฉางจื้อหันหน้ามาสั่งสอนหลิงฉางเฟิง

หลิงฉางเฟิงทำหน้าไม่พอใจ “พี่ใหญ่อย่าลืม ก่อนที่ภรรยาข้าจะออกเรือน นางถูกรับเลี้ยงโดยท่านหญิงจู้หยางแล้ว พ่อตาแม่ยายที่แท้จริงของข้าคือท่านโหวกว่างหนิงกับท่านหญิงจู้หยาง”

หลิงฉางจื้อหัวเราะ “ท่านหญิงจู้หยางยอมรับเจ้าเป็นบุตรเขยหรือ”

หลิงฉางเฟิงโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ “ใช่ ข้ามันเลว ตอนนั้นข้าหลอกลวง ถึงได้มีความสัมพันธ์กับเยียนอวิ๋นเพ่ย ถึงได้สมรสกับนาง”

“เสียใจก็สายไปแล้ว! ไม่ต้องสนว่าพ่อตาแม่ยายของเจ้าเป็นท่านโหวกว่างหนิง หรือว่าบ้านรองตระกูลเยียน อย่างไรอีกฝ่ายมาเป็นแขกในจวน เจ้าย่อมต้องมีมารยาท อีกทั้ง น้องสะใภ้เป็นภรรยาที่เจ้าแต่งกลับมาอย่างถูกต้อง เจ้าสมควรมีบุตรกับนาง หากบุตรของเจ้าเกิดจากภรรยารอง เจ้าควรรู้ว่าผู้ใหญ่ในตระกูลจะไม่พอใจ อีกทั้งยังจะเป็นภัยต่อบุตรของเจ้า”

ในตระกูลหลิง ระหว่างภรรยาเอกและภรรยารองมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน

หากกำเนิดจากภรรยาเอก เด็กคนนั้นจะได้รับการถ่ายทอดทุกอย่าง เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

หากกำเนิดจากภรรยารอง เด็กคนนั้นจะได้รับทรัพยากรแค่บางส่วน เมื่อเติบโตยากที่จะมีโอกาสรับราชการ ส่วนใหญ่ล้วนถูกส่งออกไปดูแลกิจการในตระกูล

ถึงแม้จะรับราชการ ส่วนมากก็เป็นแค่ขุนนางเล็กในท้องถิ่น อย่างไรก็ตามยังคงเป็นการทำเพื่อตระกูล ทุกเรื่องต้องเชื่อฟังตระกูล

ทุกสิ่งล้วนต่ำต้อย มีเพียงการศึกษาที่สูงส่ง!

ศึกษาเพื่อรับราชการ

มีเพียงรับราชการ เป็นขุนนางใหญ่จึงจะแสดงถึงบารมีของตระกูล จึงจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูล

เมื่อแก่ตัวไป เกษียณกลับตระกูล ย่อมสามารถสืบทอดทุกอย่างของตระกูล กลายเป็นนายท่านคนใหม่ อบรมบ่มเพาะรุ่นต่อไป

รุ่นแล้วรุ่นเล่า บุตรชายและสะใภ้ของตระกูลหลิงล้วนเป็นมาเช่นนี้

กำเนิดจากภรรยาเอก กำเนิดจากภรรยารองมีความห่างที่ยากจะก้าวข้าม

ในตระกูลหลิงไม่มีการเลื่อนขั้นภรรยารองเป็นภรรยาเอก

หากเด็กที่กำเนิดจากภรรยารองมีความฉลาดเฉลียว จะถูกรับเลี้ยงในนามของภรรยาเอก อบรมสั่งสอนเหมือนถือว่าเป็นบุตรที่กำเนิดจากภรรยาเอก

แยกบุตรกับมารดาออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

บางทีเพื่อตัดปัญหา พวกเขาจะแอบกำจัดมารดาผู้ให้กำเนิดทิ้ง

นี่คือตระกูลหลิง

ภรรยาเอกคือภรรยาเอก ภรรยารองคือภรรยารอง ไม่อาจทำให้เสียระเบียบ

หลิงฉางเฟิงแต่งกับเยียนอวิ๋นเพ่ย แต่ไม่ยอมให้เยียนอวิ๋นเพ่ยมีบุตร มันเป็นความผิด!