ตอนที่ 122 การแข่งขันที่ดุเดือด

เป็นห่วงพริตตี้คนสวยจะเป็นหวัดนี่นะ?!!

เมื่อได้ยินคําตอบของหลินหนาน ทุกคนในที่นั้นต่างก็พากันหัวเราะออกมาจนท้องคัดท้องแข็ง พร้อมกับลงความเห็นว่าหลินหนานนับเป็นสีสันของการแข่งรถครั้งนี้ไม่น้อย

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่หมอนี่กลับมีเวลามานั่งเป็นห่วงว่าใครจะเป็นหวัด สีหน้าท่าทางของเขาก็ดูเหมือนจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย

มันไม่ต่างจากการมานั่งถามผู้คนว่า ที่บ้านมีใครแต่งงานไปแล้วบ้าง? หรือคืนนี้พวกเขากินอะไร? กินเผ็ดได้มั้ย?

ส่วนผู้คนที่กําลังชมการแข่งขันผ่านการถ่ายทอดสดนั้น ต่างก็ได้เห็นเหตุการณ์นี้ผ่านทางหน้าจอเช่นเดียวกัน และเวลานี้ บนหน้าจอ LED ขนาดใหญ่ ก็มีคอมเมนท์พร้อมอิโมจิหัวเราะขึ้นมาเต็มหน้าจอไปหมด

เย่เข่อเอ๋อถึงกับหน้าร้อนผ่าว เธอกระทืบเท้าพร้อมกับตวาดใส่หลินหนาน “หลินหนาน!! ฉันสั่งให้นายออกรถเดี๋ยวนี้! เดี๋ยวนี้ ได้ยินมั้ย?”

“ได้ๆๆ ผมไปเดี๋ยวนี้แล้วครับคุณน้องเมีย!!”

หลินหนานพยักหน้าพร้อมกับเหยียบครัช และเข้าเกียร์ทันที จากนั้นจึงกระทืบเท้าเข้ากับคันเร่งอย่างแรง

ทุกขั้นตอนดําเนินไปอย่างรวดเร็วจนเกือบจะพร้อมกันแต่แล้ว

รถเฟอรารี่สีแดงพุ่งออกไปได้เพียงไม่กี่เมตร ความเร็วก็เริ่มชะลอช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง!

เย่เข่อเอ๋อเห็นเช่นนั้น เธอถึงกับต้องยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตนเองอย่างแรง และร่างของเธอก็แทบทรุดลงไปกองกับพื้น ในขณะที่ปากก็ร้องตะโกนออกไปว่า

“ไอ้สั่งเอ๊ย!! เชนเกียร์สิ!”

ฉันไม่น่าชวนนายมาด้วยเลยจริงๆ!!

ขายหน้าชะมัด!

เวลานี้ ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็พากันหัวเราะ และรุมเย้ยหยันหลินหนานกันไม่หยุด

“อะไรกันวะ?! ยังไม่รู้ว่าต้องเชนเกียร์ แต่สะเออะจะขับรถแข่งนี่นะ?!”

“โคตรเหนือความคาดหมายของฉันจริงๆ!”

“นี่ไอ้ปัญญานิ่ม! กลับบ้านไปกินนมนอนดีกว่ามั้ง?”

ชายหนุ่มที่ถูกหลินหนานตบหน้าจนฟันร่วง และเวลานี้ใบหน้าที่ดูเหมือนฮิปโปโปเตมัสนั้น ก็กําลังหัวเราะอย่างสะใจ พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า

“ไอ้กระจอก!!”

และดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะถึงแม้เรื่องชกต่อยเขาจะเป็นรองหลินหนานมาก แต่อย่างน้อยเขาก็เหนือกว่าในเรื่องการแข่งรถแน่!

ไม่สิ ใช้คําว่าเหนือกว่าไม่ถูก! ต้องเรียกว่าต่างกันราวฟ้ากับเหวต่างหาก!

หลังจากที่รถเฟอรารี่สีแดงแล่นออกจากจุดสตาร์ทไปได้อย่างทุลักทุเลแล้ว แต่ก็ยังขับคดไปคดมาเป็นรูตัว S ราวกับคนเมา..

เมื่อได้เห็นสภาพที่เกิดขึ้น เย่เข่อเอ๋อถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง และเวลานี้ เธอเองก็ไม่ขออะไรมาก ขอเพียงแค่ให้หลินหนานสามารถไปถึงเส้นชัย และกลับมาได้โดยสวัสดิภาพก็พอ

ไม่รู้ว่าเย่เข่อเอ๋อเหม่อลอยไปนานเพียงใด เมื่อรู้สึกตัวอีกที สายตาของเธอก็จับจ้องอยู่ที่จอ LED ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนถนนแล้ว และจากภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น ก็ทําให้เธอสามารถมองเห็นภาพของคนขับทั้งสองคนที่อยู่ภายในรถได้อย่างชัดเจน

แรกๆ ดูเหมือนเสี่ยวจือหลงจะมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย เมื่อไม่พบรถของหลินหนานไล่ตามมา อีกทั้งเมื่อมองกระจกหลัง ก็ไม่พบแม้แต่เงาของรถอีกคัน

แต่เพียงไม่นาน เขาก็เลิกสนใจหลินหนาน และกลับมาจดจ่ออยู่กับการขับรถของตนเองแทน!

เพราะสําหรับเสี่ยวจือหลงแล้ว เขาจริงจังกับการแข่งขันทุกนัดเสมอมา และจะตั้งใจทําให้ดีที่สุดในทุกๆครั้ง!

หลังจากออกตัวไปได้ครู่หนึ่ง ในที่สุดสีหน้าตลกขบขันขี้เล่นของหลินหนาน ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที

“เฮ้อ.. ไม่ได้ขับรถมานานตั้งสามปี แรกๆก็ไม่ค่อยคุ้นแบบนี้ล่ะ!”

เมื่อครั้งที่หลินหนานไปปฏิบัติภารกิจบนภูเขาที่แห้งแล้ง ในทวีปแอฟริกาเมื่อหลายปีก่อน ทักษะในการขับรถของเขานั้น นับได้ว่ายอดเยี่ยมที่เดียว เพราะการขับรถข้ามเขานั้น หากพลาดพลั้งแม้เพียงแค่เล็กน้อย รถก็มีโอกาสที่จะตกเขาได้ง่ายๆ

ฉะนั้น.. แทบไม่ต้องสงสัยกับทักษะในการขับรถของเขาเลย!

หลังจากที่ขับไปได้ในระยะหนึ่งแล้ว หลินหนานก็ค่อยๆ เข้าใจสมรรถภาพ และสมรรถนะของเครื่องยนต์รถเฟอรารีได้ดีพอ

“ได้เวลาเร่งความเร็วแล้วสินะ!”

หลินหนานเชนเกียร์ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ก่อนจะเหยียบคันเร่งใต้ฝ่าเท้าจนจมมิด แล้วรถเฟอรารี่สีแดงก็พุ่งทะยานออกไป ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเวลานี้ความเร็วของรถเฟอรารี่ก็อยู่ที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รถทั้งสองคันยังนับว่าอยู่ในระยะที่ห่างไกลกันมาก อย่างน้อยๆก็มากกว่าสองกิโลเมตรขึ้นไป!

และด้วยระยะทางที่ห่างกันขนาดนี้ แทบไม่ยากที่จะตัดสินได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายแพ้ และใครจะเป็นฝ่ายชนะ?

เพราะด้วยสมรรถนะของรถสปอร์ตที่ใกล้เคียงกันเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่หลินหนานจะสามารถขับแซงอีกฝ่ายได้ทัน แต่เวลานี้มุมปากของเขากลับปรากฏรอยยิ้มขึ้น ราวกับไม่ได้รู้สึกลําบากใจอะไร..

“ได้เวลาสร้างความตื่นเต้นเล็กๆน้อยๆแล้ว!”

หลินหนานจับพวงมาลัยรถไว้แน่น ก่อนจะเริ่มโคจรพลังปราณในร่างกาย พลังปราณพุ่งออกจากจุดตันเถียนของเขา และเคลื่อนเข้าสู่ฝ่ามือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว

จากนั้นจึงค่อยพุ่งออกจากฝ่ามือที่กําพวงมาลัยไว้แน่น ก่อนจะเลื่อยประหนึ่งอสรพิษผ่านพวงมาลัยเข้าสู่เครื่องยนต์ของรถเฟอรารี่ต่อไป

พลังปราณจากร่างของหลินหนาน ได้ให้กําเนิดเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะเลิศที่สุด ทําให้รถเฟอรารี่สีแดงคํารามกระหมดังอย่างคลุ้มคลั่ง ราวกับคนที่ได้ยากินบ้าเข้าไป

เชื้อเพลิงภายในเครื่องยนต์ ผสมผสานกับพลังวิญญาณแห่งจักรวาล ได้ทําปฏิกิริยาและเผาผลาญจนเกิดพลังงานประหนึ่งมังกรไฟ ในขณะที่ท่อไอเสียคู่สีเงิน ก็พ่นเปลวไฟสีแดงสุกสว่างออกมาไม่หยุด

ด้วยพลังแห่งการเผาไหม้ซึ่งเป็นแหล่งกําเนิดของพลังงานนี้ ทําให้รถเฟอรารี่พุ่งทะยานออกไปราวกับม้าปา

ฮัมม!!!

เสียงร้องคํารามกระจิ๋มของรถเฟอรารี่สีแดงดังขึ้นไม่หยุด ในขณะที่เข็มบอกระดับความเร็วบนหน้าปัด ก็กําลังไต่ระดับพุ่งขึ้นไม่หยุดเช่นกัน!

“หนึ่งร้อยเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง!”

“สองร้อยสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง!”

“สองร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง!”

“พระเจ้า!! หมอนั่นมันกินยาผิดหรือยังไง?!! ขึ้นมันขับไปแบบนั้น ไม่นานเครื่องระเบิดแน่!”

หนึ่งในกลุ่มคนที่ยืนดูจากหน้าจอ LED ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจสุดขีด!

เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจ และเสียงฮือฮาของกลุ่มคน เย่เข่อเอ๋อที่กําลังยืนเหม่อลอยอยู่นั้น จึงได้รับเงยหน้าขึ้นมองจอขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างทางอีกครั้ง

“พี่เขย! นี่นายเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง?!” ดวงตาคู่งามของเย่เข่อเอ๋อเบิกโพลงด้วยความตกใจระคนประหลาดใจ

นั่นเพราะจากภาพที่ปรากฏบนหน้าจอ LED เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าที่สงบนิ่ง และการขยับไม้ขยับมือ ไม่ว่าจะเป็นการจับพวงมาลัย หรือการเชนเกียร์ ทุกอย่างล้วนดูคล่องแคล่วราวกับนักแข่งมืออาชีพ

นี่มันผู้ชายคนเดียวกันกับที่ขับรถเงอะๆงะๆ ออกจากจุดสตาร์ทจริงๆนะเหรอ?

“290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง?!! บ้าไปแล้ว!!” ใครบางคนร้องตะโกนออกมาเสียงสัน

การขับด้วยความเร็วที่สูงขนาดนี้ หากบนถนนมีเพียงหลุมเล็กๆ หรือแม้แต่หินก้อนเล็กๆสัก ก้อนรถจะต้องเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ําอย่างแรงแน่ และยากที่คนขับจะมีโอกาสรอดชีวิตได้!

นี่มันไม่ใช่การแข่งรถแล้ว!

นี่มันคือการล้อเล่นกับชีวิตตนเอง!

ทุกคนในบริเวณนั้นต่างพากันนิ่งเงียบไปหมด ความตึงเครียดเริ่มแผ่นซ่านออกไป และเวลานี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครที่ไม่รู้สึกบีบคั้นจนแทบหายใจไม่ออก..

ในขณะที่เสี่ยวจือหลงซึ่งขับนําหน้าไปก่อนนั้น เวลานี้เขาเองก็จดจ่ออยู่กับการขับรถของตนเอง แม้จะจริงจังแต่ก็เป็นไปด้วยความรู้สึกสบาย ไม่มีอะไรตึงเครียด

แต่แล้วจู่ๆ เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไป หางตาของเขาที่เหลือบมองกระจก ข้างนั้นก็พบว่ามีแสงสว่างเลือนลางอยู่ไกลๆจากด้านหลังรถของตน

แต่แสงไฟนั้นก็ค่อยๆสว่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่ารถเฟอรารี่สีแดงได้ขับใกล้เข้ามาเรื่อยๆเช่นกัน ประหนึ่งอสูรร้ายที่กําลังไล่ล่าเขาอยู่ด้านหลัง

“เป็นไปได้ยังไงกัน?” เสี่ยวจือหลงขมวดคิ้ว พร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและตกใจ

นั่นเพราะอัตราความเร็วในระดับที่หลินหนานขับอยู่นั้น เกินกว่าที่เขาจะสามารถทําความเข้าใจได้จริงๆ!

นี่เป็นอัตราความเร็วที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง!

แม้ว่ามนุษย์เราจะสามารถออกแบบรถสปอร์ต ที่มีอัตราการเร่งได้สูงมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตาม แต่มันก็เป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น!

เพราะในการขับขี่จริงนั้น รถต้องปะทะกับแรงลม สภาพอากาศ สภาพท้องถนน ทําให้มีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่อาจขับได้ด้วยความเร็วตามที่บอกไว้ในทฤษฎีนั้นๆ

และที่สําคัญ.. การขับด้วยอัตราความเร็วขนาดนั้น หากเกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ย่อมหมายถึงชีวิต!

เรียกได้ว่า หากไม่ใช่ถนนแข่งที่เรียบจริงๆ และหากบังเอิญมีก้อนหินเล็กๆแม้เพียงสักก้อน หรือมือที่บังคับพวงมาลัยสั่นไหวแม้เพียงเล็กน้อย ย่อมทําให้เกิดอุบัติเหตุ และมีจุดจบถึงชีวิตได้แล้ว!

ฉะนั้น อัตราความเร็วที่หลินหนานกําลังขับอยู่นั้น จึงไม่เพียงเหนือความคาดหมายของเสี่ยวจือหลง แต่ยังเหนือความเข้าใจของเขาไปมากอีกด้วย!

เสี่ยวจือหลงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความวิตกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

“จือหลง ปลุกวิญญาณนักสู้ในตัวขึ้นมาได้แล้ว!”

ริมฝีปากของเสี่ยวจือหลงขยับไปมา เขาพึมพํากับตัวเอง จากนั้น นิ้วมือที่เรียวงามราวกับนิ้วมือของนักเปียโนนั้น ก็เคลื่อนไปขยับเกียร์อย่างรวดเร็ว!

ทุกการเคลื่อนไหวของเสี่ยวจือหลงนั้น ช่างงดงามน่ามอง แม้เป็นเพียงแค่การเชนเกียร์รถ!

และเวลานี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด และจริงจังมากยิ่งขึ้น เสี่ยวจือหลงเข้าสู่โหมดของการสู้สุดใจ!

ในโหมดที่จะต้องสู้สุดใจนี้ เสี่ยวจือหลงจะรีดเค้นเอาศักยภาพทั้งหมดที่ตนเองมีออกมา เพื่อที่จะทําให้ตนเองอยู่ในสถานะ ที่จะต้องทําทุกอย่างเกินความสามารถที่ตนเคยทํามา!

ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ

เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า

เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและพื้นพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า

หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล

หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย

แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด

จากนั้น หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร