ตอนที่ 124 รถเหาะ

การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว

หลินหนานและเสี่ยวจือหลงในฐานะนักแสดงนําบนหน้าจอ ต่างก็ทุ่มเท มุ่งมั่น และจดจ่ออยู่กับการขับรถเพียงอย่างเดียว จนกระทั่งหลงลืมสิ่งต่างๆรอบตัว แม้กระทั่งตัวเอง

ทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้ว่า เวลานี้นอกสนามแข่งบริเวณหน้าจอ LED ขนาดใหญ่นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง? และยิ่งไม่รู้ว่าการแข่งรถที่ดุเดือดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้ กําลังสร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตมาก่อนเช่นกัน

เป็นเพราะการแข่งรถที่ดุเดือด น่าฟัง และลุ้นระทึกนี้ ทําให้ผู้ชมการถ่ายทอดสดต่างก็สนุกตื่นเต้นกันสุดขีด และต่างก็พากันส่งลิงก์การถ่ายทอดสดนี้ ให้เพื่อนๆของตนเองเป็นทอดๆต่อกันไป

ทําให้เวลานี้มีผู้คนที่เข้ามาชมการแข่งรถ ผ่านการถ่ายทอดสดทางช่องของกลุ่มอย่างมากมาย มหาศาล จนจํานวน USER เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และตอนนี้ก็ยอด USER ที่เข้ามาดูนั้นก็ทะลุสี่ล้านแล้ว

เนื่องจากจํานวนคนที่เข้ามาดูการถ่ายทอดสดนั้นมีจํานวนที่มากเกินไป ทําให้แพลทฟอร์มของทางช่องที่ถ่ายทอดนั้นเริ่มติดขัด และหลายคนก็ไม่สามารถเข้ามาชมได้ บางครั้งภาพการถ่ายทอดสดก็กระตุกและติดขัด ทําให้หลายๆคนโมโหและพากันก่นด่า

ผู้ที่ทําหน้าที่ถ่ายทดสดเวลานี้ ได้วิ่งแก้ไขปัญหาจนแทบเป็นลม จนกระทั่งหมดหนทาง จึงต้องโทรไปปลุกโปรแกรมเมอร์กลางดึก ขอให้เขาลุกขึ้นมาทํางานล่วงเวลา และให้เขาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาเรื่องเซิร์ฟเวอร์ล่มอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มั่นใจว่าจะทันช่วงเวลาที่สําคัญที่สุด!

หลังจากนั้น เขาก็ได้โทรไปบอกทางแพลตฟอร์มที่ถ่ายทอดให้จัดการนําลิงค์การถ่ายทอดสดครั้งนี้ขึ้นพาดหัวเวปไซด์ และเพื่อให้เตะตาผู้คนมากยิ่งขึ้น เขาถึงกับให้ระบุพาดหัวย้ําว่า..

การแข่งรถระหว่างคนธรรมดากับราชานักแข่ง!

หากหลินหนานซึ่งเป็นคนธรรมดาไม่ใช่นักแข่งรถ แต่กลับสามารถเอาชนะเสี่ยวจือหลงซึ่งเป็น ถึงราชานักแข่งรถที่มีชื่อเสียงมานานได้ แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องดังระเบิดไปไกลอย่างแน่นอน!

นี่ยิ่งกว่าการสร้างตํานานให้เกิดขึ้นเสียอีก!

และเวลานี้ ทุกคนต่างก็กําลังรอเป็นสักขีพยาน ในนาทีแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้

เวลานี้ บนเขาฝูหลงเริ่มมีลมพัดกระหน่ําแรงมากขึ้น ลมในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลินั้น ค่อนข้างเย็นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับหนาว

สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอ LED ขนาดใหญ่ และจดจ่ออยู่กับภาพของรถทั้งสองคันจนแทบลืมหายใจ และหัวใจก็แทบหยุดเต้น

ทุกคนต่างก็กําลังตื่นเต้น และลุ้นระทึกกันอย่างมาก

“เหลืออีกแค่สองโค้ง!”

“นี่ฉันร้องตะโกนเชียร์จนคอจะแตกอยู่แล้ว!”

บรรยากาศของการแข่งรถ เปลี่ยนเป็นตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม เมื่อเข้าใกล้สองโค้งสุดท้าย และหลังจากสิ้นสุดทางโค้งสุดท้าย อีกไม่ไกลนักก็จะถึงยอดเขาฝูหลงซึ่งเป็นเส้นชัยแล้ว

และเวลานี้ ทุกคนต่างก็พากันจับจ้อง และรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ที่จะได้เห็นต้นซากุระซึ่งปลูกอยู่บนยอดเขามานานหลายปี

เวลานี้ รถของหลินหนานทิ้งห่างรถของเสี่ยวจือหลงเพียงแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นระยะทางที่กระชั้นชิดอย่างมาก!

เมื่อถึงทางเข้าโค้ง เสี่ยวจือหลงก็ได้ใช้ท่าดริฟท์มังกรสะบัดหาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตนเอง

การดริฟท์รถของเสี่ยวจือหลงเป็นไปอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ พื้นยางรถสีดําเสียดสีกับถนน จนเกิดเป็นควันสีขาว และมีกลิ่นยางไหม้โชยออกมา ในขณะที่ตัวถังรถก็เบียดเข้ากับหน้าผาจนเกือบแนบชิด ก่อนจะพุ่งทะยานพร้อมกับคํารามกึกก้องเข้าสู่โค้งสุดท้ายต่อไป

ในขณะที่หลินหนานกลับใช้วิธีพื้นๆ ในการที่จะเข้าสู่โค้งด้านหน้า และถึงแม้จะเป็นวิธีพื้นๆ แต่ก็ต้องใช้ความแม่นยําเป็นอย่างยิ่ง

และเวลานี้ ทั้งคู่ก็อยู่ห่างจากกันเพียงแค่ครึ่งคันรถเท่านั้น!

จากหน้าจอขนาดใหญ่นั้น ดูเหมือนว่ารถสปอร์ตทั้งสองคันกําลังพยายามที่จะเบียดแซงกัน คันหนึ่งต้องการแซง แต่อีกคันก็พยายามที่จะสะกัดกั้น ทั้งคู่ต่างก็ต้องใช้สมองเพื่ อคาดเดาชั้นเชิงของอีกฝ่ายอย่างหนัก

ในขณะที่ยิ่งสูง สายลมก็ยิ่งโหมพัดกระหน่ํารุนแรงมากขึ้น และถนนเส้นนี้ก็มีความกว้างเพียงแค่เพียงแค่ถนนสองเลนเท่านั้น

หากรถทั้งสองคันเกิดกระแทกชนกันเข้า คงต้องร่วงหล่นจากหน้าผาอย่างแน่นอน แต่หากขับไม่ระมัดระวัง ก็อาจสูญเสียการทรงตัว และร่วงตกหน้าผาได้อีกเช่นกัน

ฉะนั้น ภาพที่เกิดขึ้นในเวลานี้ จึงดูราวกับว่า ชายหนุ่มทั้งสองคนกําลังต่อสู้ เพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้เสียมากกว่า

ความกล้าและความระมัดระวัง เป็นพื้นฐานแรกของการขับรถแข่ง

เมื่อเห็นว่าหลินหนานยังคงตามหลังมาติดๆ และกระชั้นชิดเช่นนี้ สีหน้าของเสี่ยวจือหลงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสับสน กระวนกระวาย และซีดลง..

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหมดพลังอํานาจในสนามแข่งรถ!

เขาทุ่มเทขุมพลังและศักยภาพไปทั้งหมดแล้ว อีกทั้งยังงัดสารพัดเทคนิคของการขับรถแข่งออกมาใช้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดรถคันหลังที่กําลังไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิดได้!

“นี่นายจะบีบจนฉันต้องใช้ปุ่มนั้นให้ได้ใช่มั้ย?”

เสี่ยวจือหลงเหลือบมองปุ่มสีแดงสว่างข้างคอนโซลอย่างลืมตัว และเวลานี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสับสนวุ่นวาย

ในที่สุด ทั้งคู่ก็มาถึงโค้งสุดท้าย!

ทุกคนในสนามต่างก็พากันนิ่งเงียบ และลุ้นระทึกไปกับนักแข่งทั้งสองคนด้วย ความสามารถของหลินหนานทําให้ทุกคนทั้งประหลาดใจและตกใจ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังมั่นใจว่าเสี่ยวจือหลงจะสามารถสะกัดหลินหนานในโค้งสุดท้ายนี้ไว้ได้!

และในบรรดาทั้งสิบแปดโค้ง โค้งสุดท้ายนี้นับว่าอันตรายที่สุด!

นั่นเพราะโค้งนี้เป็นโค้งที่มีเศษไม้ และเศษขยะไหลมากองรวมกัน เนื่องจากเป็นถนนที่ไม่ได้ถูกใช้งานแล้ว จึงไม่มีคนขึ้นมาเก็บกวาดทําความสะอาด ทําให้เศษขยะและเศษไม้เหล่านี้ปิดเส้นทาง จนเหลือถนนที่สามารถขับผ่านได้เพียงแค่เลนเดียว

และหากผู้ใดสามารถเข้าโค้งสุดท้ายนี้ได้ก่อน แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นผู้ที่มีโอกาสสูงสุดที่จะได้เป็นผู้กุมชัยชนะ!

เสี่ยวจือหลงดูเหมือนจะจดจ่อกับการขับรถมากยิ่งกว่าเดิม และการขยับเคลื่อนไหวแต่ละครั้งก็เต็มไปด้วยความระมัดระวังมากกว่าเก่า นั่นเพราะโค้งนี้นับเป็นโค้งที่อันตรายอย่างยิ่ง หากไม่ระมัดระวังอย่างดีที่สุด โอกาสที่จะตกหน้าผาก็มีมากเช่นกัน

และหากตกลงไปจากหน้าผาที่สูงหลายร้อยเมตรนี้จริงๆแล้วล่ะก็ ต่อให้เทพเจ้าองค์ไหนก็ยากที่จะช่วยให้รอดชีวิตได้

ยิ้ม

เสียงรถแลมโบกินีที่ยังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้า และสามารถเข้าสู่โค้งสุดท้ายได้อย่างรวดเร็ว!

ด้วยการบังคับควบคุมรถที่ยอดเยี่ยมของเสี่ยวจือหลง ทําให้รถแลมโบกินีพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และตัวถังก็เกือบจะแนบชิดไปกับหน้าผา แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้ท่าดริฟท์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากสถานที่ไม่เหมาะสมที่จะทําการดริฟท์ใดๆทั้งสิ้น

ในขณะที่หลินหนานซึ่งขับตามมาติดๆนั้น เขารู้ได้ด้วยสัญชาติญาณว่า โค้งข้างหน้านั้นคงจะต้องอันตรายอย่างที่สุด จึงได้แต่ชะลอความเร็วลง

“ดูจากการครองพื้นที่ถนน พี่หลงได้เปรียบกว่ามาก พี่หลงของพวกเราชนะแน่ๆ!”

“ถึงแม้หมอนั่นจะเก่งพอตัว แต่ยังไงๆก็เทียบราชานักแข่งไม่ได้อยู่ดี”

“แต่จะว่าไป ฝีมือขับรถแข่งของหมอนั่นก็สูสีกับพี่หลงมากเลย!”

“พี่หลงของพวกเราสุดยอดมาก!!”

ผู้คนในชมรมแข่งรถต่างก็พากันโห่ร้องออกมาด้วยความดีอกดีใจ เมื่อรู้สึกว่าเสี่ยวจือหลงเป็นฝ่ายได้เปรียบ และมีโอกาสชนะอย่างชัดเจน!

คนธรรมดา.. ยังไงก็เป็นแค่คนธรรมดาอยู่ดี จะสามารถไปเทียบกับผู้ที่ได้ฉายาราชานักแข่งได้อย่างไรกัน?

ท้ายที่สุด. ปาฏิหารย์ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก!

ดวงตาของเย่เข่อเอื้อมีแววเศร้าสร้อย และเสียดายปรากฏขึ้นเล็กน้อย

เฮ้อ… อีกนิดเดียวเอง!

อีกแค่นิดเดียวจริงๆ!

อีกนิดเดียวหลินหนานก็จะสร้างตํานานให้กับวงการนักแข่งรถได้แล้ว!!

ในขณะที่รถของเสี่ยวจือหลงแล่นมาถึงช่วงสุดท้ายของโค้งที่สิบแปดนั้น เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง

และในเวลานั้น หลินหนานก็เพิ่งจะขับผ่านโค้งสุดท้ายมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น และท่าทางของเขาก็ระมัดระวังเป็นพิเศษอีกด้วย

“ฉันเข้าสู่อีกสิบเมตรสุดท้ายเมื่อไหร่ นายไม่มีทางไล่ตามฉันทันแน่!”

เสี่ยวจือหลงพิมพ์ออกมาด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายมากขึ้น ในขณะนั้นเองหางตาของเขาก็เหลือบมองไปทางกระจกข้าง แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด

สีหน้าของเสี่ยวจือหลงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เท้าของเขากระทืบกับเบรคอย่างรวดเร็วจนรถเกือบจะพุ่งตกหน้าผาไป

หมอนั่นคิดจะทําอะไรกัน?

เวลานี้ หลินหนานค่อยๆถอยรถออกมาอย่างช้าๆ และทุกคนที่เห็นพฤติกรรมของหลินหนานเวลานี้ ต่างก็พากันอ้าปากค้างด้วยความตกใจระคนประหลาดใจ

อย่าบอกนะว่าหมอนั่นจับรถลอยข้ามไป?

หลินหนานขยับองศารถให้เข้าที่ และให้ได้มุมที่เหมาะสมตามที่ตนเองต้องการ

ถนนด้านหน้าของเขาเวลานี้ ได้ถูกเศษไม้และเศษขยะที่ถูกสายน้ําพัดมากองรวมกันกีดขวางเส้นทางอยู่ และดูเหมือนจะมีระยะทางยาวกว่าสิบเมตรเลยทีเดียว

และนี่เป็นช่องทางเดียว และโอกาสเดียวที่หลินหนานจะแซงอีกฝ่ายขึ้นไปเป็นที่หนึ่งแทนได้!

เย่เขอเอ่อเองก็ดูเหมือนพอจะคาดเดาใจของหลินหนานได้ใบหน้าของเธอจึงเปลี่ยนเป็นซีดจนขาว..

“ไม่นะ!! ห้ามทําแบบนั้นเด็ดขาด!!”

ในความคิดของเย่เข่อเอ๋อเวลานี้ การตัดสินใจของหลินหนานครั้งนี้นับว่าไร้เหตุผล แล้วก็โง่เขลาสิ้นดี!

หึม!!

เสียงเครื่องยนต์ของรถเฟอรารี่ดังกระหึมขึ้น และในที่สุดฝ่าเท้าของหลินหนานก็เหยียบเข้ากับคันเร่งจนมิด รถเฟอรารี่พุ่งทะยานออกไปอย่างบ้าคลั่ง!

เวลานี้ รถเฟอรารี่สีแดงพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง ก่อนจะทะยานขึ้นสูงอย่างน่าอัศจรรย์!

เฟอรารี่สีแดงกําลังทะยานพุ่งไปในอากาศ!

และหลังจากนี้ผ่านไปอีกหลายปี ภาพที่เกิดขึ้นในคืนนี้ก็จะยังเป็นภาพที่ติดตรึงใจ อีกหลายๆคนไปจนตาย..

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง รถเฟอรารี่สีแดงเหินไปกลางอากาศ

ช่างเป็นภาพที่อัศจรรย์ และงดงามอย่างมาก!

และนี่คือรถเหาะที่แท้จริง!

ทุกคนในสนามต่างก็พากันนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง และได้แต่ตะโกนกรีดร้องอยู่ภายในใจ

โคตรบ้า!!

หมอนั่นโคตรบ้าบินเลย!

ขับรถเหินพุ่งทะยานไปกลางอากาศบนหน้าผาแบบนั้น เท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ!