บทที่ 105 เรียกเงิน

บทที่ 105 เรียกเงิน

“เถ้าแก่ทั้งหลาย ยุ่งกันอยู่หรือเปล่า?”

ขณะเถ้าแก่ทั้งหลายของร้านแผงลอยบาร์บีคิวกำลังสุมหัวรวมตัวสบถพลางครุ่นคิดวิธีรับมือกับอู๋ฝาน ทันใดนี้เองที่เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา

หลายคนหันกลับมอง พบเห็นพี่หนิวและพวกพ้อง และบุคคลที่พูดขึ้นเมื่อครู่ ก็เป็นพี่หนิว

“ตาบอดหรือยังไง? พวกเราไม่มีลูกค้าเข้าร้านสักคน เอาอะไรมายุ่ง?” หนึ่งในเถ้าแก่ที่ความโกรธสุมอัดแน่นโพล่งออกไปอย่างไม่สนว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“ที่เป็นแบบนี้ทั้งหมดก็เพราะพวกแก!” เถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวอีกคนหนึ่งชี้พวกพี่หนิว “พวกแกรับปากเรา ว่าจะจัดการเจ้าเด็กเวรนั่นให้เรียบร้อย พวกเราจ่ายค่ามัดจำไปแล้วด้วยซ้ำ แต่แล้วเป็นยังไง ตอนนี้ทำอะไรไปได้บ้าง? ไม่เพียงแค่กิจการของมันไม่โดนผลกระทบ แต่กลับกลายเป็นไฟส่องแล้วด้วยซ้ำ”

“ขอคืนเงิน! คืนค่ามัดจำของพวกเรามาเดี๋ยวนี้!”

เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวเหล่านี้ไม่พอใจรุนแรง กับการที่พี่หนิวและพรรคพวกไม่มีความสามารถจัดการเรื่องราว แต่แท้จริงแล้ว พี่หนิวและพรรคพวกไม่ได้ทำสัญญาอะไรไว้ทั้งสิ้น

“ขอคืนเงิน?” พี่หนิวผู้ที่เดิมมีใบหน้ายิ้มแย้ม ฉับพลันจึงแปรเปลี่ยนท่าที “ฉันมาที่นี่วันนี้ ไม่ได้เพื่อมาคืนเงินพวกแก แต่มาเรียกเงินต่างหาก!”

“เรียกเงิน? เรียกเงินทำบ้าอะไร? ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างยังจะกล้าเรียกเงินอีกงั้นเหรอ?”

“ฉันยังพูดคุยด้วยเหตุผลอยู่นะ ถ้าหากไม่ยอม งั้นก็ไม่ต้องจ่ายที่ยังติดค้างอยู่ก็ได้” พี่หนิวมองกลุ่มเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวพลางพูด “เพียงแต่ว่า พี่น้องของฉันที่มาทำงานให้ต่างก็ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวานฉันเองยังต้องเข้าโรงพยาบาล จ่ายเงินจ่ายทองไปไม่ใช่เล็กน้อย ตอนนี้จะมาถามว่าฉันทวงเงินอะไรงั้นเหรอ? จะบอกว่ายังไงดีนะ ค่าชดเชยการบาดเจ็บระหว่างทำงานดีไหม?”

“บาดเจ็บระหว่างทำงาน? ฮ่าฮ่า หน้าโง่อย่างพวกพวกแกรู้จักคำแบบนี้ด้วย? คิดว่าทำงานกันจริงจังหรือยังไง”

“พวกแกขนคนมาเยอะแยะ แต่กลับจัดการคนแค่คนเดียวไม่ได้ ทั้งยังได้รับบาดเจ็บ ไม่คิดว่าน่าอับอายบ้างหรือยังไง? กล้าดียังไงมาที่นี่เพื่อเรียกร้องเงิน?”

“เรื่องราวไม่คลี่คลายอะไรสักอย่าง พวกเราต้องทวงมัดจำคืนด้วยซ้ำ!”

เถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวหลายคนไม่เพียงโต้แย้งคำขอของพี่หนิว แต่ยังยั่วยุหาเรื่อง เดิมพวกเขาก็ไม่ยินดีล้นพ้นที่พบเห็นกิจการของอู๋ฝานดีขึ้นและดีขึ้น ขณะที่กิจการของพวกเขาซบเซาลงจนเงียบเหงา แต่จนสุดท้าย พี่หนิวและพรรคพวกยังกล้ามาทวงเงิน มีหรือพวกเขาจะยินยอมจ่ายเงินให้?

อีกทั้งเมื่อวานยังได้เห็นอู๋ฝานเล่นงานพวกพี่หนิวเสียจนอยู่หมัดเพียงลำพัง บรรดาเถ้าแก่ร้านแผงลอยจึงยิ่งมองเหยียดพี่หนิวและพรรคพวก คิดไปว่าพวกเขาก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร ทั้งยังคุยโวอวดดี ขณะที่แท้จริงแล้วไม่มีฝีมือ จึงไม่แปลกหากตอนนี้พวกเขาจะไม่มีความกลัวเกรงพวกพี่หนิว

“เพราะแบบนั้น ก็เลยจะไม่จ่าย?” พี่หนิวมองบรรดาเถ้าแก่ด้วยสีหน้าดุร้ายถมึงทึง

“ไม่ให้! พวกแกจะทำอะไรได้?” สีหน้าของพี่หนิวกำลังทำกลุ่มคนตื่นตระหนก แต่พวกเขาก็ยังยืนกรานไม่ยอมประนีประนอมเรื่องราว

“ทำอะไรได้?” พี่หนิวมองบรรดาเถ้าแก่ตรงหน้า ถัดจากนั้นจึงตบหน้าเถ้าแก่คนที่ยืนหน้าสุด จนร่างนั้นล้มลงกับพื้น

“ร้านแผงลอยของพวกแกก็เป็นของฉันแล้วกัน!” พี่หนิวตะโกนบอกกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังตนเอง

กลุ่มคนที่ได้รับคำสั่งจากพี่หนิว พวกเขาจึงเริ่มพลิกโต๊ะ เก้าอี้ เตาปิ้งย่าง รวมถึงทุกสิ่งอย่างในร้านแผงลอยของบรรดาเถ้าแก่เหล่านี้ ภาพฉากจึงสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง บรรดาลูกค้าต่างกระโดดเผ่นหนีหายวับ

“พวกแกทำบ้าอะไร? หยุด!”

“หยุด! ไอ้เวรนี่! บอกให้หยุด!”

บรรดาเถ้าแก่ร้อนรนขึ้นมา พวกเขาตอนนี้ที่แทบไม่มีลูกค้าอยู่แล้ว หากยังถูกก่อกวนเช่นตอนนี้ ภายหน้าย่อมไม่อาจทำการค้าขายได้อีก หากยังปล่อยเรื่องราวไปโดยไม่จัดการ อย่างนั้นภายหน้าจะมีใครกล้ามาซื้อบาร์บีคิวจากร้านของพวกเขา?

“อย่าเข้าใจฉันผิดไป เถ้าแก่เหล่านี้ติดค้างเงินพวกเรา พวกเรามาทวงนี้ โหดร้ายไปบ้างก็ช่วยไม่ได้” พี่หนิวตะโกนบอกฝูงชนที่รับชมอยู่ แม้เขาพยายามแสดงความใจดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังน่าหวาดเกรงจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

เรื่องราวเกิดในช่วงเวลาที่ตลาดกลางคืนยุ่งที่สุด พอเกิดเรื่องราวขึ้นที่ตรงนี้ ย่อมมีหลายคนกระตือรือร้นกันเข้ามารับชม กระทั่งอู๋ฝานที่ยุ่งอยู่แทบตลอด ยังต้องเสียสละเวลาหันมาสำรวจมอง

พี่หนิวได้ตระหนักว่าอู๋ฝานหันมองมา เขาจึงพยักหน้าให้อู๋ฝานตอบรับ ราวกับจะเผยสีหน้ายิ้มแย้มให้ด้วยซ้ำ นับได้ว่าแตกต่างไปจากสีหน้าที่ถมึงทึงมองบรรดาเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวอย่างสิ้นเชิง

อู๋ฝานไม่ตอบรับอะไร เพียงก้มศีรษะลงจัดการงานปิ้งบาร์บีคิวของตนเองต่อไป พี่หนิวที่ไม่ได้รับการตอบกลับ จึงหันกลับมาอย่างนึกเสียดาย ขณะหันมองยังบรรดาเถ้าแก่ร้านบาร์บีคิวทั้งหลาย เขาจึงเผยสีหน้ากลับมาดุร้ายอีกครั้งครา

“เอาเลย เอาให้เละ!” พี่หนิวตะโกนสั่งบรรดาลูกน้อง

สาเหตุที่พี่หนิวมาในวันนี้ ก็เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากการบาดเจ็บระหว่างทำงาน ทั้งกับตัวเขาเองและบรรดาลูกน้อง อีกทางหนึ่งก็เพื่อเอาใจอู๋ฝาน

พี่หนิวพ่ายแพ้ให้อู๋ฝานเมื่อวานนี้ แต่สุดท้ายอู๋ฝานก็ปล่อยพวกเขากลับไป เขายังไม่ลืมเลือนคำที่อีกฝ่ายบอกเอาไว้ จึงถือเป็นงานที่อู๋ฝานมอบหมายให้พวกเขาประการหนึ่ง หากว่าอู๋ฝานไม่ยินดี หากว่าทำได้ไม่ดี ทำอู๋ฝานเกิดไม่ยินดี จนสั่งสอนอีกบทเรียนแก่พวกเขา อย่างนั้นพวกเขาจะยังมีหน้าออกมาอีกได้อย่างไร?

ดังนั้นแล้ว เรื่องราววันนี้คือการทำเพื่อซื้อใจ สร้างความพึงพอใจให้แก่อู๋ฝาน

บรรดาเถ้าแก่ต่างพากันร่ำร้อง ไม่ว่าพวกเขาจะร้องตะโกนดังขนาดไหน ก็ไม่มีหนทางหยุดยั้งการกระทำของพี่หนิวและพรรคพวก คนกลุ่มนี้ที่เมื่อวานเปรียบดังเด็กอนุบาลต่อหน้าอู๋ฝาน กลับกลายเป็นประหนึ่งเทพเจ้าลงมาเยือนต่อหน้าของพวกเขา ตอนนี้เองที่พวกเขาได้พบว่าพวกตนเองไม่อาจเทียบเปรียบกับพวกพี่หนิวได้เลยแม้แต่น้อย

ภายหลังลงมือไปทั่ว พี่หนิวจึงบอกกับบรรดาเถ้าแก่อีกครั้ง “จะจ่ายไหม? ถ้ายังไม่จ่าย จากวันนี้ไปทุกค่ำคืน ร้านพวกแกก็จะเละแบบนี้!”

“ต้องจ่ายเท่าไหร่กัน?” กลุ่มคนที่เมื่อครู่ดื้อรั้น สุดท้ายจึงต้องยอมจ่าย พวกเขาทำได้เพียงคาดหวังว่าพวกพี่หนิวจะไม่โผล่หน้ามากันอีก พวกเขายอมแล้ว

“เท่าไหร่? ขอฉันคิดก่อน” พี่หนิวเกาคางตนเองพลางครุ่นคิด “เอาแบบนี้เป็นยังไง พวกเถ้าแก่จ่ายมากันคนละสองหมื่น แล้วก็สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป”

“สองหมื่น?!” บรรดาเถ้าแก่ร้องอุทาน พวกเขาไม่นึกคิดว่าพี่หนิวจะเรียกร้องมากมายถึงขนาดนี้

เรียกได้ว่าไม่ต่างกับการปล้นซึ่งหน้า

“ทำไม? มากเกินไป?” พี่หนิวเผยสีหน้าแข็งกระด้างขึ้นอีกครั้ง “ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร พวกเราจะมาอุดหนุนกิจการของพวกเถ้าแก่ทุกวันเองก็แล้วกัน”

บรรดาเถ้าแก่ร่ำร้อง พบเจอการข่มขู่ของพี่หนิว สุดท้ายพวกเขาก็ต้องยอม

หากว่าไม่ตกลง พวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะพวกเขาเป็นฝ่ายเรียกพี่หนิวมาเอง หากตอนนี้เรียกตำรวจพวกพี่หนิวจะตกอยู่ในปัญหา สุดท้ายคือการขว้างงูไม่พ้นคอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าโต้แย้งอะไรอีก ทำได้เพียงแค่ยอมรับ

เพียงแต่เถ้าแก่ทั้งหลายมีเงินสดในมือไม่มาก ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้พี่หนิวรอคอยมาเก็บเงินในวันพรุ่งนี้ พี่หนิวไม่คิดสงสัยว่าจะมีใครเบี้ยวดังนั้นจึงตกลงกับกลุ่มคน อย่างไรครั้งนี้ก็เรียกเงินได้เป็นแสน พี่หนิวย่อมยินดีล้นเหลือ ดังนั้นรอคอยอีกสักหนึ่งวันก็ไม่เป็นไร