ตามคาด เหล่าเด็ก ๆ ที่ไม่เคยเห็นโลก จะต้องรู้สึกคล้อยตามคำพูดของเขา

ในขณะที่เขาพูดคำว่า “โอ้~เทพเจ้าแห่งเกม โปรดมอบชีวิตใหม่ให้กับเรา!” เด็ก ๆ ก็พูดซ้ำคำเหล่านั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

วินาทีต่อมา ซีเว่ยก็รู้สึกได้ถึงพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ที่พวยพุ่งขึ้น!

แม้ว่าความศรัทธาของพวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเอลีน่า แต่พวกเขาก็ผ่านเกณฑ์ของผู้ศรัทธาที่ตื้นเขินแล้ว ตอนนี้พวกเขากลายเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง และเป็นไปตามเงื่อนไขการเปิดใช้งานระบบ

“นี่ข้าตาฝาดรึเปล่า?”

“อะ ไอ้ที่ลอยอยู่ข้างหน้าข้านี่คืออะไรกัน!”

“ข้าก็ด้วย!”

“มันคืออะไร?”

พวกเด็ก ๆ ต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อหน้าจอระบบปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา

“ไม่ต้องกลัว นี่คือสิ่งที่ข้าพึ่งพูดไป พรจากเทพเจ้าแห่งเกม!” ซีเว่ยพูดเพื่อให้พวกเขาสงบลง

หน้าจอระบบที่พวกเขามี แตกต่างจากของนักบุญหญิงที่เขาสร้างขึ้นเป็นพิเศษให้เอลีน่า ระบบของพวกเขาเป็นเพียงระบบพื้นฐาน ที่ไม่มีแม้แต่คลาสประจำตัวแถมมาให้ด้วยซ้ำ

หากพวกเขาเป็นคนที่ถูกอัญเชิญมาต่างโลก พวกเขาคงจะเดาได้แล้วว่าต้องทำอะไรหลังจากได้เห็นหน้าจอระบบ

แน่นอน ทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำคือการทำเควส ฆ่ามอนเพิ่มเลเวล และขึ้นไปยังจุดสูงสุดของพีระมิด อะแฮ่ม และบางทีพวกเขาอาจเปิดฮาเร็มด้วย…

แต่เนื่องจากระบบเกมเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับผู้คนบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะเหล่าเด็ก ๆ จากหมู่บ้านชนบทที่ไม่เคยออกไปสัมผัสโลกกว้าง พวกเขาจึงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจก่อนที่จะใช้ระบบได้อย่างเหมาะสม

ดังนั้น ซีเว่ยจึงได้เริ่มอธิบายวิธีใช้งานหน้าจอระบบให้พวกเขาฟังอย่างละเอียด

“เลเวลจะเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของเจ้า เมื่อระบบถูกเปิดขึ้นครั้งแรก ทุกคนจะมีเลเวล 1 เหมือน ๆ กัน ยิ่งตัวเลขนี้เพิ่มสูงขึ้นเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น! และเจ้าจะได้รับคะแนนทักษะเป็นรางวัลทุกครั้งเมื่อเลเวลของเจ้าเพิ่มขึ้น”

“โอ้จริงสิ! เลเวลสูงสุดในตอนนี้คือเลเวล 30 เมื่อเจ้ามาถึงเลเวล 30 แล้ว เจ้าจะเพิ่มเลเวลต่อไปไม่ได้ จนกว่าขีดจำกัดเลเวลจะถูกปลดล็อค เมื่อระบบอัปเดตเวอร์ชันใหม่ในครั้งหน้า”

“เจ้าสามารถเพิ่มเลเวลได้โดยการสะสมค่าประสบการณ์ซึ่งเจ้าจะได้รับมันจากการฆ่าสัตว์ประหลาด…ใช่ มันคือสัตว์ประหลาดตัวเดียวกับที่พวกเจ้ากำลังคิดอยู่นั่นแหละ…ส่วนแถบค่าประสบการณ์จะอยู่ด้านล่างสายตาเจ้า แถบที่มีคำว่า EXP นั่นแหละ ทำไมเราถึงเรียกมันว่าค่าประสบการณ์? เจ้าไม่เคยได้ยินคำว่า ‘การฝึกฝนจะทำให้เจ้าประสบความสำเร็จ’ หรอกหรือ? เจ้าคงไม่คิดว่าแค่อยู่เฉย ๆ เจ้าจะทำทุกเป็นด้วยตัวเองใช่ไหม?”

“ต่อไป คลาสของพวกเจ้าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการพัฒนาในอนาคตของเจ้า เริ่มแรกระบบจะมี 4 คลาสให้เจ้าเลือก วอร์ริเออร์(นักรบ) เรนเจอร์(นักล่า) เมจ(นักเวทย์) และเคลริค(นักบวช) ความแตกต่างระหว่างคลาสทั้ง 4 ส่วนใหญ่จะเป็นในด้านของทักษะที่พวกเจ้าจะได้รับ และการเติบโตของค่าสถานะ…อะไร? เจ้าถามว่าไม่จำเป็นต้องศรัทธาจอมขมังเวทย์อาซูเพื่อเป็นนักเวทย์หรือ? ใช่ เจ้าไม่ต้องศรัทธา ทำไมไม่มีคลาสนักล่า? อืม…ที่จริงมันก็คือเรนเจอร์นั่นแหละ”

“ทักษะเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าแห่งเกมทรงประทานพรให้กับพวกเจ้า และทักษะแต่ละอย่างจำเป็นต้องค่อย ๆ เรียนรู้อย่างช้า ๆ ตามระดับเลเวลของพวกเจ้า ทักษะบางอย่างนอกจากเวเวลแล้ว จะมีข้อกำหนดด้านค่าสถานะที่ต้องการในการเรียนรู้ เมื่อเจ้าทำตามข้อกำหนดครบถ้วน เจ้าจะสามารถเรียนรู้มันได้ การร่ายทักษะเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะต้องใช้ MP ของเจ้า…ใช่ MP คือเกจสีน้ำเงิน”

“ค่าสถานะเป็นภาพสะท้อนพลังของเจ้า…เจ้าถามว่ามันคืออะไรงั้นเหรอ? อืม…มันเป็นตัวชี้วัดความสามารถทางด้านร่างกายและจิตใจของเจ้า”

“ถ้าเกจ HP ของเจ้าหมด เจ้าก็จะตาย ถ้าเกจ MP ของเจ้าหมด เจ้าก็จะไม่สามารถใช้ทักษะได้ STR เป็นค่าพลังทางกายภาพ มันคือตัวกำหนดความแข็งแรงและพลังโจมตีทางกายภาพของเจ้า AGI เป็นค่าความคล่องตัว มันคือตัวกำหนดความเร็วและการตอบสนองของเจ้า INT เป็นค่าความฉลาด มันคือตัวกำหนดความมุ่งมั่น ความสามารถทางจิตใจและพลังเวทของเจ้า”

“ทำไมเขาถึงมี STR 2 และเจ้ามีเพียง 1…เจ้าดูแขนของเขาที่หนาเกือบเท่าต้นขาเจ้าสิ! ค่าสถานะเริ่มต้นที่เจ้าจะได้รับ จะขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคลของเจ้า อย่าตั้งคำถาม! เจ้าไม่สามารถตำหนิใครได้นอกจากตัวเจ้าเอง”

ท้ายที่สุดแล้วระบบเหล่านี้เป็นสิ่งใหม่และน่าสนใจสำหรับเด็ก ๆ พวกเขาสามารถคิดคำถามแปลก ๆ ได้ทุกประเภท โดยเฉพาะคำถามที่ไม่เคยมีใครเคยถามเขามาก่อน มันเกือบจะทำให้ซีเว่ยปวดหัว

ด้วยเหตุนี้ซีเว่ยจึงรีบพูดสรุปทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่พวกเขายังเด็กและยังสามารถเติบโตได้ ความสามารถในการเรียนรู้และดูดซับของพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ใหญ่มาก อันไหนที่พวกเขาไม่เข้าใจ เขาจะปล่อยให้พวกเด็ก ๆ ค่อย ๆ เรียนรู้มันด้วยตัวเอง

“ข้าจะเลือกเมจ ข้าอยากเรียนเวทมนตร์” เด็กชายที่ดูเหมือนผู้นำของกลุ่มพูดขึ้น

“ข้าอยากเป็นวอร์ริเออร์! พ่อข้าเป็นช่างตีเหล็ก ข้าเลยรู้ว่าดาบที่ดีที่สุดในหมู่บ้านอยู่ที่ไหน!” เด็กชายท่าทางแข็งแรงที่มีค่า STR เริ่มต้น 2 พูดเสียงดัง

“ข้าเป็นเคลริคได้ไหม” เด็กผู้หญิงหนึ่งเดียวถามขึ้นมาเสียงเบา

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเป็นเรนเจอร์ ข้าถนัดการใช้หนังสติ๊ก!” เด็กชายคนสุดท้ายตัดสินใจในที่สุด

เด็กทั้ง 4 คนเลือกคลาสของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ซีเว่ยเฝ้าดูการตัดสินใจของเด็ก ๆ เขาอยากจะบอกว่าพวกเขาสามารถเลือกคลาสเดียวกันได้ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่พูด

“เอาล่ะ ถ้าเลือกได้แล้วก็บอกชื่อของพวกเจ้ามา”

เมื่อเห็นทั้ง 4 คนเริ่มตรวจสอบหน้าต่างระบบของตัวเอง ซีเว่ยก็จำได้ว่าเขาต้องถามชื่อพวกเด็ก ๆ ด้วย

“ข้าเอ็ดเวิร์ด•เคนนิงตัน” เด็กชายที่เลือกเป็นเมจแนะนำตัว

“ข้าเจสสิก้า•ไวส์” เด็กสาวที่บอกว่าจะเป็นเคลริคพูดเสียงเบา

“เรียกข้าว่า โจ•พอล ก็ได้!” เด็กที่เลือกเป็นวอร์ริเออร์ประกาศชื่อตัวเอง

“ข้าชื่อโกวต้าน*” เด็กที่ตัดสินใจเป็นเรนเจอร์พูด

(โกวต้าน ภาษาจีนแปลว่า ไข่สุนัข)

ดวงตาของซีเว่ยกระตุก “ทำไมชื่อเจ้าถึง…พิเศษจัง”

“พ่อข้าเป็นผู้ลี้ภัยที่ไม่มีชื่อสกุล” โกวต้านสารภาพตามความจริง

“เอาล่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะมีชื่อว่าโตวก้าน” ซีเว่ยตัดสินใจ

เด็กเหล่านี้เป็นผู้ศรัทธากลุ่มแรกที่เขามี ซึ่งอาจกลายเป็นอัครสาวกของเขาในอนาคต หากเด็กชายคนนี้ยังคงใช้ชื่อว่าโกวต้านต่อไป ศาสนจักรของเขาคงจะดูไม่น่าเชื่อถือ!

โกวต้าน…ไม่สิ โตวก้านจ้องไปที่ซีเว่ย ก่อนจะพยักหน้าให้เขาอย่างกระตือรือร้น

ซีเว่ยใช้นิ้วของเขาเขียนชื่อลงไปในช่องว่างสีขาวที่ลอยอยู่บนหัวของพวกเด็ก ๆ

“สัญลักษณ์นี้มีเพียง ‘ผู้เล่น’ ที่ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ ถ้าเจ้าได้เห็นผู้อื่นมีตัวอักษรเช่นนี้ลอยอยู่เหนือหัว พวกเจ้าจะรู้ได้ทันทีเลยว่าพวกเขาคือเพื่อนร่วมศาสนาของเจ้า!” ซีเว่ยแนะนำพวกเขาต่อ “แม้ว่าหลักคำสอนของศาสนจักรเราจะไม่ขอให้พวกเจ้าทุกคนรักกัน แต่อย่างน้อยพวกเจ้าก็ไม่ควรขัดแย้งกันอย่างรุนแรงใช่ไหม? อย่าลืมว่าพวกเจ้าเกือบจะเป็นอมตะกันแล้ว ฆ่ากันไปก็เปล่าประโยชน์”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กทั้ง 5 คนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็จำได้ว่าผู้ศรัทธาในศาสนจักรแห่งเกมจะถูกเรียกว่า ‘ผู้เล่น’

เอลีน่าเป็นคนที่คุ้นเคยกับซีเว่ยมากที่สุด ดังนั้นเธอจึงเป็นคนที่เกร็งน้อยที่สุดเวลาอยู่ต่อหน้าเขา เธอก้าวมาข้างหน้าและถามเขาว่า “ท่านซีเว่ย คำสอนของศาสนจักรของเราคืออะไรหรือ?”

ซีเว่ยชะงัก ที่จริงเขาก็ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ซีเว่ยก็ไม่เสียเวลาคิดนาน

“ประการแรก: ชีวิตก็คือเกม หลังจากที่เจ้าศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม เจ้าก็จะกลายเป็นผู้เล่น”

“ประการที่สอง: เวลาก็คือเงินเพื่อนข้า เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่างยกเว้นประสบการณ์ ดังนั้นเจ้าไม่สามารถซื้อความสุขได้ด้วยเงินเดือนของเจ้า!”

“ประการที่สาม: แม้ว่าเจ้าจะมีภาระที่หนักหน่วงอย่างการกอบกู้โลกวางไว้บนบ่า แต่เจ้าก็สามารถหยุดพักเล่นไพ่ได้ในเวลาว่างเช่นกัน”

“ประการที่สี่: ทุกสิ่งที่มีเกจ HP สามารถกลายเป็นค่า EXP ให้เจ้าได้ ดังนั้นจงอย่าลืมว่าการฆ่าเป็นเพียงหนทางผ่านสู่ความสำเร็จหนทางหนึ่งเท่านั้น อย่าปล่อยให้การสังหารหมู่กลายเป็นเป้าหมายของตัวเจ้า”

“ประการที่ห้า: ความแข็งแกร่งของเจ้าขึ้นอยู่กับเวอร์ชันปัจจุบันของเกม อย่าโทษตัวเองในเส้นทางที่เจ้าเลือก แต่หากเจ้าต้องการตำหนิใครสักคน จงโทษนักออกแบบเกมที่ชั่วร้ายเหล่านั้น!”

“ประการที่หก: จงอย่าละทิ้งเกียรติและศักดิ์ศรีของเจ้าในฐานะผู้เล่น มิฉะนั้นเจ้าจะถูกลงโทษโดยเทพเจ้าแห่งเกม!”

“ประการที่เจ็ด: ก่อนที่เจ้าจะโดนธนูปักหัวเข่า จงออกไปเล่นสนุกให้เต็มที่!”

“ประการที่แปด: เทพเจ้าแห่งเกม ขอสงวนสิทธิ์ในการตีความหลักคำสอนที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น”

——————————————