ตอนที่ 108 โยกย้ายถานเล่อเวย

ตอนที่ 108 โยกย้ายถานเล่อเวย

เซี่ยเจ๋อหลี่อดยิ้มกับคำพูดของเวินโหย่วเหลียงไม่ได้ “ผบ. ถ้าอย่างนั้นผมจะจำไว้ ถึงตอนนั้นอย่าใจร้ายกับมู่หลานนะครับ”

ได้ยินคำนี้ เวินโหย่วเหลียงก็มองเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างอดไม่ได้ พูดขึ้น “ดูนายพูดเข้า ทำอย่างกับเราจะใจร้ายกับหมอฉินอย่างนั้น นายวางใจเถอะ ถึงเราจะใจร้ายกับนาย แต่กับหมอฉินเราไม่ทำหรอก”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแล้วจึงหัวเราะขึ้นมาทันที หลังจากพูดคุยกับเหวินโหย่วเหลียงอยู่อีกไม่กี่คำ ก็กลับไป

ขณะเซี่ยเจ๋อหลี่กับเวินโหย่วเหลียงตกลงเรื่องสูตรยานั่นเอง ฉินมู่หลานก็รอจนถึงวันรุ่งขึ้นเพื่อจะไปพูดคุยขอความร่วมมือกับหมอเลี่ยวที่โรงพยาบาลทหาร

“หมอเลี่ยวคะ ถ้าอย่างนั้นเรามาตกลงกันเถอะค่ะ ในเมื่อวันนี้ฉันเอาสูตรยามาที่นี่ทั้งหมด คุณก็ส่งให้พวกโรงผลิตยาที่โรงพยาบาลของคุณผลิตออกมาได้เลย”

เลี่ยวเหวินหยางได้ยินดังนี้จึงรีบพยักหน้า พูดขึ้น “ครับ เราจะรีบผลิตยาให้เร็วที่สุดเลย ว่าแต่…”

หลังจากพูดจบ เขาก็ดูลังเลใจที่จะถาม “หมอฉิน คุณช่วยลองสาธิตก่อนได้ไหมครับ โรงผลิตยาเขากลัวจะผลิตไม่สำเร็จครับ”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงยกยิ้มแล้วตอบไป “พวกคุณวางใจได้เลยค่ะ ต้องทำสำเร็จแน่นอนอยู่แล้ว ฉันเขียนขั้นตอนวิธีการทำอย่างละเอียดเอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

ขณะที่พูด ก็ได้ส่งสูตรยาแก้อักเสบและยาลดไข้ชนิดพิเศษไปให้กับเลี่ยวเหวินหยาง “หมอเลี่ยวลองดูก่อนก็ได้นะคะ”

เลี่ยวเหวินหยางรับสูตรยาที่ฉินมู่หลานส่งมาแล้วก็มองดูอย่างละเอียด หลังเห็นว่าฉินมู่หลานเขียนขั้นตอนวิธีการทำอย่างละเอียดมาให้เรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจ “หมอฉิน ถ้าอย่างนั้นผมจะรับมันไปก่อนนะครับ หลังจากยาสองตัวนี้ทำเงินได้ ผมจะนำส่วนของคุณมาแบ่งให้”

“ได้ค่ะ”

นี่คือข้อตกลงที่พวกเขาได้พูดคุยกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ฉินมู่หลานไม่ได้ขอรายได้ทีเดียวทั้งหมด แต่รับเป็นส่วนแบ่งกำไรแทน แม้จะรับไว้เพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ มันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้น หากสุดท้ายยาถูกผลิตออกมาได้ในปริมาณมาก ต่อไปก็จะมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากฉินมู่หลานกับหมอเลี่ยวทำข้อตกลงกันแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามอีกหนึ่งข้อ “ผู้อำนวยการของคุณเห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ไหมคะ?”

เลี่ยวเหวินหยางได้ยินดังนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ ผู้อำนวยการของเราเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ ไม่อย่างนั้นผมคงมาตกลงข้อเสนอนี้กับคุณไม่ได้ อันที่จริงแล้วมันอยู่ที่ผลของฤทธิ์ยาที่คุณบอกครับ ถึงคุณจะต้องการสามสิบเปอร์เซ็นต์ ยังไงผู้อำนวยการของเราก็ตกลงแน่นอนครับ”

“อย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็มากพอแล้วค่ะ”

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วกล่าว จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วพูดต่อ “หมอเลี่ยวคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปเยี่ยมสหายเจียงก่อนนะคะ”

“ครับ”

ฉินมู่หลานออกจากห้องทำงานของเลี่ยวเหวินหยาง และมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเจียงเฉิงทันที

เจียงเฉิงเห็นฉินมู่หลานมาก็รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พลางกล่าว “หมอฉิน มาแล้วเหรอครับ”

หลังจากได้รับการฝังเข็มของฉินมู่หลานมาหลายวัน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าขาซ้ายของตนฟื้นตัวดีขึ้นมาก

ฉินมู่หลานพยักหน้าให้เจียงเฉิง จากนั้นก็กล่าวว่า “ขอฉันตรวจชีพจรคุณหน่อยค่ะ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เจียงเฉิงยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย แล้วจ้องมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าคาดหวัง

ฉินมู่หลานตรวจชีพจรของเจียงเฉิง ก็บอกว่า “ถึงเวลาปรับใบสั่งยาของคุณแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะเขียนให้อีกใบ คุณเก็บมันเอาไว้นะคะ”

“ครับ ขอบคุณครับหมอฉิน”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”

ฉินมู่หลานโบกมือให้เขา แล้วเอ่ยขึ้น “เอาล่ะค่ะ ตอนนี้มาฝังเข็มกันดีกว่า”

หลังฉินมู่หลานทำการฝังเข็มให้กับเจียงเฉิงเสร็จ ก็เตรียมพร้อมที่จะกลับแล้ว

“หมอฉิน รอเดี๋ยวนะครับ”

เมื่อเห็นเจียงเฉิงรั้งตนไว้ ฉินมู่หลานก็หันไปมองอย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยถาม “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

เจียงเฉิงหยิบกล่องเล็กใบหนึ่งออกมาจากใต้หมอน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “หมอฉิน ขอบคุณที่รักษาผมนะครับ นี่เป็นของขวัญขอบคุณครับ”

พูดจบเขาก็ยกกล่องเล็กในมือขึ้น เพื่อให้ฉินมู่หลานเข้ามารับไป

ฉินมู่หลานเห็นเช่นนั้น จึงส่ายหัว แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ หมอเลี่ยวจ่ายค่ารักษามาให้ฉันแล้วค่ะ”

“นั่นไม่เหมือนกันครับ ของโรงพยาบาลก็ส่วนโรงพยาบาล ของจากผมก็คือของผม”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานปฏิเสธที่จะรับ เจียงเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม “คุณอย่าห่วงเลยครับ มันไม่ใช่ของมีค่าอะไรมากนักหรอก และพ่อกับแม่ของผมก็ช่วยกันเลือกด้วย แค่อยากขอบคุณที่ช่วยรักษาลูกชายของพวกเขาน่ะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานจึงยอมรับกล่องใบเล็กมา แล้วลองเปิดดู ก่อนจะพบว่าเป็นนาฬิกาข้อมือผู้หญิงที่มีลายดอกเหมยอยู่ข้างใน

“สหายเจียง ของขวัญชิ้นนี้ก็มีค่ามากนะคะ”

ทันทีที่เจียงเฉิงได้ยินสิ่งนี้ ก็รีบทิ้งตัวนอนลงแล้วพูดขึ้นว่า “หมอฉินครับ ผมรู้สึกเหนื่อยยังไงก็ไม่รู้ อยากพักผ่อน ผมว่าคุณรีบกลับไปได้แล้ล่ะครับ”โนเวลพีดีเอฟ

ฉินมู่หลานมองเจียงเฉิงด้วยความตลกขบขัน เพราะกลัวว่าตัวเองจะส่งของขวัญคืน สุดท้ายเธอก็ต้องยอมรับมัน และให้คำมั่นว่าขาของเจียงเฉิงจะไม่ทิ้งผลข้างเคียงอะไรไว้ คุ้มค่ากับนาฬิกาข้อมือเรือนนี้แน่นอน

เมื่อเห็นฉินมู่หลานยอมรับนาฬิกาแล้ว เจียงเฉิงก็รู้สึกโล่งใจ

ฉินมู่หลานไม่ได้กลับทันทีหลังจากออกจากโรงพยาบาล แต่มาเดินซื้อของตามท้องถนนแทน ถึงแม้ว่าลูกในท้องจะยังตัวเล็ก แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มซื้อของ เธออยากได้ผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มเพื่อทำเสื้อผ้าให้เด็กเล็ก

แต่เดินเลือกซื้อของได้ไม่ทันไร ก็ได้พบเจอคนรู้จักคนหนึ่งเข้า

“พี่สะใภ้ คุณก็มาซื้อของเหมือนกันเหรอคะ”

เจียงลวี่ชิวเห็นฉินมู่หลาน จึงรีบเข้ามาทักทายทันที

ฉินมู่หลานมีความประทับใจดีต่อเจียงลวี่ชิว จึงเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ ฉันจะมาซื้อผ้าฝ้าย”

เจียงลวี่ชิวได้ยินดังนี้ จึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “บังเอิญจังเลย ฉันเองก็มาหาผ้าพอดี” แต่เมื่อเอ่ยจบก็อดที่จะหันไปพูดกับฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “พี่สะใภ้ ทำไมเช้านี้คุณถึงไม่ไปดูถานเล่อเวยเหรอคะ ตอนที่หล่อนกำลังจะไป เรียกได้ว่าแย่ย่ำแย่มาก สีหน้าก็ลังเลอยู่นะ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องไป”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็นึกขึ้นได้ ดูเหมือนว่าวันนี้ถานเล่อเวยจะต้องไปแล้ว

“วันนี้มีธุระนิดหน่อยค่ะ ก็เลยต้องรีบตรงมาที่นี่”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เจียงลวี่ชิวไม่ได้พูดอะไรอีก แต่แล้วก็เริ่มเอ่ยถึงเรื่องการไปของถานเล่อเวยด้วยท่าทางมีความสุขมากด้วย “ถานเล่อเวยนั่นไปได้สักที ฉันทนหล่อนมานานแล้ว น่าเสียดายที่ไม่มีทางทำอะไรหล่อนได้เลย”

“พวกเธอมีความแค้นอะไรกันเหรอ”

เจียงลวี่ชิวเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “ถานเล่อเวยชอบดูถูกพวกคนชนบท พวกเราที่มาจากชนบท ต่างโดนหล่อนดูถูกกันหมด แต่พี่สะใภ้คนอื่นคิดว่าถานเล่อเวยดีกว่าก็เลยไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงคิด คนที่มาจากชนบทต้องด้อยกว่าคนอื่นเสมอไปเลยเหรอ เพราะแบบนี้น่ะค่ะฉันถึงไม่ชอบถานเล่อเวย”

เมื่อเอ่ยจนจบ เจียงลู่ชิวก็เอ่ยอย่างนึกเสียดายขึ้นมาอีกครั้ง “น่าเสียดายที่เฉินเฉี่ยวเซียงยังอยู่ ฉันก็ไม่คิดว่าหล่อนเป็นคนดีเช่นกัน”

ฉินมู่หลานมีความหลังกับเฉินเฉี่ยวเซียงนิดหน่อยเท่านั้น ขอเพียงหล่อนไม่มาเสนอหน้า เธอก็จะทำเป็นมองข้ามไป

เจียงลวี่ชิวเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ได้สนใจถานเล่อเวยกับเฉินเฉี่ยวเซียงเลยแม้แต่น้อย จึงไม่เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น แล้วเข้าไปซื้อผ้าพร้อมกับฉินมู่หลานแทน สุดท้ายทั้งสองก็กลับด้วยกัน

ฉินมู่หลานเพิ่งกลับมาถึงอาคารครอบครัว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินเข้ามาหา เขายกยิ้มแล้วมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ผบ.เวินอยากให้คุณไปพบ ดูเหมือนว่ารางวัลของคุณจะมาถึงแล้วน่ะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ให้นาฬิกาเป็นของขวัญขอบคุณจริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ให้เป็นของจีบมู่หลานนะ?

ตัวป่วนไปแล้วหนึ่ง ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ

ไหหม่า(海馬)