ตอนที่ 109 รางวัล

ตอนที่ 109 รางวัล

ฉินมู่หลานได้ยินคําพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองและถามว่า “เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ?”

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินอย่างนั้น จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ดูจะเร็วไปจริงๆ แต่เป็นเพราะใบสั่งยาของคุณดี เหล่าผู้นําจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ ทำให้คำร้องขอรับรางวัลได้รับการอนุมัติอย่างไวทีเดียว”

ฉินมู่หลานย่อมเชื่อในใบสั่งยาของเธออยู่แล้ว เธอจึงยิ้มขณะยืนขึ้นและพูดว่า “ดีเลยค่ะ งั้นพวกเราไปด้วยกันเถอะ”

หลังทั้งสองมาถึงห้องทำงานของเวินโหย่วเหลียงแล้ว เวินโหย่วเหลียงก็ยื่นซองจดหมายขนาดใหญ่ฉบับหนึ่งให้ฉินมู่หลาน “คุณหมอฉิน ด้านในนี้เป็นรางวัลของคุณ หากคุณต้องการอะไรก็บอกกับพวกเรามาได้เลย พวกเราจะพิจารณาดูว่าจะช่วยยื่นคำร้องให้คุณอีกครั้งได้ไหม”

ฉินมู่หลานรับซองจดหมายขนาดใหญ่มาแล้ว จึงรู้ว่ามันหนามากจริงๆ กระนั้นเธอก็ไม่ได้เปิดมันแต่เก็บไว้กับตัว ในขณะเดียวกันก็มองเวินโหย่วเหลียงด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณผบ.มากนะคะ เพียงแต่พวกเราไม่มีความต้องการอื่นแล้ว ไม่ต้องยื่นคำร้องแล้ว”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เวินโหย่วเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะลอบพยักหน้า ภรรยาคนนี้ของอาหลี่มีความสามารถและมีความรู้จริงๆ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ แต่หล่อนกลับไม่ร้องขออะไรเลย เด็กสาวคนนี้ช่างมีคุณธรรมที่ดีจริงๆ

แต่เซี่ยเจ๋อหลี่กลับเอ่ยขึ้นมาในเวลาที่เหมาะเจาะ “ผบ.ครับ ครั้งก่อนเคยบอกไว้แล้วว่ายังมีใบสั่งยาของยาอีกสองชนิด มู่หลานก็นำมาด้วย เช่นนั้นก็มอบให้คุณแล้วนะ”

ฉินมู่หลานได้ตระเตรียมไว้นานแล้ว ดังนั้นเธอจึงยื่นใบสั่งยาส่งให้ และเธอยังอธิบายต่อด้วยว่ายาทั้งสองได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลทหารแล้ว

“ผบ.คะ โรงผลิตยาที่ร่วมมือกับโรงพยาบาลทหารจะผลิตยาทั้งสองชนิดนี้ด้วย เพราะยังไงแล้วถ้าใช้ยาทั้งสองชนิดนี้ในโรงพยาบาลก็จะช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้น ดังนั้นฉันจึงมอบใบสั่งยาให้พวกเขาไปด้วยน่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ เวินโหย่วเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่าขึ้น “คุณร่วมมือกับโรงพยาบาลทหารแล้วหรือยัง?”

ฉินมู่หลานพยักหน้า และพูดเรื่องข้อตกลงไปแล้วครั้งหนึ่ง

หลังจากเวินโหย่วเหลียงรู้ว่าฉินมู่หลานได้รับส่วนแบ่งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เขาจึงยื่นใบสั่งยาคืนให้

“คุณหมอฉิน โรงผลิตยาที่ร่วมมือกับโรงพยาบาลทหารเป็นโรงผลิตยาที่ได้รับใบสั่งยาของคุณมาก่อน ดังนั้นผมคงไม่ต้องเอาใบสั่งยานี้ไปแล้วล่ะ เรารับยาจากโรงงานผลิตยาได้เลย แต่แม้ว่าเราจะนำยาเข้ามาก็จำเป็นต้องซื้อ เมื่อถึงตอนนั้นมันก็จะเป็นรายได้”

ฉินมู่หลานได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปครู่หนึ่ง นี่เป็นการเพิ่มยอดขายยาสินะ

เซี่ยเจ๋อหลี่จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น งั้นก็ขอบคุณผบ.มากนะครับ”

เวินโหย่วเหลียงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่ เดิมทีคิดว่าเด็กคนนี้โดดเด่นมาก แต่ตอนนี้เมื่อเทียบกับภรรยาของเขาแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงได้รู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่มีอะไรเลย เพราะสุดท้ายแล้วภรรยาของเขาก็เก่งกาจมาก

ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่พูดกับเวินโหย่วเหลียงต่ออีกสองสามคำแล้วจากไป

“อาหลี่ ถ้าคุณยุ่งแล้วล่ะก็กลับไปทำงานเถอะค่ะ ฉันกลับเองได้ “บ้านพักอยู่ใกล้แค่นี้ ไม่นานก็ถึงแล้ว”

เซี่ยเจ๋อหลี่อยากจะบอกว่าไม่ต้อง แต่ฟู่ซวี่ตงเดินเข้ามาเสียก่อน “อาหลี่ ฉันเพิ่งไปหานายมา ที่แท้นายก็อยู่ที่นี่เอง” และในตอนนี้เขาก็หันไปเห็นฉินมู่หลาน จึงรีบเอ่ยทักว่า ‘น้องสะใภ้’

เมื่อฉินมู่หลานเห็นสถานการณ์อย่างนั้น จึงมองไปทางเซี่ยเจ๋อหลี่และพูดว่า “งั้นคุณรีบไปทำงานเถอะ ฉันจะกลับไปก่อน”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานเดินจากไปไกลแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่จึงหันมองไปทางฟู่ซวี่ตงพร้อมกับพูดว่า “ไปกันเถอะ ”

ทันใดนั้นฟู่ซวี่ตงก็รู้สึกว่าตัวเองมาในเวลาที่ไม่เหมาะสม แต่ตัวเขาเองก็มีเรื่องต้องพบเซี่ยเจ๋อหลี่จริงๆ ดังนั้นจึงรีบพาเขาไปสนามเด็กเล่น

ส่วนฉินมู่หลานเพิ่งจะเดินไปถึงเขตพื้นที่บ้าน เจียงลวี่ชิวก็เดินมาต้อนรับ “พี่สะใภ้ เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปหาคุณมา แต่ไม่คิดว่าคุณจะออกไปข้างนอกแล้ว ดีจริงๆที่มาบังเอิญเจอ”

เมื่อฉินมู่หลานได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ต้องการพบฉันมีเรื่องอะไรรึเปล่า?”

“พี่สะใภ้ คุณเพิ่งจะมาที่นี่ได้ไม่นาน พวกเรายังไม่ได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันเลย ดังนั้นพวกเรามีแผนไว้ว่าจะเชิญคุณกับหัวหน้าเซี่ยมากินอาหารที่บ้านน่ะค่ะ”

ฉินมู่หลานไม่คิดว่าจะเป็นคําเชิญรับประทานอาหาร เพียงแต่เธอเพิ่งจะมาที่นี่ ต้องเป็นฝ่ายเชิญต่างหากถึงจะถูก ดังนั้นเธอจึงยิ้มพลางมองไปที่เจียงลวี่ชิวและเอ่ย “ลวี่ชิว ช่วงไม่นานมานี้ฉันยุ่งมาก ดังนั้นจึงไม่ได้คิดถึงขนบธรรมเนียมนี้เลย วันมะรืนนี้บ้านเราจะอุ่นครัว พวกคุณมากินนอาหารที่บ้านเรานะ”

“พี่สะใภ้ เราทุกคนรู้ว่าคุณยุ่งมาก ดังนั้นมาที่บ้านของพวกเราเถอะ”

“ฉันกับเซี่ยเจ๋อหลี่เพิ่งย้ายเข้ามา พวกเราต่างหากควรจะไปเชิญ”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานพูดอย่างนั้น เจียงลวี่ชิวจึงไม่ได้ยืนกรานต่อไปอีก เพียงพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ คุณกําลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย ปล่อยให้คุณทำงานหนักไม่ได้หรอ งั้นเดี๋ยวเช้าวันมะรืนฉันจะไปช่วยคุณนะ”

ฉินมู่หลานไม่ปฏิเสธ เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ในขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุยกัน ก็มีผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัยคนหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อหล่อนเห็นเจียงลวี่ชิว หล่อนทำเพียงปรายสายตามองครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นฉินมู่หลานกลับกวาดสายตามองอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานและเจียงลวี่ชิวยืนอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีเหตุผล หล่อนจึงเดินตรงไปข้างหน้า

หลังจากผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านไปแล้ว เจียงลวี่ชิวก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพร้อมกับเอ่ย “ครูเริ่นคนนี้ยังคงภาคภูมิใจเช่นเคย เมื่อเห็นเราที่เป็นคนชนบทมาที่หมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้สนใจเราเลยสักนิด แต่เขาก็เป็นถึงอาจารย์น่ะนะ ย่อมดูถูกแม่บ้านอย่างพวกเราอยู่แล้ว”

“ครูเริ่นเหรอ?”

เจียงลวี่ชิวเห็นฉินมู่หลานถามขึ้น จึงเล่าเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนเมื่อครู่ให้ฟัง

“พี่สะใภ้ คนที่เพิ่งเดินผ่านไปเมื่อกี้ชื่อเริ่นม่านลี่ หล่อนคือภรรยาของผู้นำเหยาหยินหนิง ได้ยินมาว่าผู้นำเหยาคือคนของตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง เชื้อสายตระกูลของเริ่นม่านลี่คนนี้ก็ดีมาก ดังนั้นปกติแล้วพวกเขาสองสามีภรรยาไม่ค่อยเสวนากับพวกเราหรอก ”

เมื่อฉินมู่หลานได้ยินอย่างนั้น เธอจึงพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจ เพียงแต่เธอไม่ได้นำมาใส่ใจ คนอื่นไม่สนใจเธอ เธอย่อมไม่สนใจเขาอยู่แล้ว

“หลู่ชิว งั้นพวกเราเอาตามนี้นะ วันมะรืนมากินอาหารที่บ้านเรา”

“ได้”

หลังจากนั้นทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามประโยค ฉินมู่หลานก็กลับไปบ้าน เมื่อเธอกลับถึงบ้านก็เปิดซองจดหมายใบใหญ่ดู นับๆ เงินด้านในดูแล้วพบว่ามีเงินหนึ่งพันหยวนอยู่ในนั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยจริงๆ เงินเดือนของครอบครัวที่มีรายได้สองทางอาจจะมีมากถึงขนาดนี้

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาในตอนเย็น ฉินมู่หลานก็เล่าเรื่องรางวัลให้เขาฟัง

เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนั้น “ในเมื่อผบ.ให้มาแล้ว งั้นคุณก็เก็บไว้เถอะ เพราะยังไงแล้วใบสั่งยาเหล่านั้นก็ดีจริงๆ นอกจากพวกเราแล้วดูเหมือนว่าจะถูกส่งไปยังเขตทหารอื่นๆ ด้วยนะ”

เมื่อฉินมู่หลานได้ยินอย่างนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เก็บค่ะเก็บ ฉันย่อมต้องเก็บไว้แน่” เมื่อพูดแล้วเธอก็พูดถึงเรื่องที่จะเชิญแขกมากินอาหารวันมะรืนนี้ด้วย “คุณลองดูนะว่าคุณจะเชิญใครมา เมื่อถึงตอนนั้นจะได้เชิญมาพร้อมกัน”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้กังวลเรื่องอื่นเลย เขากังวลแค่ว่าฉินมู่หลานจะเหนื่อย “ไม่งั้นก็ให้พ่อครัวที่โรงอาหารทำอาหารเลี้ยงที่โรงอาหารสักโต๊ะไหม เราแค่เป็นคนเลี้ยงก็พอ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ จัดที่บ้านนี่แหละ เพราะยังไงลวี่ชิวเองก็จะมาช่วยด้วย อีกอย่างทำอาหารก็ไม่ได้เหนื่อยเลย คุณวางใจได้”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะต้องเข้ามาช่วย

เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ถือโอกาสตอนเตรียมวัตถุดิบและจัดการทำสิ่งที่ต้องทำก่อนจนเสร็จ ตอนนี้อากาศหนาวสามารถนำมาวางไว้ข้างนอกได้

ฉินมู่หลานที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางยุ่งๆของเซี่ยเจ๋อหลี่ ผู้ชายคนนี้รักเธอจริงๆ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เริ่มมีสังคมมีเพื่อนแล้ว คบใครขอให้ดูกันดีๆ นะ เพิ่งได้รางวัลเป็นเงินก้อนใหญ่ด้วย

ไหหม่า(海馬)